/0/22709/coverorgin.jpg?v=af71747802b0d26259c53f80ab39f63b&imageMogr2/format/webp)
หลังจากที่แก้ปัญหาของทั้งสองจวนเรียบร้อยแล้ว หลินไห่ หวงห่าวหราน และสองพ่อลูกสกุลจางจึงได้เดินไปยังเรือนของเถ้าแก่หลินซึ่งอยู่ห่างจากเหลาซิ่งฝูไปเพียงไม่กี่ตรอกซอย เถ้าแก่หลินเดินนำทุกคนไปยังห้องหนังสือของเรือน บ่าวหญิงคนหนึ่งเห็นว่ามีแขก จึงได้เร่งไปแจ้งให้นายหญิงของตนทราบ
ตู้จินเหมยคือชื่อภรรยาของเถ้าแก่หลินไห่ นางมีอายุมากแล้ว แต่ด้วยการรักษารูปร่างที่ดี ทำให้มองดูราวกับหญิงวัยกลางคนเท่านั้น ความงามยังด้อยกว่าหูไป๋หงอยู่หนึ่งส่วน ฮูหยิน ของเรือนเดินนำบ่าวไพร่ยกน้ำชาและขนมมารับรองแขกของสามี
“ท่านพี่ น้ำชาและขนมเจ้าค่ะ” ฮูหยินเอ่ยแล้วจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ สามี
“คารวะฮูหยินหลิน” แขกทั้งสามคนกล่าวทักทายภรรยาเจ้าของบ้าน
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกคุณชายหวง ส่วนสองคนนี้คงเป็น หมิงหมิงน้อยกับบิดา ใช่หรือไม่” ฮูหยินหลินตอบรับการคารวะจากคุณชายหวง และหันไปสอบถามชายหนุ่มกับเด็กน้อยที่นั่งตรงข้ามสามีนาง
“เรียนฮูหยินหลิน ใช่แล้วขอรับ ข้าชื่อจางอี้เทา ส่วนบุตรชายข้าชื่อจางอี้หมิงขอรับ” จางอี้เทาตอบคำถามของหญิงชรา
“ฮูหยินหลินอันใดช่างห่างเหินยิ่งนัก สามีข้ารับบุตรชายเจ้าเป็นหลานบุญธรรมแล้ว ต่อไปเจ้าก็สมควรเรียกพวกข้าว่าท่านพ่อบุญธรรมและท่านแม่บุญธรรม ส่วนเจ้าหมิงหมิงน้อยก็เรียกท่านย่าใหญ่ เข้าใจหรือไม่” ตู้จินเหมยแก้ไขให้สองพ่อลูกสกุลจางเข้าใจในสถานะของตน และให้เรียกตนเองว่าท่านย่าใหญ่ เพราะเด็กน้อยยังมีย่าแท้ ๆ เช่นหูไป๋หงอยู่
“เรียนท่านแม่บุญธรรม ข้าและบุตรชายขอขอบคุณในความกรุณาที่ท่านทั้งสองมีต่อครอบครัวของข้าขอรับ หมิงเอ๋อร์ ยังไม่รีบเรียกท่านย่าใหญ่อีกหรือ” จางอี้เทาเอ่ยขอบคุณและเตือนบุตรชายที่ยังนั่งฟังโดยไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับ
“ท่านย่าใหญ่” จางอี้หมิงสะดุ้งและรีบเรียกขานออกมา
โธ่ ก็คนมัวแต่นั่งฟังเพลิน ๆ นี่นา ลืมไปเลยว่าในบทสนทนาพูดถึงตัวเองด้วย
“ดียิ่ง ไหนหมิงหมิงน้อย มาหาย่าใหญ่สิ ท่านปู่ของเจ้าเล่าเรื่องราวของเจ้าให้ข้าฟังจนข้าอยากจะเห็นเจ้ามาตั้งหลายวันแล้ว รู้หรือไม่ ในที่สุดเจ้าก็มาเยี่ยมท่านย่าใหญ่ของเจ้าได้เสียที”
จางอี้หมิงได้ยินเช่นนั้นจึงลุกขึ้นและเดินเข้าไปกอดหญิงชราตรงหน้า
“นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่มีเด็กน้อยมาให้ได้ชื่นใจแบบนี้ ต่อไปนี้เจ้าต้องมาหาย่าใหญ่บ่อย ๆ รู้หรือไม่”
ฮูหยินหลินถึงกับน้ำตาลคลอ รู้สึกเหมือนตนเองได้โอบกอดบุตรหลานแท้ ๆ แต่จะให้ทำเช่นไรได้ พวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง นาน ๆ ครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมสองปู่ย่าที่บ้านนอก ช่างอกตัญญูยิ่งนัก
“คุณชายหวง ข้าต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาทไปหน่อย จะให้อดใจได้เช่นไรไหว คนแก่เช่นข้า ไหนเลยจะมีความสุขมากไปกว่าการได้ชื่นชมบุตรหลานตัวน้อยเช่นนี้ จริงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” ตู้จินเหมยกล่าวขออภัยคุณชายหวงที่นั่งอยู่ด้วย
“ฮูหยินหลินอย่าได้เกรงใจ เป็นข้าเสียอีกที่มาอยู่ในช่วงเวลาที่พวกท่านกำลังมีความสุข เห็นเช่นนี้ข้าก็พลอยมีความสุขไปด้วย วันนี้ข้ามีเวลาทั้งวัน คงต้องรบกวนเถ้าแก่หลินและฮูหยินแล้ว” คุณชายหวงบอกปฏิเสธคำขอโทษของหญิงชราด้วยความสุภาพอ่อนโยน
“เช่นนั้นคุณชายหวงรอสักครู่ ข้าจะไปนำภาพวาดมาให้ชม” เถ้าแก่หลินไห่แจ้งแก่ชายหนุ่มตรงหน้าแล้วจึงลุกจากไป เพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับบ่าวรับใช้ที่ยกภาพซึ่งอยู่ในกรอบไม้อย่างดีและมีขนาดไม่ใหญ่มากนักมาตั้งไว้กลางห้องทำงาน
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นภาพของหญิงสาวนางหนึ่งยืนหันหลังท่ามกลางต้นไม้สีส้มและสีเหลืองทองเบ่งบานไปทั่ว หวงห่าวหรานเมื่อเห็นภาพนี้แล้วถึงกับลุกขึ้นเดินไปชื่นชมอย่างใกล้ชิด
“ไร้โรยรา ท่านพ่อบุญธรรมถึงกับมีภาพไร้โรยราเช่นนั้นหรือนี่” จางอี้เทาอุทานออกมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก
“อาเทา เจ้าว่าเช่นไรนะ” หลินไห่เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“ภาพนี้มีชื่อว่า ไร้โรยรา ขอรับ เป็นภาพที่ท่านหมอเทวดาพเนจรท่านหนึ่งได้วาดขึ้นเพื่อเปรียบความงามของภรรยาที่ต่อให้แก่ชราเช่นไรก็ยังคงสวยงามดั่งต้นแปะก๊วย เนื่องจากท่านหมอได้ใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมายในการคงความงามของภรรยาเอาไว้ขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยอธิบายความหมายและที่มาของภาพให้กับบุคคลทั้งสองในห้องได้รับฟัง
“เหตุใดชาวบ้านธรรมดาเช่นพี่ชายถึงได้รู้จักภาพนี้เล่า” คุณชายหวงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
ตัวของเขาเองนั้นถือว่าเป็นคนที่ชอบและมีความรู้ในเรื่องงานศิลปะพอสมควร ในเมืองไห่ถังนี้มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ การแต่งกายก็ไม่ได้แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป เหตุใดถึงรู้จักภาพที่แม้แต่ตัวเขาก็หารู้จักไม่
“เรียนคุณชายหวง ข้าเคยเป็นบัณฑิตและอาจารย์ในสำนักศึกษาที่เมืองหลวงมาก่อนที่จะย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองไห่ถังนี้ ข้าไม่เคยได้เห็นภาพของจริง เพียงแต่เคยเห็นภาพเลียนแบบที่สำนักศึกษาหลวงขอรับ”
“โอ้ พี่ชาย ท่านเคยเป็นถึงบัณฑิต ข้าต้องขออภัยหากล่วงเกินท่านไป” หวงห่าวหรานยกมือขออภัยต่อชายหนุ่มตรงหน้า
“คุณชายหวงมิต้องเกรงใจ ในตอนนี้ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น หาได้คู่ควรให้คุณชายคารวะไม่” จางอี้เทารีบยกมือคารวะตอบ
“ในเมื่อท่านเป็นบุตรชายบุญธรรมของเถ้าแก่หลินแล้ว เช่นนั้นข้าขอเรียกท่านว่าพี่อี้เทาได้หรือไม่ ขอให้พี่อี้เทาเรียกว่าข้าว่าห่าวหรานเถิด”
“ย่อมได้ น้องห่าวหราน”
หลังจากที่สองบัณฑิตผู้ทรงภูมิได้มีโอกาสทำความรู้จักและวิจารณ์ถึงภาพไร้โรยราตรงหน้าแล้ว พวกเขาก็เหมือนได้เจอสหายรู้ใจ พากันตัดขาดจากโลกภายนอก เถ้าแก่หลินและตู้จินเหมยหาได้มีความรู้เรื่องภาพวาดไม่ จึงขอตัวพาหลานชายคนใหม่ไปเดินเล่นในเรือน ทั้งยังให้แนะนำถึงสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสระบัว สวนดอกไม้นานาพรรณ และสุดท้าย ยังบอกให้เด็กชายมาเยี่ยมบ่อย ๆ ฮูหยินหลินยังกล่าวอีกว่าจะเตรียมห้องพักสำหรับเด็กน้อยไว้ให้ด้วย
จางอี้หมิงซึ่งได้รับความรักความเมตตาจากผู้สูงวัยทั้งคู่จึงคิดจะตอบแทนด้วยการเข้าครัว สอนท่านย่าใหญ่และพ่อครัวของเรือนให้ทำอาหารมื้อกลางวันด้วยความสนุกสนาน ตู้จินเหมยถึงกับยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา นานเท่าไรแล้วนะที่นางไม่ได้มีความสุขเหมือนเช่นวันนี้
เมื่อได้เวลามื้ออาหาร เถ้าแก่หลินได้เชื้อเชิญให้คุณชายหวงอยู่กินข้าวที่เรือนของตนด้วย ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธ ทั้งยังเอ่ยชมอาหารในวันนี้ด้วยความพึงพอใจ เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจึงขอตัวกลับจวน และจะนำเรื่องภาพวาดไร้โรยรานี้ไปแจ้งให้กับท่านเจ้าเมืองได้ทราบ
ณ ศาลาหลังใหญ่ของเรือนเถ้าแก่หลิน หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ ทุกคนจึงย้ายมานั่งยังสระบัวหลังเรือน สายลมเอื่อย ๆ ที่พัดผ่านทำให้จางอี้หมิงที่กินข้าวอิ่มถึงกับหนังตาหย่อน ง่วงนอนขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้จะนั่งผงกศีรษะจนชนเข้ากับเสาของศาลาไปหนึ่งที แต่เด็กน้อยก็ยังคงฝืนร่างกายเอาไว้
ตู้จินเหมยเห็นดังนั้นจึงขอตัวพาหลานชายไปนอนพักในห้องรับรองที่นางคิดว่าจะยกให้เป็นห้องของเด็กชายต่อไป จางอี้เทาได้โอกาสพูดคุยถึงเรื่องช่างที่จะจ้างให้ไปสร้างบ้านกับเถ้าแก่หลิน โดยเขาเอ่ยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกองกำลังเหลียงอันและ หนิงอ๋องให้กับบิดาบุญธรรมได้รับฟัง รวมทั้งเรื่องกลุ่มการค้าหลัวถง การขายสูตรหัวเชื้อน้ำตาลผักและเกลือผักด้วย
“อาเทา รู้หรือไม่ เจ้าโชคดีแล้วที่ได้ทำการค้ากับหนิงอ๋อง ความร่ำรวยมาเยือนเจ้าแล้ว หนิงอ๋องเป็นคนดีและยุติธรรมมาก ที่บ้านเมืองสงบ ไม่มีสงคราม ส่วนหนึ่งก็มาจากหนิงอ๋องด้วย เจ้าอย่าได้ทำอันใดให้หนิงอ๋องขุ่นเคืองใจ รู้หรือไม่”
“สำหรับช่างสร้างบ้านนั้น ข้าเห็นด้วยที่ให้ติดต่อนายช่างเหอตามที่เถ้าแก่หวังบอกไว้ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ยังพอมีเวลา อีกหนึ่งชั่วยามรอให้หมิงหมิงน้อยตื่น พวกเราก็ไปพบนายช่างเหอกัน ข้าจะไปช่วยเจ้าอีกแรง” หลินไห่ออกความเห็นและสรุปข้อควรทำให้เรียบร้อย
“เช่นนั้นก็เอาตามที่ท่านพ่อบุญธรรมบอกขอรับ”
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม จางอี้หมิงจึงเดินกลับมาที่ศาลาซึ่งหลินไห่กับจางอี้เทากำลังนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่ เมื่อท่านปู่บุญธรรมซึ่งนั่งหันหน้าออกจากศาลาเห็นเด็กน้อยเดินมา จึงเอ่ยทักขึ้น
“หมิงหมิงน้อย เจ้าตื่นแล้วหรือ เป็นเช่นไร นอนอิ่มหรือไม่”
“ท่านปู่ ข้าหายง่วงแล้วขอรับ”
“หมิงเอ๋อร์ ระหว่างที่เจ้านอนหลับพักผ่อน พ่อกับท่านปู่ของเจ้าได้ปรึกษากันถึงเรื่องช่างที่จะจ้างให้ไปสร้างบ้าน ท่านปู่เห็นด้วยกับเถ้าแก่หวังเรื่องนายช่างเหอ พ่อจึงรอให้เจ้าตื่นเพราะเดี๋ยวท่านปู่จะพาพวกเราไปหานายช่าง ท่านปู่ส่งคนไปแจ้งนายช่างเหอไว้เรียบร้อยแล้ว”
/0/13828/coverorgin.jpg?v=d0338e3d5e15c26703749ee999f6ef9e&imageMogr2/format/webp)
/0/3667/coverorgin.jpg?v=7553848203114da981bf5351dab19fe9&imageMogr2/format/webp)
/0/9594/coverorgin.jpg?v=828e35f34abf0679e986c806d26f4a0e&imageMogr2/format/webp)
/0/20815/coverorgin.jpg?v=6bd0d132d425df19cbbc439d76ef2cd6&imageMogr2/format/webp)
/0/15983/coverorgin.jpg?v=36508e477873e3103f1b5809ae46d8e0&imageMogr2/format/webp)
/0/3678/coverorgin.jpg?v=f1515d8b195c1f05eaec1161ad62363f&imageMogr2/format/webp)