แผนลวง มือสังหาร และรอยเลือด นำพา คาวะ เข้าสู่วังวนชีวิตของซายูริ เขาคือนักฆ่าที่ถูกส่งมาเอาชีวิตเธอ ทว่าสิ่งที่คาวะได้กลับไป หาใช่ลมหายใจของซายูริ หากแต่เป็น จิตวิญญาณ
ภายในล็อบบี้ของโรงแรมหรูใจกลางกรุงโตเกียว ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาแต่ดูไม่ธรรมดาด้วยใบหน้าคมเข้ม รูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้างน่าซบกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาบุนวมด้วยท่าทางผ่อนคลาย
ดวงตาสีดำคมกริบซ่อนอยู่ใต้แว่นตาดำชำเลืองมองนาฬิกาบนข้อมือเป็นระยะ
...จวนได้เวลานัดแล้ว
เขาพึมพำในใจ สายตาเพ่งกลับมามองหัวข้อข่าวบนหนังสือพิมพ์
บิ๊กซูซาคุรถคว่ำ อาการสาหัส หวิดดับคาที่ คาดว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุ...
“รอนานไหม”
สมาธิของชายหนุ่มถูกรบกวนกะทันหัน เมื่อนิ้วมือสวยๆ ลูบผ่านไหล่ลงมากอดจากด้านหลัง ปลายคางเรียวมนของหญิงสาวเกยทับอยู่บนบ่าหนา กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่เธอฉีดมาสร้างความหงุดหงิดให้เขาอีกเช่นเคย
“เอามาหรือเปล่า”
น้ำเสียงยะเยือกเอ่ยถามอย่างไม่แคร์สื่อ แม้ว่าเธอจะตีสนิทและใกล้ชิดกับเขาขนาดไหน ชายหนุ่มก็หาได้หวั่นไหวไม่
“หึ ร้อนเงินหรือไง ไอ้เพื่อนมาเฟียของนายมันไม่ทำให้ชีวิตนายเจริญขึ้นเลยสินะ”
“ริเอะขอแฟ้ม”
“หืม... อยู่บนห้องน่ะ บังเอิญว่าฉันลืมหยิบลงมา”
“งั้นก็ส่งไฟล์เข้าเมล์” ชายหนุ่มวางหนังสือพิมพ์ในมือลง กำลังจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกอีกฝ่ายกดไหล่เอาไว้กับที่
“เดี๋ยวซี่ ถ้าฉันลืมส่งไฟล์ให้นายอีกล่ะจะว่ายังไง คาวะ งานนี้กินหมูด้วย ไม่คิดว่ามันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนหน่อยเหรอ” ริมฝีปากสีนู้ดเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์
นิ้วมือลูบเข้าไปในคอเสื้อของชายหนุ่มเพื่อประกาศให้รู้ถึงความต้องการที่อัดแน่นอยู่ข้างใน
คาวะผ่อนลมหายใจยาว ถอดแว่นตาดำออกชำเลืองมองหญิงสาวหน้าไม่อายด้านหลัง
“มีของเล่นหรือเปล่า”
“หึ... แน่นอน ของมันขาดไม่ได้อยู่แล้ว”
หลังจากนั้น
ริเอะกรีดร้องโวยวายด้วยความเจ็บใจเพราะโดนอีกฝ่ายหลอก เขาโอ้โลมเธอ ถอดเสื้อผ้าเธอ แต่เมื่อเผลอมันก็จับเธอมัดมือมัดเท้า ริเอะไม่คิดว่าตนจะถูกปล่อยให้ค้างเติ่งจึงไม่ได้ขัดขืนเชือกเหล่านั้นก็เป็นหนึ่งในของเล่น อุปกรณ์ในการให้ความบันเทิงอยู่แล้ว
“โทษทีริเอะ เล่นกับเจ้านี่ไปก่อนแล้วกัน”
คาวะเลือกหยิบแท่งสีม่วงกลมมนที่ทำงานด้วยแบตเตอรี่แล้วดันเข้าไปในช่องทางรักของริเอะ
เสียงครางแผ่วเบาดังออกมาจากลำคอสาวสวยทันที ริมฝีปากสีนู้ดเม้มเข้าหากันแน่น จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาที่อยากจะกินเลือดกินเนื้อ
“แก้มัดเดี๋ยวนี้” เธอสั่ง ทว่าคาวะกลับยิ้มกริ่ม หยิบแฟ้มที่ต้องการขึ้นแล้วหันไปพูดกับริเอะสั้นๆ ก่อนเดินออกจากห้อง
“ไว้จะบอกคนมาช่วย”
“กรี๊ดไม่ต้องเลยนะ คาวะ! อ๊ะ อื้อ ไอ้! ...”
เสียงสบถด่าหยาบคายเงียบหายพร้อมบานประตูที่ปิดลง คาวะก้าวฉับๆ ลงลิฟต์มาที่ชั้นล่างโดยไม่ลืมบอกพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่ามีคนต้องการความช่วยเหลือพร้อมกับแจ้งหมายเลขห้อง