Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
นางร้าย ฉบับสวยปิ๊ง 美丽的恶棍

นางร้าย ฉบับสวยปิ๊ง 美丽的恶棍

จื้อห้วงหนาน_06

5.0
ความคิดเห็น
2.1K
ชม
5
บท

ฉันจะต้องร้ายที่สุด ฉันจะต้องงามที่สุดในปฐพีและฉันจะต้องเก่งที่สุด 'หม่านซื่อหลิง'สาวโชคร้ายผู้เกิดอุบัติเหตุ(นอน)เสียชีวิตและได้รับชีวิตใหม่ในร่างนางร้าย!

บทที่ 1 ปฐมบทแห่งความวุ่นวาย

"คุณหนูเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ!" บ่าวรับใช้มวยผมสองข้างวิ่งเข้ามาหาร่างบางที่ที่นั่งปลูกผักอยู่ในบริเวณจวนของตนอย่างมีความสุข

แต่ความสุขของนางก็ต้องเป็นอันจบลงเมื่อคนที่ได้ชื่อว่าพ่อผู้มิเคยหันหัวมามองนางเลยในคราเดียว เพราะนางดื้อรั้นเป็นที่สุด ได้กลับมาที่จวน

"คนพรรณนั้นอย่าสนเลย เอาเวลามาทำมาหากินยังมีประโยชน์กว่าเยอะ" หญิงสาวพูดไปพลางปลูกผักไป

"มะ..ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู! หากท่านเสนาบดีไม่เจอคุณหนูที่นั้นข้ากับท่านจะโดนโบยเอาได้นะเจ้าคะ" บ่าวรับใช้พูดขึ้นพร้อมกับหยิบจอบของร่างบางไปเก็บเข้าที่

"นิ! เจ้าทำอะไรนะ ปลอบจอบเดี๋ยวนี้นะ"

"หากท่านไม่ไปข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าคะ ไปแค่เคอเดียวไม่ตายหรอกนะเจ้าคะคุณหนู" หญิงทั้งสองพลางดึงจอบกันไปมาก่อนร่างบางจะเป็นฝ่ายปล่อยจอบไป

ข้ามิอยากไปเลยเห็นหน้าแล้วแทบเอียน พอเห็นสายตาเหยียดหยามพวกนั้นตัวเราก็แทบอยากจะเดินหนีเสียอย่างนั่น หน้ารำคาญ ทำไมข้าจำต้องเกิดมาอยู่ในร่างเด็กนี้ด้วยนะ!

ทั้งๆที่ตัวเลือกมีมากมายแท้ๆเหตุใดจึงมิยอมให้ตัวข้านั้นเกิดมาอยู่ในร่างนางเอกเสียเล่า

"เจ้ายืนงงอะไร ไปเตรียมชุดให้ข้าสิจะได้รีบๆไปรีบๆกลับ!" ร่างระหงพูดขึ้นก่อนบ่าวรับใช้จะฉีกยิ้มดีใจขึ้น นางรีบวิ่งเข้าไปในจวนหลังเล็กภายในมีเสียงกุกกักเล็กน้อยเหมือนกำลังหาบางอย่าง

'เฮ้อ... ข้าควรทำเช่นไรดีจะกลับไปที่โลกเดิมก็ไม่ได้จะหนีก็ไม่มีที่พึ่งพิงเสียด้วยสิ ข้าละอยากถอนหายใจเป็นสีรุ่งเสียจริง'

ร่างระหงพลางครุ่นคิดหนัก แต่นางจำต้องจำใจอยู่ต่อไป ตลอดชีวิต นางอยากตายอีกรอบแม้คราวจะได้ไปอยู่ในปรโลกก็ตาม

____________________________________

"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูงามมากเลยเจ้าค่ะ" ร่างระหงพลังมองกระจกทองเหลืองที่สะท้อนใบหน้าของตนแม้เลือนลางนักแต่รับรู้ได้ว่ามันสวยงามมากจริงๆ

"ฝีมือแต่งหน้าของข้าไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว" ร่างระหงชูสองนิ้วขึ้นแนบใบหน้า จนทำให้บ่าวของตกอยู่ในอาการงุนงงและยังทำตัวไม่ถูกกับกิริยาของเธอ

"สองรองใคร? คืออะไรเจ้าคะ" บ่าวร่างเล็กเปล่งวาจาใส่เธอด้วยความงุนงงสงสัย

"เอาเป็นว่ามันมีความหมายดีละกัน" นวลระหงส์ยิ้มหวามใส่บ่าวที่กำลังยืนอยู่ข้างหลัง

"เจ้าคะคุณหนู" บ่าวรับใช้เอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อยๆให้เธอ

ในชีวิตของฉันสิ่งที่ฉันไม่อยากทำที่สุดคือการพบเจอครอบครัว(ลวงๆ)ของตัวเอง... แต่ว่าในเมื่อมันเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องจำใจ แม้ในสายตาของทุกคนจะคิดว่าฉันเป็นคนเลวทรามก็ตาม

เพราะอะไรนะเหรอก็เพราะเจ้าของร่างเก่าล่ะสิ พาลกับคนอื่นเขาไว้เยอะจนสุดท้ายตนเองก็กลับจนตรอก ในที่สุดก็สิ้นใจเพราะตัวพระ ไปรักกับตัวนาง เห้อ..น่าสงสารๆ

ฉันพยายามหาทางกลับโลกปัจจุบันแต่มันก็ทำไม่ได้ แม้จะกลับไปในที่เดิมๆก็แล้ว ทำอะไรอะไรบ้าๆก็แล้วผลสุดท้ายก็ต้องจำใจรับชีวิตที่เหลือของ 'นางร้าย' ในนิยายที่ตนเองอ่าน

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ หลายเดือนที่แล้ว

____________________________________

1 เดือนก่อนเกิดเรื่อง

ณ มลฑลชานซี ประเทศจีน

'บริษัท หลิวเหว่ย กรุ๊ป'

' ฟึบ ฟุบ ฟึบ ฟุบ ' เสียงลุกๆนั่งๆของร่างนวลระหงบนเก้าอี้หนังตัวโปรด

"นี้ๆ ซื่อหลิง ถ้าเธอจะลุกๆนั่งๆอย่างนี้ ฉันว่าเธอเดินไปหานางเองเลยดีกว่านะ" เสียงเพื่อนสาวคนสนิทเรียกบัดดี้ของตน

"อึ๋ย~ ลี่จางเธอเห็นรึป่าวพอนางได้รับคำชมจากหัวหน้าก็ทำเป็นเขินชักดิ้นชักงอ เหอะ!" ร่างระหงมองหญิงสาวตรงหลังแผ่นกั้นด้วยสีหน้าดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนเธอจะสะบัดก้นของตนนั่งเก้าอี้อย่างเป็นสุข

เธอเป็นคนขี้รำคาญคนที่ชอบประจบประแจงคนโน่นนั้นคนนี้ ทำไมชอบคำชมนักรึไง ที่เธอพูดหวานใส่บ้างทำเป็นหยิ่งใส่นางคิดว่านางดีมาจากไหนห้ะ!

"เอาน่าๆ เรากลับหอกันดีกว่าอย่ามัวมานั่งมองเสนียดสายตาเลย ฉันเห็นว่าเธอซื้อนิยายมาอ่านด้วยนี้หน่าฉันละอยากลองไปอ่านจะตายอยู่แล้วล่ะ" ลี่จางมองคนหน้างอข้างๆ

เธอคิดว่าเพื่อนสาวของเธอเป็นไบโพล่าเพราะเดี๋ยวหล่อนก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย แต่สิ่งที่ทำให้ฉันชอบเธอคือการที่เธอนั้นเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีความสุข

"เหอะ! ก็ได้กลับก็กลับ!" หญิงสาวทั้งสองลุกขึ้นเก็บโต๊ะสะพายกระเป๋าข้าง สาวเท้าฉับออกไปจากออฟฟิต ตรงดิ่งไปหอพักของตน

____________________________________

ณ หอพัก

ไม่กี่ชั่วโมงหลักจากกลับมาจากออฟฟิตฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนกระโดดกลิ้งลงบนเตียงนิ่ม มือเรียวพลางหยิบหนังสือเล่มใหม่มาอ่าน

หัวใจเธอโลดเต้นจนแทบจะกระโดดออกมานอกอก เธอนำมือเรียวของตนลูบไปบนปกหนังสือหนาอย่างเปี่ยมสุข

เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างเข้มข้นจนคนติดนิยายอย่างเธอไม่สามารถปล่อยมันออกไปได้ นางเอกก็เป็นขุนแม่ผู้แสนดีเหลือเกิน ส่วนนางร้ายก็แสนร้ายเหลือคำบรรยาย

นิยายดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว ร่างระหงที่นอนราบอยู่บนเตียงถอนหายใจดังเฮือก 'เธอยังอ่านไม่ทันสนุกจบอีกละ' นางคิดอย่าท้อแท้จนที่สุดแล้วเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงหน้าสุดท้าย

ร่างระหงอยากรู้เหลือ พระเอกจะคิดอย่างไรกับนางเอกกันแน่ ต่อให้หลับหูหลับตาก็รู้อยู่ว่านางเอกมีใจให้ พระเอกคงไม่ต่างกันนักหรอก แต่เธอสงสารตัวร้ายมากกว่าที่สุดท้ายนั้นตายอย่างน่าเวทนายิ่ง

'ตุ๊บ!' ท่อนไม้หนากระแทกเข้ากลางหลังของร่างระหงอย่างแรง จนคนที่นอนอยู่ถึงกับสะอึก

"อึก! โอ้ย!" สายตาของร่างระหงพร่ามัวจนมองไม่เห็นสิ่งใด

"โอ้ย ใครก็ได้... ลี่จาง..." เธอพลิกตัวไปทางที่ท่อนไม้ฟาดมา ก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ปลายเตียง ใครกัน..โอ้ยเจ็บ นี่ฉันไปทำอะไรให้

' แล้วม่านตาของเธอก็ปิดลง '

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ปรารถนารักหนึ่งเดียว

ปรารถนารักหนึ่งเดียว

รินวรส
4.3

เพียงสบตาสาวน้อยหน้าหวาน ‘นัยน์ตาชวนฝัน’ ที่อาจหาญตบหน้าซีอีโอผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา ‘เดวิโก หนึ่งเดียว เวนนิส’ ก็ประกาศก้องกับตัวเองว่า เขาจะต้องลากเจ้าหล่อนเข้าสู่ ‘กรงทอง’ ให้จงได้ ไม่มีวันที่ ‘แม่กวางน้อยด้อยประสบการณ์’ อย่างหล่อนจะต้านทานเจ้าป่า ‘ผู้ชำนาญงานรัก’ อย่างเขาได้ ใครจะคิดว่าวันสุดท้ายของการฝึกงานก่อนจบการศึกษาจะเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เพียงเพราะเผลอสบตาคมเข้มคู่นั้นเข้าอย่างจัง!! หากฟ้าประทานพรให้เธอขอพรได้หนึ่งข้อ ‘ปรารถนา’ บอกตัวเองอย่างไม่ต้องหยุดคิดว่าพรข้อนั้นที่เธอจะขอคืออะไร เพราะสิ่งเดียวที่เธอจะขอ คือ... ‘ขอให้ผู้ชายบ้าอำนาจ บ้ากามที่จ้องลวนลามเธอคนนี้หายสาบสูญไปซะ’ แต่ยิ่งนานวันเข้า นอกจากฟ้าจะไม่นำพาแล้วยังเหมือนจะเป็นใจหยิบยื่นเนื้อกวางแสนหวานอย่างเธอเข้าปากเสือเสียนี่ เพราะยิ่งเธอพยายามหนีห่างจากเขามากเท่าไร เธอกลับพบว่าตัวเองกลับยิ่งเข้าใกล้เขามากขึ้นเท่านั้น ใกล้เสียจน...เธอสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ “ฉันลงมือปรุงซุปถ้วยนี้ด้วยตัวเองเลยนะ เธอจะไม่ชิมสักหน่อยเหรอ ใช่ว่าใครจะมีวาสนาได้กินฝีมือฉันง่ายๆนะ” “คุณทำคุณก็กินเองสิคะ ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณทำสักหน่อย” “เธอไม่กินงั้นฉันกินเองก็ได้” “เชิญ!” ปรารถนาเบะปากยิ้มหยันพลางขยับกายหมายล้มตัวลงนอน แต่ทว่า... “ว้าย! คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ” “บังเอิญฉันไม่ชอบอะไรที่มันจืดชืดแบบซุปนั่น เลยอยากลองชิมเนื้อกวางอย่างเธอเสียหน่อยว่าจะอร่อยแค่ไหน หึหึ”

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

ข้าคือฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไม่รัก

เด็กน้อยคว้าฝัน
4.8

เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ