5.0
ความคิดเห็น
4.6K
ชม
50
บท

อกหักไม่ตาย แต่ช้ำใจจนต้องหอบร่างมาพักใจถึงประเทศลาวเป็นเดือนๆ และจะดีกว่านี้มากถ้าหากเอเจนซี่ทัวร์ที่ผมขอให้หาไกด์ให้ไม่ส่งไอ้เด็กกุ๊ยนั่นมา "เป็นเกย์บ่นิ อย่ายุ่งกับดากข้อยเด้อ" ...มารดาเอ็งเถอะ!

บทที่ 1 ไอ้งี่เง่า

บทที่ 1

มีใครเคยบอกว่า ‘ถ้าอกหักก็ต้องไปพักใจ’

เพราะวลีนี้ ผมเลยมาโผล่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ชายแดนระหว่างประเทศไทย-ลาวในช่วงบ่ายของวันใหม่หลังจากที่ใช้เวลาอยู่บนรถบัสจากทางภาคเหนือมายังภาคอีสานตลอดทั้งคืน การกระทำของผมค่อนข้างจะวู่วามและดูงี่เง่าไปสักหน่อย เพราะจู่ๆ ผมก็ออกจากบ้านมาแบบไม่บอกกล่าวใคร ไม่บอกทั้งไอ้จอมแสบ ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายอายุมากกว่ากันสามปี และไอ้จอมแก่น น้องชายอายุน้อยกว่ากันเจ็ดปี ซ้ำยังทิ้งร้านนมซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของตัวเองในจังหวัดพิษณุโลกมาโดยไม่สนใจอะไรอีกด้วย

ความสิ้นคิดของผมในการกระทำนี้มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น...

ผมอกหัก... อกหักจากผู้ชายคนนึงที่ผมเคยตามจีบอยู่

ใช่ครับ... ผู้ชาย ยืดอกยอมรับแมนๆ เลยว่าผมเป็นเกย์ และคนที่ผมจีบก็เป็นเกย์เช่นกัน แต่บังเอิญว่าการเป็นเกย์กันทั้งคู่ไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะจีบเขาติด ในเมื่อเขาคบหาอยู่กับคนอื่น ผมก็ไม่อยากจะเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี เขาไม่รักก็ตื๊อไม่เลิกอะไรเทือกนั้นเลยต้องกลับมาดูแลตัวเอง

ช่วงแรกๆ ที่ผมพยายามตัดใจ ผมก็คิดนะว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องยากเพราะผมเพิ่งจะรู้จักเขาไม่นานเท่าไหร่ ทว่าเอาเข้าจริง ความรู้สึกของผมที่มีให้เขาคนนั้นมันมากเกินกว่าการจีบเล่นๆ กว่าจะรู้ตัวว่าผมชอบเขาจริงๆ ก็เจ็บปวดรวดร้าวจนทนเห็นหน้ากันไม่ไหวแล้ว

ก็นะ เวลาเห็นคนที่ผมชอบอยู่กับคนที่เขารักมันปวดใจนี่ ถึงเราจะยังมีมิตรภาพดีๆ ให้แก่กัน แต่มันก็ทนดูไม่ได้ มาอยู่ห่างๆ น่ะดีแล้ว ห่างกันให้มากที่สุด...

ห่างแค่ในจังหวัดคงไม่พอ เลยต้องห่างกันข้ามประเทศ ทว่าจะให้ไปไหนไกลๆ ผมก็ไม่มีอารมณ์เท่าไหร่นัก สุดท้ายเลยมาจบที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว เดินทางง่าย ค่าเงินไม่ต่างกันมาก แถมภาษาก็ใกล้เคียง มาคนเดียว ยังไงคนไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างผมก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว

ผมลงจากรถทัวร์ที่มาส่งยังท่ารถซึ่งจะต้องขึ้นต่อเพื่อข้ามไปยังลาวในตอนบ่าย จัดการซื้อตั๋วอะไรเสร็จก็เปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ปิดเอาไว้ตั้งแต่ออกจากบ้านขึ้นมาเช็กว่ามีใครติดต่อมาไหม พอหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นเท่านั้น ข้อความแจ้งเตือนมิสคอลมากมายก็ปรากฏให้เห็น คนที่โทรเข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้แสบกับไอ้แก่น พี่กับน้องของผมนั่นเอง โทรมากันเป็นร้อยๆ สาย มีสายของพ่อกับแม่ที่ทำสวนผลไม้อยู่ที่เชียงใหม่โทรเข้ามาด้วย ดูท่าพวกมันคงจะโทรบอกพ่อกับแม่ว่าผมหายตัวออกจากบ้านโดยไม่รู้สาเหตุเป็นที่เรียบร้อย ผมเลยโทรกลับหาพวกมันด้วยกลัวว่ามันจะเป็นห่วงจนถึงขั้นไปแจ้งความคนหาย

ผมเลือกที่จะโทรหาไอ้แสบ เพราะถ้าโทรหาไอ้แก่น รับรองเลยว่าไอ้เด็กนั่นมันจะต้องโวยวายที่ผมหายหัวไปแน่ ก็ผมทิ้งงานไว้ให้มันขนาดนั้นน่ะ ไอ้แสบมันมีร้านเหล้าที่ต้องดูแล มันอาจจะไม่ได้มาดูแลประจำสักเท่าไหร่โดยเฉพาะช่วงกลางคืน ดังนั้นหน้าที่ที่เหลือจึงตกเป็นของไอ้แก่นแทน

รอสายได้ไม่นานก็มีเสียงตอบรับ ก่อนผมต้องรีบดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูเมื่ออีกฝ่ายแผดเสียงใส่ลั่น

[อยู่ไหนของมึงเนี่ยไอ้ดื้อ! กูกับไอ้แก่นโทรหามึงจนมือจะหงิกแล้ว มึงหายหัวไปอยู่ไหนมา!]

ดูเหมือนจะคิดผิดเหมือนกันที่โทรหาไอ้แสบเพราะคิดว่ามันจะไม่โวยวาย ความจริงแล้วมันก็โวยวายไม่แพ้กับไอ้แก่นเลย

“มึงใจเย็นๆ กูก็แค่ออกมาเที่ยว”

ผมรีบบอกพี่ชาย ทว่าไอ้แสบไม่ได้คิดว่า ‘ก็แค่’ เหมือนกับผมแม้แต่น้อย พอมันได้ยินเหตุผลของผม มันก็สบถหยาบคายออกมาทันที

[ก็แค่เที่ยวบ้านมึงเถอะ กูนึกว่ามึงโดนใครดักทุบหัวไปฆ่าหมกพงหญ้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไอ้เวรเอ๊ย ไปไหนมาไหนทำไมไม่บอกก่อน]

คำบ่นด่าของมันทำเอาผมหัวเราะออก ก่อนมันจะถามขึ้นมาใหม่

[แล้วนี่ตกลงมึงอยู่ไหน]

“กูอยู่หนองคาย” ผมว่า

ไอ้แสบร้องดังหืมขึ้นมาให้ได้ยินนิดนึงประหนึ่งสงสัย

[ไปหนองคายทำไมวะ]

“กูกำลังจะข้ามฝั่งไปลาว”

[อะไรนะ นี่มึงผีบ้าอะไรเข้าสิงเนี่ย ไปลาวทำบ้าอะไร!]

โวยวายมาอีกแล้ว คราวนี้ไม่ใช่แค่ไอ้แสบด้วยที่โวยวาย เหมือนจะได้ยินเสียงไอ้แก่นดังมาให้ได้ยินแว่วๆ ว่าถามไอ้แสบว่า ‘นั่นพี่ดื้อเหรอ’ ก่อนจะตามมาด้วยการโวยวายด้วยอีกคนเมื่อได้ยินไอ้แสบบอกว่าผมกำลังจะข้ามฝั่งไปลาว ผมเลยต้องรีบตอบคำถามพี่ชายก่อน ไม่งั้นล่ะก็ไอ้แก่นต้องเข้ามาแย่งโทรศัพท์แล้วเป็นตัวแทนแม่ บ่นผมยาวแน่

น้องชายคนเล็กของผมน่ะมันบ่นเก่งจะตาย ปกติเห็นมันเงียบๆ ไม่ค่อยหือค่อยอือกับใคร แต่เวลามันเอ่ยปากอะไรขึ้นมาทีนี่ บอกเลยว่าหูชา ไม่ใช่ว่าผมกลัวมันหรอกนะ แต่รำคาญมากกว่า เป็นน้องเล็กสุดแต่ดันขี้บ่นกว่าใครเพื่อนเพราะดันมีหน้าที่จัดการงานบ้านงานช่องให้พวกพี่ชายที่เป็นหนุ่มโสดทั้งคู่ พอเห็นมันเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่ค่อยอยากคุยกับมันเท่าไหร่ด้วยไม่ต้องการมีแม่คนที่สอง

และเพราะได้ยินพวกมันโวยวายโหวกเหวกมาอย่างนั้น ผมเลยรีบว่าเร็วๆ

“กูก็จะไปเที่ยวน่ะสิ อกหัก ขอไปพักใจหน่อย”

ไอ้แสบที่โวยวายค้างอยู่ก็หันไปบอกไอ้แก่นให้เงียบก่อน จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ดูท่าจะปลีกตัวมาคุยกับผมอีกที่ พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงมันดังขึ้นมา

[เอาจริงดิ มึงช้ำใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ]

“อืม”

[มึงนี่น้า แล้วจะไปกี่วัน]

“น่าจะสักเดือนนึง” ผมว่า

ไอ้แสบบ่นนิดหน่อยที่เห็นว่าผมไปนานกว่าที่มันคาดคิด แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก ด้วยมันรู้ดีว่าผมต้องการเวลาส่วนตัวในเวลาที่เจอความผิดหวัง

ก็ทุกครั้งที่ผมอกหักหรือเลิกกับแฟน ผมก็ทำแบบนี้ทุกที หนีไปที่อื่นโดยไม่บอกใครอะไรแบบนี้ พอเริ่มรู้สึกดีขึ้นก็กลับไปใช้ชีวิตปกติตามเดิม เพียงแต่ครั้งนี้มาไกลกว่าเดิมหน่อยก็เท่านั้น

[เออ พักใจก็พักใจ ไว้สบายใจก่อนแล้วค่อยกลับ ว่าแต่ร้านนมมึงนี่เอาไง ให้ปิดไปก่อนไหม]

“ปิดแล้วกูจะเอาที่ไหนกินวะ ฝากดูหน่อย”

[ภาระกูอีกละ กลับมาแล้วแบ่งกำไรให้กูด้วย]

ทำเป็นว่าผมไปอย่างนั้นแหละ แต่ก็รับปากว่าจะดูแลให้เพราะครั้งก่อนๆ มันก็เป็นแบบนี้

ผมหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะบอก

“เออ ไม่ต้องห่วง ไว้กูกลับไปจะแบ่งกำไรให้”

[ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน อย่าไปโดนหนุ่มลาวหลอกแล้วช้ำใจกลับมาไทยล่ะ]

ไอ้แสบทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ที่เหลือก็เป็นคราวผมที่กำชับพี่ชายให้บอกพ่อกับแม่ว่าผมปลอดภัยดีและกำลังจะไปที่ไหน เหตุผลที่ผมไม่โทรบอกเองเป็นเพราะกลัวว่าจะโดนบ่นยาวโทษฐานทำให้เป็นห่วงน่ะ

พูดคุยตกลงกันเสร็จ ผมก็ตัดสายทิ้ง เตรียมตัวไปขึ้นรถข้ามฝั่งไปลาวเพราะใกล้เวลาที่รถจะออกแล้ว ทว่าในจังหวะที่ผมยกกระเป๋าเป้ใบเขื่องขึ้นสะพายหลัง จู่ๆ ก็มีใครบางคนเดินมาด้านหลังผมพอดี ทำให้กระเป๋าเป้ที่ผมเหวี่ยงขึ้นสะพายไปฟาดโดนคนคนนั้นอย่างจังจนเซถลา ผมไม่เห็นแต่รู้สึกได้เลยรีบวางเป้ลง หันไปหาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าใครคนนั้นกระเด็นไปชนกับเก้าอี้ที่ตั้งไว้สำหรับนั่งรอรถบัสเข้าอย่างจัง

“ขอโทษครับ”

ผมรีบร้องบอกไปโดยเร็ว แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายตาปะทะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่มีความสูงในระดับสายตาผม ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าหากไม่เห็นว่าไอ้หมอนี่ใส่แจ็คเก็ตหนังตัวหนาทับเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขาดๆ มีสายโซ่ห้อยระโยงระยาง อารมณ์เหมือนชาวร็อกอะไรเทือกนั้น ใบหน้าก็สวมแว่นตาดำ ซ้ำยังมีหมวกแก๊ปสวมที่หัว แต่พอดูผมเผ้าที่ยาวปรกบ่าและหนวดเคราเฟิ้มบนใบหน้าแล้ว ผมว่าไม่น่าจะใช่ร็อก คล้ายพวกเพื่อชีวิตมากกว่า ทว่ามีสิ่งที่ไม่เข้าพวกปรากฏให้เห็นอยู่อย่างนึง นั่นก็คือกระเป๋าที่หมอนี่ถือ...

กระเป๋าพลาสติกสายรุ้ง...

หรือที่เรียกว่าถุงกระสอบนั่นแหละ หิ้วมาด้วยซะใบเบ้อเริ่ม ดูท่าจะเอาใส่เสื้อผ้ามา

ผมเผลอย่นคิ้วใส่อย่างเสียมารยาทด้วยไม่เข้าใจกับการแต่งตัวของอีกฝ่าย

ไม่ร้อนหรือไงวะ แล้วกระเป๋าที่หาความแมตช์กับเสื้อผ้าที่ใส่ไม่เจอมันคืออะไร

อีกฝ่ายเองก็ย่นคิ้วใส่ผม บอกให้รู้ชัดเจนว่าไม่พอใจที่ผมเหวี่ยงกระเป๋าไปโดนเข้า ผมได้สติก็เลยขอโทษไปอีกทีด้วยไม่อยากมีปัญหา

“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีเมื่อกี้ผมไม่ทันเห็นเลยไม่ทันระวัง”

อีกฝ่ายไม่พูดอะไร ยังทำหน้าไม่พอใจอยู่ ยืนจังก้าจ้องผมอยู่นั่นแหละ ผมเลยคิดเอาเองว่าอาจจะไม่ใช่คนไทย แล้วคงไม่ใช่คนลาวด้วย ก็แถวนี้นอกจากคนไทยกับคนลาวแล้ว ยังมีคนต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ อยู่อีกเพียบ ผมเลยพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงไทยออกไปแทน

“แอมโซซอรี่ (ขอโทษครับ)”

คราวนี้เหมือนฝั่งนั้นจะเข้าใจ พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงครั้งหนึ่ง ก่อนจะพึมพำ

“Asshole (ไอ้งี่เง่า)”

แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมมองอย่างงุนงงด้วยฟังไม่ทันว่าคนเมื่อครู่พูดว่าอะไร

ก็ผมเก่งภาษาอังกฤษเสียที่ไหน แล้วดูมันพูดอย่างไว ฟังได้คร่าวๆ ว่าอะไรโฮลๆ สักอย่าง

ยืนคิดทบทวนไปครู่ ก่อนจะค่อยๆ แปลคำศัพท์เมื่อกี้ทีละคำ

แอส... แปลว่าก้น

โฮล... แปลว่ารู

รวมกันเป็นรู...

เดี๋ยว! แม่งด่ากูนี่หว่า!

จากที่ไม่อยากมีปัญหา ตอนนี้มองหาไอ้เวรนั่นโดยไว จะเข้าไปถามมันสักหน่อยว่ามาด่าเรื่องอะไร ทั้งที่ผมก็ขอโทษไปแล้ว ทว่าก็ไม่เห็นมันแม้แต่เงา เดินหายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมเลยได้แต่สบถหัวเสียอยู่คนเดียว ก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นอีกครั้ง แล้วตรงไปขึ้นรถด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่

หงุดหงิดชะมัด ทำไมต้องมาเจอคนบ้าด่าเอาฤกษ์เอายามตั้งแต่ยังไม่ข้ามฝั่งไปลาวด้วยวะ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ หนูแดง หนูแดงตัวน้อย

ข้อมูลเพิ่มเติม
รับผมเป็นพ่อของลูกนะครับ[Mpreg]

รับผมเป็นพ่อของลูกนะครับ[Mpreg]

นิยายวาย

5.0

เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!

คุณพ่อแสนหวาน [นิยายชุด "คุณพ่อมีรัก" ลำดับที่ 1]

คุณพ่อแสนหวาน [นิยายชุด "คุณพ่อมีรัก" ลำดับที่ 1]

โรแมนติก

5.0

อยู่ๆ เลขาฯ ส่วนตัวมากฝีมืออย่าง ‘แสนรัก’ ที่มีสัมพันธ์สวาทกับเขาก็หายตัวไปไม่บอกกล่าว ทำให้ ‘สมุทร’ กรรมการบริหารสุดหล่อแสนเจ้าชู้ขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ดังนั้นการกลับมาของเธอตามคำสั่งของบิดาซึ่งเป็นประธานบริษัทจึงเป็นการล้างแค้น เขากะเอาคืนให้สมใจกับที่เธอฝากรสรักไว้แล้วหนีหายไปไม่บอกในอีกไม่กี่เดือนให้หลัง ทว่าการแก้แค้นแบบเด็กประถมของสมุทรก็ต้องเป็นอันต้องชะงักเมื่อแสนรักไม่ได้กลับมาคนเดียว แต่ดันมี "เจ้าตัวน้อย" ติดสอยห้อยตามมาด้วยคำว่า ‘ลูกสาวของแสนรัก’ ตราอยู่บนหน้าผากของเด็กน้อยนามว่า ‘แสนหวาน’ ตัวโตๆ หากแต่นอกเหนือจากชื่อนั้น ดันมีดีเอ็นเอของสมุทรแปะอยู่บนหน้า ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ลูกเขาชัดๆ แม้ว่าแสนรักจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ใช่ก็ตาม ถ้าไม่ใช่ลูกเขาแล้วจะเป็นลูกใคร!? ปฏิบัติการทวงคืนลูกสาวคนสวยแสนจ้ำม่ำต้องมา ในเมื่อคนเป็นแม่ไม่ยอมรับเขาเป็นพ่อของลูก เขาก็จะเข้าทางลูกนี่แหละ แล้วมาดูกันว่าน้องหนูแสนหวานจะเป็นลูกเขาจริงหรือไม่ เขาจะเป็นทั้งสามีและคุณพ่อที่ทั้งแสนรักและแสนหวานปฏิเสธไม่ลงเลยคอยดูสิ!

สาปบุตรซาตาน

สาปบุตรซาตาน

นิยายวาย

5.0

โจชัว โจนส์ ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลเอิร์ลอันเก่าแก่ในประเทศอังกฤษ บุตรชายซึ่งเกิดจากภรรยาลับของเจคอบ โจนส์ เพิ่งจะถูกนับญาติก็ตอนเมื่อไม่มีใครสืบทอดสมบัติของตระกูล โชคที่เหมือนจะดีนำพาเขาเข้าสู่วังวนพันธะแห่งบาปอันซึ่งตกทอดมาสู่รุ่นต่อรุ่น ในเมื่อเขาเป็นหนึ่งในผู้สืบสายเลือด เขาก็จำต้องมีชะตากรรมตกอยู่ในห้วงคำสาปโดยที่เขาไม่ได้ก่อ ปริศนาที่คฤหาสน์ประจำตระกูลนั้นเก็บซ่อนอยู่จำเป็นต้องเร่งไขให้กระจ่างก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้ด้วยความช่วยเหลือของ ออแลนโด้ ลอว์เรนซ์ สายสัมพันธ์เสน่หาก่อตัวขึ้นรางๆ ภายใต้เงามืดของภายใต้เงามืดของทูตผู้นำพามาซึ่งคำสาปอาถรรพ์

รักสุดเฮี้ยบ ผู้จัดการจัดให้!

รักสุดเฮี้ยบ ผู้จัดการจัดให้!

นิยายวาย

5.0

ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินเลือดร้อนไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่นัก แต่สำหรับ ‘ไลเกอร์’ อดีตบอยแบนด์วง Animalz ที่สร้างข่าวฉาวจากคดีทะเลาะวิวาทกับเพื่อนร่วมวงจนวงแตกแล้ว ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด เขายังคงเดบิวต์เปิดตัวเป็นศิลปินเดี่ยวในนาม ‘ลีแทจิน’ และใช้ชื่อเสียงเดิมสร้างความดังกระฉ่อนพร้อมกับสร้างข่าวฉาวไม่หยุดหย่อน แถมยังเป็นนักร้องที่ไม่มีผู้จัดการคนไหนอยากร่วมงานด้วยอีก ร้อนถึงบริษัทที่สังกัดต้องเฟ้นหาผู้จัดการมาแทนให้โดยด่วน หวยจึงมาออกที่ ‘นัชฌาน’ ผู้จัดการหนุ่มขึ้นชื่อในเรื่องความเฮี้ยบด้วยหวังว่าจะปราบพยศเสือกลายพันธุ์ตัวนี้ได้ ทว่ารูปร่างหน้าตาประหนึ่งเด็กมัธยมปลายของผู้จัดการคนใหม่นั้น ไม่ได้ทำให้ลีแทจินหวั่นเกรงได้เลย มิหนำซ้ำยังลากนัชฌานเข้าไปพัวพันกับสารพัดปัญหาที่เขาก่อขึ้นอีก ดูเหมือนปัญหาทำท่าจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วย อย่างนี้ผู้จัดการหน้าอ่อนต้องจัดบทเรียนชุดใหญ่มาสั่งสอนไลเกอร์ตัวนี้ให้กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ เสียแล้ว!

อรุณรักษ์

อรุณรักษ์

โรแมนติก

4.8

‘เจ้าที่แรง’ คำคำนี้ไม่สามารถทำอะไรสาวสมัยใหม่อย่าง ‘กลิ่นหอม’ ที่เฉิดฉายย้ายเข้าบ้านใหม่ที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง พร้อมกับ ‘ของแถมประจำบ้าน’ ที่โครงการหมู่บ้านจัดสรรแถมให้โดยไม่รู้ตัว นอกจากจะต้องรับมือกับหนี้ก้อนบักเอ้กด้วยวัยยี่สิบปลายๆ มิหนำซ้ำยังไม่ได้แต่งงาน แล้วยังจะต้องรับมือกับเจ้าที่มือใหม่อย่าง ‘ขุนอริญชย์เพียงสวัสดิ์’ ทุกเช้า สาย บ่าย เย็น แต่ขอโทษ ระหว่างมีหนี้ก้อนโตเพราะซื้อบ้านหลังแรก กับย้ายออกเพราะกลัวแพ้ภัยให้กับเจ้าที่ แน่นอนล่ะว่ากลิ่นหอมต้องเลือกกลัวเป็นหนี้หัวโตอยู่แล้ว! อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ทนอยู่มันด้วยกันนี่แหละ กลิ่นหอมคนนี้ไม่ยอมย้ายหนีไปไหนแน่ๆ! ขณะเดียวกัน หญิงสาวก็เริ่มรู้ถึงเรื่องราวบางอย่างระหว่างตนกับเจ้าที่รูปหล่อจากอดีตชาติทีละน้อย รักเอยรักเพียงเจ้าแม่มิ่งขวัญ ดุจชีวันถนอมเจ้าราวบุปผา คะนึงรักมิอาจห่างกายา แม้นแก้วตาหลบซ่อนลึกสุดใจ เสมือนดั่งซ่อนกลิ่นส่งกลิ่นหอม เย้าภมรดมดอมหอมแห่งไหน พี่จักตามรักเจ้าสืบต่อไป กลิ่นหอมไกลดั่งรักของพี่เอย

หนังสือที่คุณอาจชอบ

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

Arvin Bikoff
5.0

หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

สามีใหม่ของฉัน สุดยอดน่าดูเลย

สามีใหม่ของฉัน สุดยอดน่าดูเลย

Thaddeus Shore
5.0

ทั้งเมืองรู้กันดีว่า หลังจากที่ลู่ซิงหลานถูกเปิดเผยว่าเป็นลูกสาวปลอม เธอก็ถูกสามีขับไล่ออกจากชีวิต พ่อแม่ก็ทอดทิ้ง พี่ชายก็รังเกียจ ครอบครัวของสามีตัดสินใจไล่เธอออกจากบ้านอย่างเด็ดขาด แต่ใครจะคิดว่าเธอกลับไปพึ่งพา ลี่จิ่งเหยียน ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแทนในทันที ขณะที่ทุกคนรอให้ลี่จิ่งเหยียนถีบลู่ซิงหลานออกไปนั้น ลู่ซิงหลานก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอย่างใจเย็น มันมีแต่เรื่องที่ทำให้ประหลาดใจเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือบรรดาผู้ทรงอิทธิพลต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอเป็นแถว สามีเก่าที่เป็นคนไม่ดีอยากกลับมาง้อขอคืนดี ลู่ซิงหลานก็จัดการเขาทิ้งทันที และกลับยิ้มให้สามีใหม่แล้วพูดว่า "ที่รัก คุณสามารถพึ่งพาฉันได้นะ" ใครจะคิดว่าลี่จิ่งเหยียนเองก็เป็น ผู้ทรงอิทธิพลไม่เบา พร้อมยิ้มแย้ม "แต่ที่รัก ผมอยากครองใจคุณมากกว่า" องค์กรระหว่างประเทศเพิ่งเผชิญกับสามเหตุการณ์สำคัญ หนึ่งคือการที่ลู่ซิงหลานหย่าร้าง สองคือการที่ลี่จิ่งเหยียนแต่งงาน และสามคือคู่รักที่มีตัวตนลับมากมายที่แกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกลวง ทั้งสองสมคบคิด ทำอะไรไม่ดี

ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่

ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่

Zuey
4.0

เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
สะบายดีจอมดื้อ
1

บทที่ 1 ไอ้งี่เง่า

21/02/2022

2

บทที่ 2 ปัญหา

21/02/2022

3

บทที่ 3 ไกด์ผีบ้า

21/02/2022

4

บทที่ 4 ไข่แล่บ

21/02/2022

5

บทที่ 5 ทำตัวให้เป็นประโยชน์

21/02/2022

6

บทที่ 6 You idiot

21/02/2022

7

บทที่ 7 เล็ตสะโก

21/02/2022

8

บทที่ 8 ซะ...ซวยแล้ว

21/02/2022

9

บทที่ 9 คูลลิ่งเฟรช

21/02/2022

10

บทที่ 10 ปฐมพยาบาล

21/02/2022

11

บทที่ 11 อำลาเวียงจันทน์

21/02/2022

12

บทที่ 12 จอมดื้อ

23/02/2022

13

บทที่ 13 แกล้ง(เมา)

23/02/2022

14

บทที่ 14 ท่องเที่ยว

23/02/2022

15

บทที่ 15 ไหนลองเรียก...

23/02/2022

16

บทที่ 16 เบิ่งดากนี่เสียวคัก

23/02/2022

17

บทที่ 17 เผด็จการ

23/02/2022

18

บทที่ 18 ใส่คู่กับแฟนน่ารักนะ

23/02/2022

19

บทที่ 19 Oh my god!

23/02/2022

20

บทที่ 20 เต่าถุยมาก!

23/02/2022

21

บทที่ 21 เป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี จิตใจดี

23/02/2022

22

บทที่ 22 ทะลึ่งบ้อง

23/02/2022

23

บทที่ 23 ใจเต้นแรง...

23/02/2022

24

บทที่ 24 ใจพี่จะพังแล้ว

23/02/2022

25

บทที่ 25 ไอ้ตัวน่ารัก

23/02/2022

26

บทที่ 26 พี่ขอได้ไหม

23/02/2022

27

บทที่ 27 อยากทำ... จะทำเดี๋ยวนี้

23/02/2022

28

บทที่ 28 ไม่ใช่แฟนเก่าสักหน่อย

23/02/2022

29

บทที่ 29 ทำสักที

23/02/2022

30

บทที่ 30 ทำสักที 2

23/02/2022

31

บทที่ 31 พักเรื่องลามก

23/02/2022

32

บทที่ 32 ขี้ตั๋วแท้

23/02/2022

33

บทที่ 33 เมารถ

23/02/2022

34

บทที่ 34 ทำแบบนี้ทำไม

23/02/2022

35

บทที่ 35 ปั้นรักแฟนผม

23/02/2022

36

บทที่ 36 กำลังร้องไห้...

23/02/2022

37

บทที่ 37 ...รักมากเสียด้วย

23/02/2022

38

บทที่ 38 ฟังก่อนได้ไหม

23/02/2022

39

บทที่ 39 ฟังก่อนได้ไหม 2

23/02/2022

40

บทที่ 40 หนุ่มลาวหักอก

23/02/2022