Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
5.7K
ชม
75
บท

ผมชื่อ ‘มาวิน’ แต่ชีวิตไม่เคยวินสมชื่อ ตอนเด็กเคยฝันว่าอยากมีพลังวิเศษเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ แต่พอสิบขวบ ผมก็ได้พลังวิเศษนั่นมา ...พลังวิเศษที่ทำให้มองเห็นทะลุเสื้อผ้าได้ยันซอกหลืบทันทีที่สบตากับเจ้าของร่างกาย คงคิดสินะว่าผมคงจะได้เห็นร่างกายสาว ๆ จนเปรม แต่ผิด ไม่เคยได้เห็นร่างเปลือยของสาว ๆ เลย เพราะไอ้ที่ผมเห็นน่ะ...ร่างกายผู้ชายล้วน ๆ เลยเถอะ! ไอ้พลังบ้านี่ดันทำให้เห็นแต่ผู้ชายด้วยกันซะงั้น โอ้โห หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนี่แตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน แม่งเอ๊ย ตาจะบอด กลายเป็นคนเก็บตัวในพริบตา จะไม่ให้เก็บตัวได้ไง สบตาใครก็เห็นกระเปี๊ยวชาวบ้านไปทั่วแบบนี้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อผมจำเป็นต้องหารูมเมทเพื่อแชร์ค่าหอพักด้วยฐานะทางบ้านเริ่มมีปัญหา คิดหนักอยู่นานถ้าจะต้องเห็นผู้ชายด้วยกันเดินโทงเทงในห้องตัวเอง แต่สวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับผมขนาดนั้น ส่ง ‘คชา’ ทูตกิจกรรมมหาวิทยาลัยเดียวกันกับผมมาให้ สะ...สบตาแล้วมองทะลุเสื้อผ้าไม่ได้ เพราะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่มาอยู่ด้วยกันเถอะ กราบแล้ว!

บทที่ 1 ขอร้องล่ะ!

ตอนเป็นเด็ก ผมมักจะฝันพร่ำเพ้ออยู่บ่อยๆ ว่าอยากมีพลังวิเศษจะได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่เหมือนอย่างในโทรทัศน์อะไรแบบนั้น มันเป็นความฝันที่ผมเฝ้าคะนึงหามาตลอดชีวิตวัยเด็กเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งอายุได้สิบขวบ พระเจ้าก็ดลบันดาลทำให้ความฝันของผมนั้นเป็นจริงด้วยการมอบพลังวิเศษนั้นมา

พลังวิเศษนั่น... ผมได้มายังไงน่ะเหรอ

จะอธิบายยังไงดี คือทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการที่ผมเกิดจากอุบัติเหตุน่ะ มันไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงอะไรหรอก ผมก็แค่ซุกซนตามประสาเด็ก ปีนต้นไม้เล่นกับเพื่อน สมมติว่าตัวเองเป็นยอดมนุษย์อะไรสักอย่างที่ชื่นชอบในสมัยนั้น ก่อนที่จะพลาดพลั้งตกต้นไม้ลงมา หัวกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง หากทว่าผมกลับไม่ได้มีอาการบาดเจ็บสาหัสอะไรเลยสักกะติ๊ด จะมีก็แต่เพียงหัวแตก เย็บไปไม่กี่สิบเข็มเท่านั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติระคนโชคดีที่ผมไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ใช่ไหมล่ะ

แต่ไม่... มันไม่ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะหลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ผมก็มีพลังวิเศษที่พูดไว้ในตอนแรกติดตัวมาเป็นเหาฉลามทันที

ส่วนความสามารถของไอ้พลังวิเศษนั่น มันก็คือการมองทะลุเสื้อผ้าบนร่างกายของมนุษย์ได้ทันทีที่ผมสบตากับเจ้าของร่างกายน่ะสิ

ว้าว! ฟังดูโชคดีเก๋ไก๋ยูเรก้ามากๆ ใช่ไหมล่ะ คงคิดสินะว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนตัวโตขนาดหมาเลียตูดไม่ถึงขนาดนี้ ผมคงได้มองร่างกายสาวๆ จนเปรมไปเลย แต่บอกเลย ถ้าใครคิดอย่างนั้นคือคิดผิดมหันต์ เพราะเพศที่ผมสามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้น่ะ ไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็น...

ผู้ชาย!

แม่งเอ๊ย! ผู้ชายทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชาติเลย!

ปวดหัวหนักมาก จะออกจากบ้านไปไหนก็ต้องระวังให้ไม่ไปสบตาใคร ไม่อย่างนั้นล่ะก็ขนลุกเกรียวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

ขนหัวลุกหรือไม่ ก็ลองคิดสภาพตอนที่ผมเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนชายล้วนสิ โอ้โห ดงแตงกวาชัดๆ ไอ้พวกตัวใหญ่หน่อยนี่ก็อาจจะพัฒนาจากแตงกวาที่ขายเหมาเป็นตะกร้าขึ้นมาเป็นแตงกวาที่หุ้มพลาสติกห่ออาหารวางขายตามซูเปอร์มาเก็ต มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอะไรงี้ แต่จะอะไรก็เอาเถอะ ไอ้การที่ได้ไปอยู่ในดงชีเปลือย เห็นตั้งแต่ของเพื่อนยันของครู ลามไปถึงคนแปลกหน้าเดินโทงเทงผ่านหน้าตลอดเวลา มันก็ทำให้ผมกลายเป็นคนเก็บตัวตั้งแต่บัดนั้นเนื่องจากความหลอนที่ได้เห็นของลับของผู้ชายรอบข้างตลอดเวลา ดีนะที่ครอบครัวผมมีแต่ผู้หญิง ผมเลยไม่ต้องหลอนแม้กระทั่งตอนอยู่บ้านด้วย

หลอนหรือไม่ก็ลองคิดดูเถอะ ไอ้พลังวิเศษอะไรนี่มันทำให้ผมที่เมื่อก่อนเป็นคนร่าเริงเจอแตงกวาตามหลอกหลอนจนแทบจะกลายเป็นฮิคิโคโมริ1 ถ้าไม่มีความจำเป็นอะไร ผมจะไม่ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ ล่วงเลยมาจนอายุได้ยี่สิบปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยรัฐย่านชานเมืองแล้ว ผมก็ยังคงมีนิสัยแบบนั้นอยู่ ถึงจำเป็นต้องอยู่หอพักเพราะระยะทางจากบ้านไปยังมหาวิทยาลัยมันค่อนข้างไกล ผมก็ยังยืนยันที่จะพักคนเดียวด้วยไม่ต้องการเห็นของรูมเมตตลอดเวลา อย่างน้อยก็ให้ผมได้พักสายตาบ้างอะไรบ้างเถอะ โชคดีที่แม่กับพี่สาวผมก็เข้าใจว่าผมเป็นพวกเข้าสังคมไม่เก่งเลยไม่ได้ติดใจอะไร อยากอยู่คนเดียวก็อนุญาตให้อยู่ไปตามประสาลูกชายและน้องชายคนเล็กที่ใครๆ ก็ต่างมารุมเอาอกเอาใจ

ทว่าไอ้ตามประสามันก็เริ่มจะไม่ตามประสาละเมื่อจู่ๆ ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ พี่สาวผมที่คอยสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ตกงานกะทันหัน ลำพังร้านขายอาหารตามสั่งของแม่ที่มีรายได้ไม่แน่นอนก็ไม่เพียงพอต่อการส่งเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ผมทุกเดือน รวมถึงค่าหอพักที่ผมต้องแบกรับคนเดียวโดยไม่มีใครมาหารค่าใช้จ่ายด้วย ผมเลยจำเป็นต้องหารูมเมตอย่างเร่งด่วนแม้ว่าจะไม่ต้องการเลยก็ตาม ก็มันทำใจยากนี่นาไอ้การจะไปอยู่กับคนอื่นแล้วต้องเห็นร่างเปลือยของรูมเมตทุกวันอย่างนั้นน่ะ ใครมันจะไปอยู่ได้กัน

แต่อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่แล้ว ผมไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดจึงไม่มีทางเลือกมากนัก สิ่งที่ควรคิดถึงเป็นอันดับแรกในตอนนี้คือหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านก่อน อย่างน้อยการมีเงินก็ทำให้สามารถยืดเวลาในการหารูมเมตออกไปได้เพราะผมยังพอมีเงินจ่ายค่าเช่าหอด้วยตัวเอง

แต่งานพิเศษนี่... ทำไมแม่งมีแต่งานที่ต้องไปเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยวะ

ไหนจะงานเสิร์ฟ งานบริการตามร้านอาหาร หรืองานพาร์ทไทม์ที่นักศึกษาส่วนใหญ่นิยมทำล้วนเป็นงานที่ต้องไปเจอหน้ากับผู้คนทั้งสิ้น แน่นอนว่าผมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผลอไปสบตาผู้ชายด้วยกันอย่างแน่นอนถ้าต้องทำงานแบบนั้น แล้วก็ต้องเจอพืชผักสวนครัวห้อยต่องแต่งให้เห็นจะๆ คาตาอีกด้วย แต่จะไม่หางานทำก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ สุดท้ายผมก็เลยมาลงเอยที่งาน...

“วินเอ๊ย เดี๋ยวเอาไม้ถูพื้นเข้าไปเช็ดพื้นหน่อยนะ ตรงแถวๆ โถฉี่น่ะเช็ดเยอะๆ แถวนั้นสกปรกง่าย”

“ครับป้า”

...พนักงานทำความสะอาดที่ห้องน้ำชายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัย

ก็ไม่อยากจะมาทำงานแบบนี้หรอก ต้องมาเช็ดคราบปฏิกูลของใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้ แต่มันเป็นงานที่หลีกเลี่ยงผู้คนได้ดีที่สุดแล้วไงในเวลาที่ต้องหางานทำแบบกระชั้นชิดอย่างนี้น่ะ

ที่ผมว่ามันหลีกเลี่ยงผู้คนได้ดีที่สุดเป็นเพราะเวลาทำความสะอาด ผมสามารถปิดห้องน้ำ กันคนเข้ามาแล้วทำความสะอาดก่อนได้น่ะ จะมีก็แต่พวกป้าๆ พนักงานเหมือนกันเท่านั้นแหละที่ชอบทำความสะอาดเวลามีคนใช้งานอยู่ แต่ผมไม่ทำแบบนั้น มันยุ่งยาก ทำไปให้จบเป็นรอบๆ มันสะดวกกว่า ประเด็นหลักก็คือผมไม่อยากทำงานไป เห็นกระเปี๊ยวของคนอื่นไปพร้อมๆ กัน ยิ่งในห้องน้ำชายนะคุณเอ๊ย ไม่ต้องถามเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

ดงชีเปลือยแน่ๆ!

จริงๆ การทำความห้องน้ำชายมันก็ไม่ยุ่งยากเหมือนห้องน้ำหญิงนะ ไม่ต้องคอยไปตามเก็บตามกวาดบ่อยๆ ด้วย เรียกได้ว่าถึงจะเป็นงานที่ไม่น่าพิสมัย แต่ก็นับว่าสบายถ้าหากเทียบกับพวกงานเสิร์ฟแล้ว งานนี้ได้ค่าชั่วโมงเท่ากันแต่ไม่จำเป็นต้องไปทำเรื่องหยุมหยิม แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มสำหรับผม

ผมคว้าเอาไม้ม็อบกับป้ายพลาสติกที่มีตัวหนังสือว่า ‘กำลังทำความสะอาด’ ออกมาจากห้องเก็บของ รอให้ลูกค้าของห้างที่กำลังใช้งานคนสุดท้ายออกจากห้องน้ำถึงได้เดินเอาป้ายไปตั้ง จากนั้นถึงได้ปิดประตู เตรียมตัวจะกดล็อกเพื่อกันไม่ให้ใครหน้าไหนโผล่เข้ามาก่อนลงมือทำความสะอาดอย่างที่เคยทำ

หากแต่พอปลายนิ้วกำลังจะกดล็อกปุ๊บ ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ก็วิ่งมาทุบประตูปั๊บ ทุบไม่พอ พยายามบิดลูกบิด ผลักบานประตูเข้ามาด้วย ผมได้สติก็รีบผลักคืนตามสัญชาตญาณทันทีเมื่อรู้ว่าถ้ามันโผล่เข้ามา ผมจะต้องเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นแน่ แต่ไม่ทันละ ไอ้บ้านั่นแรงเยอะมาก ออกแรงผลักมาทีเดียว ผมก็กระเด็นไปอยู่ติดกำแพงหลังประตู ก่อนที่ร่างใหญ่ของผู้ชายคนนั้นจะวิ่งพรวดเข้ามาในห้องน้ำ ร้องตะโกนบอกผมเสียงหลง

“ขอโทษนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว ขอเข้าหน่อย!”

แล้วก็หายเข้าไปในห้องส้วมอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมมองตามอย่างระอา

แต่เอาเถอะ คงจะทนไม่ไหวจริงๆ แค่อย่าไปสบตาหมอนั่นก็พอแล้วล่ะ

ผมตรงเข้ามาคว้าไม้ม็อบ ตั้งท่าจะทำความสะอาดระหว่างรอผู้ชายคนนั้นทำธุระเสร็จอีกครั้ง ทว่าเรื่องมันไม่จบแค่มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้ามาแค่นั้น มันดันมีพลพรรคเพื่อนของมันพากันกรูตามเข้ามาอีก

“ขอโทษครับ พวกผมก็ขอเข้าด้วย”

เสียงนั้นถึงกับทำให้ผมชะงักงันไปทันตา

โอ้โหพวกมึง! เข้ามากันสี่ซ้าห้าหน่อ กูจะหลบยังไงเนี่ย ห้องน้ำก็เล็กแค่นี้

ปฏิเสธก็ไม่ได้ ดันเป็นลูกค้าของห้าง เลยได้แต่ก้มหน้างุดๆ แล้วเดินหลบมุมไปจนแทบจะสิงกับผนัง ปล่อยให้พวกมันไปยืนเรียงหน้ากระดานตรงโถฉี่ คุยกันเสียงดังพลางเรียกเพื่อนที่อยู่ในห้องน้ำไปด้วย

“เร็วๆ นะเว้ยไอ้คชา หนังใกล้จะฉายแล้ว!”

“เออ รู้แล้ว รอก่อน!”

จากนั้นก็พากันล้อผู้ชายที่ชื่อคชาว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาเลยทำให้ข้าศึกบุกโจมตีกะทันหัน ผมก็ไม่ได้สนใจนักหรอก ก้มหน้าก้มตาถูพื้นอย่างเดียวกระทั่งผู้ชายพวกนั้นจัดการธุระหน้าโถฉี่เสร็จและถอยออกมา ผมเลยได้โอกาสตรงเข้าไปทำความสะอาด ทว่าไอ้จังหวะที่ผมถือไม้ม็อบเปียกน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดินเข้าไปเนี่ย รองเท้าเจ้ากรรมก็ดันลื่นขึ้นมา ทำเอาผมล้มหงายหลังไม่เป็นท่า

เสียงดังตึงเรียกให้คนพวกนั้นที่กำลังล้างมืออยู่กรูเข้ามาหาผม ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ร้องขอ

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

ใครสักคนช่วยดึงผมขึ้นยืน ผมคว้ามือนั้นไว้อย่างลืมตัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง จังหวะนั้นเองที่ผมได้สบตากับเจ้าของคู่ข้างนั้น และว้าบบบ... ตาสบตา ใจประสานใจ เสื้อผ้าบนตัวเจ้าของมือก็อันตรธานหายไปทันที หายคนเดียวจะไม่ว่าเลย ไอ้คนอื่นๆ ที่ไม่ได้ช่วยดึงผมขึ้น แต่ทำหน้าที่เป็นไทยมุงจ้องมองผมอยู่ก็ดันหายไปด้วยเหมือนกัน

พะ...พวกมึงจะมาสบตากูพร้อมๆ กันทำไมวะเนี่ย! โอ้โห... หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนั่นแตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน

แม่ง กูอุตส่าห์หนีแล้วนะ ยังจะมาโดนพืชผักสวนครัวรุมอีก!

ตาจะบอดให้ได้ จะหันหนีเพราะเห็นความต่องแต่งระโยงระยางในทันทีทันใดก็แลดูมีพิรุธ ทำได้แค่หันหนีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไอ้คนที่ดึงผมขึ้นยืนก็ว่าออกมาทันที

“สีหน้าไม่ค่อยดีเลย นายโอเคไหม”

มีความเป็นห่วงเป็นไยโดยที่ผมไม่ต้องการแต่มันไม่ถามสุขภาพผมเลยสักคำ

มันจะไปโอเคอะไรเล่า มึงคิดว่าอยู่ในดงผู้ชายเปลือยเหมือนหนัง GV แนว Gang rape มันโอเคหรือไงวะ!

ผมพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่คิดว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพเหมือนดารา GV เพื่อจะได้สงบจิตสงบใจ หากแต่การไม่พูดอะไรก็ทำให้หมอนั่นถามขึ้นมาอีก

“ไปนั่งพักไหม เดี๋ยวช่วยพาออกไป หน้านายซีดมากเลยนะ”

เห็นว่าดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันล่ะมั้งถึงได้เริ่มเป็นกันเองมากขึ้น แต่บอกแล้วไงว่าผมไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น

เท่านั้นผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธ พลันตั้งใจว่าจะหนีออกไป ทว่าประตูห้องส้วมที่ถูกไอ้เวรที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็เปิดออกมาก่อน พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้ปลดเปลื้องความทุกข์ทุกสรรพสิ่ง

“มีอะไรกันวะ”

ใครคนนั้นถาม ที่ถามอย่างนั้นเป็นเพราะเห็นเพื่อนตัวเองยืนล้อมหน้าล้อมหลังผม มะรุมมะตุ้มขายผักสดบ้างเหี่ยวบ้างกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และด้วยความที่ผมกลัวว่าจะมีหินงอกหินย้อยมาเพิ่มให้เห็น ผมเลยไม่หันไปมองหมอนั่นขณะที่ใครสักคนพูดขึ้นมา

“ไม่มีอะไร หมอนี่แค่ลื่นล้มนิดหน่อยน่ะ”

“อ๋อ”

อีกฝ่ายตอบรับ ผมสบโอกาสเลยรีบตั้งท่าจะแหวกวงล้อมออกมา

“เดี๋ยวขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ”

รีบพูดเร็วๆ แต่ไม่มีใครถอยให้เลยสักคน ผมเลยรีบก้มลงคว้าไม้ม็อบ ลุกขึ้นยืนแล้วแหวกกลางวงออกมาเองเสียเลย ทว่าในวินาทีที่ยืนขึ้น มือของใครบางคนก็สัมผัสเข้ามาที่บั้นท้ายผมเข้าอย่างจัง

ผมสะดุ้งสุดตัว หันไปมองอย่างรวดเร็วก่อนจะเห็นว่าเป็นคนที่ชื่อคชา พอหมอนั่นเห็นผมมองอย่างตกใจ ก็รีบชูมือขึ้นอย่างรวดเร็ว

“มีทิชชูติดก้นอยู่น่ะครับ ผมเลยเอาออกให้”

นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย สำคัญที่ว่าตาสบตาอีกแล้ว แต่...

...แต่เสื้อผ้ามันไม่หายไปไหนเว้ยเฮ้ย!

ผมมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งงันราวกับถูกสต๊าฟเอาไว้

ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกเลยในช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผมสบตาแล้วไม่เห็นว่าเสื้อผ้าอันตรธานหายไป ก่อนที่ผมจะสังเกตเอาในตอนนี้ว่าหมอนี่ใส่ชุดนักศึกษา ผูกเนคไทที่มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยผมอยู่

งั้นก็แสดงว่าเรียนที่เดียวกันกับผมน่ะสิ!?

“นาย...”

ผมเบิกตาโต ปากเผยออ้า เปล่งเสียงออกไปอย่างตะลึงงันโดยอัตโนมัติ

“ครับ?”

อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงตอบรับก่อนที่ผมจะครางออกไป

“มะ...มายรูมเมต”

ตกลงปลงใจเอาเองเสร็จสรรพว่าจะตามจิกมันมาเป็นรูมเมต ส่วนอีกฝ่าย จากที่ทำหน้าสงสัยว่าผมเรียกทำไม ตอนนี้ทำหน้าเอ๋อกินไปแล้ว ผมก็พูดอะไรออกไปไม่รู้ตัวเหมือนกัน จะอธิบายว่าไอ้ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไรก็ไม่ทันละ มันเห็นท่าไม่ดี ก็รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อน ตัดบทเอาดื้อๆ

“ไปก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ”

แต่กูไม่ให้มึงจากไปง่ายๆ หรอกเว้ย! ทำกูโดนพืชผักสวนครัวรุมแล้ว ต้องรับผิดชอบ!

ผมกระโจนคว้าแขนหมอนั่นไว้ด้วยความเร็วแสงโดยสัญชาตญาณ คนที่ชื่อคชาหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงระคนตกใจ ส่วนผมก็หลุดพูดออกไปโดยไม่ทันคิด

“นายมาอยู่กับเราเถอะ เราสัญญาว่าจะดูแลนายเอง”

อีกฝ่ายอึ้งงัน อุทานออกมาเสียงดังราวกับว่าไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้

“พะ...พูดอะไรวะเนี่ย!”

อะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่มาอยู่ด้วยกันเถอะ ขอร้องล่ะ!

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ หนูแดง หนูแดงตัวน้อย

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ