ทาสสวาทชู้ซาตาน

ทาสสวาทชู้ซาตาน

มณีน้ำเพชร

5.0
ความคิดเห็น
2.7K
ชม
54
บท

‘กาย’ หนุ่มใหญ่ผู้ไม่เคยมีศรัทธาในความรัก เขากระหายในความเจ็บปวด ยิ่งเธอทรมาน ก็ยิ่งมีความสุข เสียงครวญครางของเธอเป็นเหมือนอาหารรสเลิศที่ขาดไม่ได้ ทว่า...เธอกลับเรียกแรงศรัทธาในความรักให้เดินเข้าหาเขา ‘มารียัน’ เด็กสาวผู้ที่ตกหลุมพรางของผู้ใหญ่ กลายเป็นทาสของซาตานผู้ไร้หัวใจ เป็นชู้กับน้าเขยตัวเอง บทรักของเขาเรียกน้ำตาจากเธอทุกครั้ง ทว่า...มันกลายเป็นยาเสพติดที่เธอขาดไม่ได้ จะทำยังไงให้ซาตานที่รักตอบแทนความรักอันเจ็บปวดของเธอได้บ้าง

บทที่ 1 1 1

1

เผลอใจเพราะมัวเมา

กายแบบบางสั่นสะท้านอยู่ใต้ร่มลายการ์ตูนมิกกี้เม้าส์ ห่าฝนยังกระหน่ำซัดไม่ขาดสาย เสียงฟ้าร้องคำรามก้องครืนๆ ผ่าเปรี้ยงทีเจ้าของร่างบางเป็นต้องสะดุ้ง ฝนไม่กลัวแต่กลัวฟ้าโดยเฉพาะเสียงและแสงของสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงที่ไหนสักแห่ง มารียัน รัชตะโยธิน หลับตาปี๋ เรือนร่างแบบบางในชุดนักศึกษาเปียกปอนจากห่าฝน ร่มเล็กมิอาจกั้นสายน้ำที่สาดซ่านไปทั่วทุกบริเวณหย่อมหญ้า

สายตากลมโตหยีเล็กเพื่อเพ่งเล็งไปทั่วทุกทิศทาง สายฝนคงปิดทางไม่ให้เธอหนีไปไหน ร่างกายสั่นระริกฟันกัดกระทบกันดังกึกๆ มารียัน วัย 20 ปี หนาวเหน็บจนปากซีด

‘ทำไงดี ฝนตกหนักขนาดนี้จะไปไหนได้’

ต้องเลือกระหว่างทางซ้าย ซึ่งต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงคอนโดมิเนียมหรูของน้าสาว ปรีชญา บริพัตน์กายชล น้าสาววัย 43 ปีของเธอ หรือจะไปทางขวาอีก 10 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านของเธอซึ่งอยู่กับแม่เพียงลำพัง ใกล้หรือไกล มารียันก็ต้องเลือกหนทางที่ใกล้ ดูท่าฟ้าจะไม่เปิดทางให้เธอกลับถึงบ้านในตอนนี้

สาวน้อยวัยกระเตาะกางร่มที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยไปทางซ้าย เดินต่อไปถึงคอนโดมิเนียมหรูราคาแพงมาก น้าสาวของเธอเป็นเจ้าของห้องพักบนตึกสูงระฟ้านี้ ไม่สิ มันเป็นของน้าเขยของเธอต่างหาก สามีของน้าปรีชญาชื่อกาย บริพัตน์กายชล น้าเขยอายุน้อยกว่าน้าปรีชญา 4 ปี แต่งานนี้ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด หรืออย่างในหนังไทยที่ว่าฝ่ายหญิงอายุมากกว่าต้องเลี้ยงดูฝ่ายชายที่อายุน้อยกว่า เพราะน้าเขยวัย 39 เป็นผู้ชายต้นแบบที่ทุกคนควรจะเอาเยี่ยงอย่าง เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุเพียง 30 มีธุรกิจใหญ่โต มีบ้านหลังเบ้อเริ่ม งานอดิเรกคือการซื้อรถซูเปอร์คาร์ ที่ในขณะนี้มีในครอบครองไม่ต่ำกว่า 10 คัน

ที่สำคัญก็คือ น้ากายหล่อมาก หล่อกว่าดาราดังๆ ในยุคนี้หลายคนทีเดียว

เท้าบางๆ ก้าวไวขึ้นเมื่อห่าฝนยิ่งกระหน่ำกลืนทุกสิ่งไปต่อหน้าต่อตา ตกมานานกว่าชั่วโมงระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าตกติดต่อกันทั้งคืนมีหวังน้ำท่วมกรุงเทพฯ แน่แท้

มารียันถอนใจเอาลมหายใจอุ่นๆ ออกจากรูจมูก หนาวสั่นจนอยากจะกลายเป็นลูกหมาแล้วสะบัดขนพรืดๆ เธอหุบร่มแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ เธอเคยมาที่นี่แล้ว 3 หนกระมัง ทุกครั้งก็มากับแม่ เอาโน่นนี่นั่นมาให้น้าปรีชญา หวังว่าจะไม่แห้ว หวังว่าจะเจอน้าสาวจะได้ขอพักหลบฝนคลายหนาวสักหน่อย

เมื่อมาถึงห้องชุดสุดหรูหมายเลข 20321 สาวน้อยก็กดกริ่ง ทว่าไม่มีใครเปิดประตู สาวน้อยกดกริ่งเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ก็ยังไม่มีใครเปิดประตู มารียันลองบิดลูกบิดเพียงนิดเดียวประตูหนาหนักก็เปิดกว้าง เธอก้าวเข้าไปด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้รอยยิ้มของเธอหุบฉับ

‘กรี๊ดดดดดดดดดดดด’ เสียงของเธอดังลั่นอยู่ในอก มือบางตะปบปิดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องไม่ให้ออกมาก

ภาพที่เห็น คือภาพของปรีชญาเปลือยเปล่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอ้าซ่าอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลไหม้ แขนทั้งสองข้างยกพาดไว้บนพนัก เต้านมขาวผ่องอยู่ในกำมือของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่น้าเขยของเธอ เต้านมอีกข้างถูกชายคนนั้นดูดดื่มอย่างตะกละตะกลามหิวโหย ทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจเธอเหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอยืนนิ่งถูกสาปอยู่ตรงนี้

ต้นขาของน้าสาวตั้งชันแบะอ้าให้ผู้ชายคนนั้นกระเถิบตัวลงต่ำ แล้วสิ่งที่ทำให้มารียันต้องกลั้นหายใจกลัวแม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเองก็คือ ริมฝีปากของผู้ชายคนนั้นกำลังกดลงแนบกลีบแคมอันอุดมไปด้วยเส้นไหมสีน้ำตาลอ่อน

‘โอ้แม่เจ้า นี่มันอะไรกัน’

ลิ้นหนาๆ แผ่กว้างเลียกลีบแคมของน้า ร่างของน้าเกร็งเครียดแล้วสั่นระริก

“โอ้ววว เสียวจังเลย ซี้ดดดด ร่องฉันสั่นไปหมดแล้วแพทริก อ๊า”

“ครางแบบนี้แสดงว่าสั่นสู้ ผัวคุณเอาเก่งแบบผมหรือเปล่าปรี”

“ซี้ดดดดด ม่ายเลย เขาสู้คุณไม่ได้สักนิดแพทริก อ๊ะ โอ้ววว”

กลีบแคมของน้าปรีชญาทำเอามารียันแทบทรุด นี่เธอกำลังดูอะไร ฉากเซ็กส์ หรือหนังโป๊ สองคนนั่นกล้าทำแบบนี้ตอนกลางวันแสกๆ เชียวหรือ

โอว...ทำไมน้าปรีถึงกล้านอกใจน้ากาย ทั้งที่น้ากายหล่อกว่าผู้ชายหัวล้านใสปิ๊งคนนี้เยอะ

“อูยยย แพทริกคะ เอาปรีแรงๆ นะคะ เอาให้ร่องปรีถลอกไปเลย ได้โปรด”

“ผมรู้ คุณชอบความรุนแรง ผัวคุณคงจืดชืดเป็นน้ำยาเย็นสินะปรี ไม่อยากเชื่อ ทั้งที่มันเด็กกว่าคุณหลายปี แต่สงสัยเรี่ยวแรงมันคงไม่มากพอจะมัดใจคุณได้เท่าผม”

“อย่าถามปรี เอาปรีสิคะแพทริก ปรีอยากกอดท่อนเอ็นของคุณจะแย่แล้ว”

“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะสะใจของผู้ชายชื่อฝรั่งหัวล้าน แต่พูดไทยชัดเจนคนนั้นทำให้คนที่ยืนค้างเหมือนถูกสาปรู้สึกตัว แล้วถอยหลังออกจากกรอบประตูนั้นก่อนค่อยๆ ปิดสนิท

มารียันยกมืออุดปากเบิกตากว้างโพลงเมื่อเธอหมุนกายไปชนกำแพงเลือดเนื้อสูงตระหง่าน น้าเขยของเธอนั่นเอง ทำให้เธอน้ำตาแทบร่วงอดสูใจกับความเส็งเคร็งของน้าสาว อับอายขายหน้าแทน ใครเลยจะคิดว่าผู้หญิงที่มีหน้าที่การงานดี แต่งงานกับเศรษฐีรูปหล่อจะคิดนอกใจสามีเล่นชู้ถึงในบ้าน

“มารียันงั้นรึ” กายเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นสูง ทุกครั้งที่เจอเธอ เขามักจะกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างบอบบาง มักจะคำนวณอายุเธอจากรูปร่างหน้าตาแล้วเปรียบเทียบกับอายุจริงๆ ความแตกต่างของวัยเป็นเรื่องที่เขาต้องถอนใจอย่างหนักหน่วง ตัวเลขนั้นทำให้ระยะห่างดูจะทอดยาวออกไปไกล

“สวัสดีค่ะน้ากาย” มารียันประนมมือไหว้ เนื้อตัวของเธอยังคงเปียกมะลอกมะแลกเหมือนลูกหมาตกน้ำ

“ตากฝนมาทำไมไม่เข้าไปข้างใน หรือปรีไม่อยู่”

กายก้าวเฉียงเพื่อไขกุญแจห้อง ทว่า

“ไม่ต้องค่ะน้ากาย มารีไม่อยากรบกวน เอ่อ น้ากายมีอีกห้องไม่ใช่หรือคะ”

เธอรู้ว่าเขาซื้อห้องชุดเอาไว้ติดกันและมีแพลนจะรวมให้เป็นห้องใหญ่ กายพยักหน้าเอียงคอน้อยๆ แววตาของเขาเหมือนรู้เท่าทันความคิดของเธอ สาวน้อยส่ายหน้าระรัว

“มารีอยากอยู่กับน้ากายโดยไม่มีน้าปรีอยู่ด้วย” พูดไปแล้วตากลมก็โตเท่าไข่ห่าน ยกมือปิดปากไม่ทันเสียแล้ว นี่เธอหลุดปากพูดอะไรออกไป

“คะ คือ คือว่ามารีแค่” จะแก้ตัวยังไงล่ะทีนี้

“มานี่เถอะ”

กายกระตุกมือมารียันไปห้องข้างๆ แล้วไขประตูเข้าไป ภายในห้องนี้ยังไม่ได้ตกแต่งใดๆ เฟอร์นิเจอร์มีแค่พอไม่ให้ว่างเปล่า และตอนนี้มันโล่งมากในความรู้สึกของเด็กสาว กายสำรวจท่าทีของหลานเมียก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเหนี่ยวร่างบอบบางให้นั่งบนตัก

“อุ๊ย น้ากาย”

มารียันไม่คิดว่ากายจะให้เธอนั่งบนนี้ มันใกล้ชิดเกินไป มันไม่เหมาะสม ไม่ควรอย่างยิ่งที่หลานสาวอย่างเธอจะนั่งบนตักน้าเขย เธอพยายามขยับลุกจากตักติดที่มือกายซึ่งกดลงบนหน้าขา สายตาของเขาตรึงเธอให้อยู่นิ่ง

“เธอว่าอยากจะอยู่กับฉันสองต่อสองไม่ใช่รึ”

ลมหายใจของมารียันทวีความร้อนแรงอยู่ในทรวงอก การจะดึงเขาออกห่างสถานการณ์อันน่ารังเกียจก็ดีหรอก เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของน้าปรีชญาก็ใช่ แต่การจะอยู่กับชายหนุ่มวัย 39 ที่มีความหล่อเหลาถึงขีดสุด เรือนร่างของเขาตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อมันยากยิ่ง ลมหายใจของเขาอุ่นร้อนกำลังรดใบหน้าเธอ มารียันถอนใจเมื่อลอบมองริมฝีปากหยักลึกสีเข้มนิดๆ ของเขา

อาการช้อนตามองริมฝีปากทำให้เส้นบางๆ ที่ขึงคาดกั้นไว้นั้นขาดผึง กายกดปากร้อนระอุทาบปากอิ่มเต่งตึง ใช้สองมือตรึงดวงหน้าหวานที่กำลังซีดสลับแดง วนหัวแม่มือกับแก้มนุ่มและกกหู

“อา หวานจัง เธอรู้มั้ยฉันอยากลิ้มลองรสชาติริมฝีปากเธอมานานแค่ไหนแล้ว”

“คะ น้ากาย วะ ว่าอะไรนะคะ”

ไม่รู้ทำไม มารียันถึงเห็นรอยยิ้มบางๆ ของกายเย็นเยียบชวนขนลุก แม้ว่ารอยยิ้มบางๆ นั้นจะชวนมองแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วราวจะซุกซ่อนอะไรไว้บางอย่าง มารียันคิดถึงรอยยิ้มแว่บเดียวที่เขาเคยยิ้มให้เมื่อนานมาแล้ว รอยยิ้มนั้นช่างอ่อนโยนไม่เหมือนครั้งนี้ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความท้าทายและชัยชนะ

กายกดปากลงบนซีกแก้มขาวสลับแดง เว้าวอนฉกฉวยโอกาสจากเธอชนิดที่ทำให้สาวน้อยขนลุกเกรียว เธอเอียงหน้าหลบซ้าย เขาก็จูบแก้มขวา พอเอียงหน้าหลบขวาเขาก็จูบแก้มซ้าย พอจะก้มหน้าหนีทั้งซ้ายและขวาเขาก็จูบกลางกระหม่อม แล้วผลักเธอให้เงยหน้าสบตาคมกริบคู่นั้น

“ได้แต่มองอยู่ห่างๆ ใครจะรู้บ้างว่าทรมานแค่ไหน”

“ฮะ อะ เอ่อ น้ากายพูดเรื่องอะไรคะ มารีงง”

“หนูมารี” เสียงทุ้มแผ่วเบาชวนให้ใจเต้นแรง มารียันผ่อนลมหายใจก่อนขับขานด้วยความลืมตัว เสียงเล็กของเธอไพเราะเสนาะหู เชื้อชวนเขาโดยไม่รู้ตัว

“ขา”

กายอดใจไม่ไหวเชยคางมนที่พยายามก้มงุดเพื่อจูบปาก มารียันตัวสั่น ดูว่าความหนาวเหน็บหรือความเย็นจากเสื้อผ้าเปียกปอนจะทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่เห็นผนังห้องคงคิดว่ากำลังยืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ยังกระหน่ำระห่ำเสียงเซ็งแซ่เข้ามาให้ได้ยิน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ มณีน้ำเพชร

ข้อมูลเพิ่มเติม
อาเขยจอมเถื่อน

อาเขยจอมเถื่อน

โรแมนติก

5.0

เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”

ด้วยมนตราแห่งรัก

ด้วยมนตราแห่งรัก

โรแมนติก

5.0

“เจ้านายอย่าคิดว่า ความคิดความรู้สึกของเจ้านายนั้นถูกหมดทุกอย่างนะคะ” สาวน้อยเริ่มไม่พอใจ ที่เขาหาเรื่องรวนเธอ ชวนนท์ยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว ห่างกันแค่มือเอื้อมถึง ความสูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเล็กลงไปอีก “เธออย่าปฏิเสธฉันเลยดลลดา ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามา ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอกลัวฉัน” “ดิฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวคุณ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “แน่ใจเหรอ” “ค่ะ” แล้วลำแขนเรียวกลมกลึง ก็ถูกมือใหญ่กระชากเข้าหาตัวชายหนุ่ม จนทรวงอกนุ่มหยุ่นแนบชิดกับอกกว้างแข็งแรงของเขา ดลลดาขืนตัวเอาไว้เต็มกำลังที่มี แม้จะเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม ดวงตาคู่สวยมองสบดวงตาคมกริบด้วยความหวาดกลัว “นั่นไง เธอกลัวฉันจริงๆ” ชวนนท์เห็นความกลัวในดวงตาของหญิงสาว “เจ้านาย ปล่อยค่ะ” เสียงใสๆ นั้นสั่นระรัว

เพลงกาม

เพลงกาม

โรแมนติก

5.0

เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ซีไซต์
5.0

หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

สามีใหม่ของฉัน สุดยอดน่าดูเลย

สามีใหม่ของฉัน สุดยอดน่าดูเลย

Thaddeus Shore
5.0

ทั้งเมืองรู้กันดีว่า หลังจากที่ลู่ซิงหลานถูกเปิดเผยว่าเป็นลูกสาวปลอม เธอก็ถูกสามีขับไล่ออกจากชีวิต พ่อแม่ก็ทอดทิ้ง พี่ชายก็รังเกียจ ครอบครัวของสามีตัดสินใจไล่เธอออกจากบ้านอย่างเด็ดขาด แต่ใครจะคิดว่าเธอกลับไปพึ่งพา ลี่จิ่งเหยียน ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแทนในทันที ขณะที่ทุกคนรอให้ลี่จิ่งเหยียนถีบลู่ซิงหลานออกไปนั้น ลู่ซิงหลานก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอย่างใจเย็น มันมีแต่เรื่องที่ทำให้ประหลาดใจเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือบรรดาผู้ทรงอิทธิพลต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอเป็นแถว สามีเก่าที่เป็นคนไม่ดีอยากกลับมาง้อขอคืนดี ลู่ซิงหลานก็จัดการเขาทิ้งทันที และกลับยิ้มให้สามีใหม่แล้วพูดว่า "ที่รัก คุณสามารถพึ่งพาฉันได้นะ" ใครจะคิดว่าลี่จิ่งเหยียนเองก็เป็น ผู้ทรงอิทธิพลไม่เบา พร้อมยิ้มแย้ม "แต่ที่รัก ผมอยากครองใจคุณมากกว่า" องค์กรระหว่างประเทศเพิ่งเผชิญกับสามเหตุการณ์สำคัญ หนึ่งคือการที่ลู่ซิงหลานหย่าร้าง สองคือการที่ลี่จิ่งเหยียนแต่งงาน และสามคือคู่รักที่มีตัวตนลับมากมายที่แกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกลวง ทั้งสองสมคบคิด ทำอะไรไม่ดี

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ