เมีย(เก่า)ฉันเป็นเศรษฐี
ผู้เขียน:Axel Bob
หมวดหมู่โรแมนติก
เมีย(เก่า)ฉันเป็นเศรษฐี
ในตอนนี้ เจียงซุ่ยที่ว่าหายตัวเข้าไปในกลีบเมฆกำลังยืนอยู่ในตัวอาคารของหยูโจว กรุ๊ป
วันนี้เธอมาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์งาน
เมื่อมองไปที่พนักงานหัวกะทิในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เดินไปเดินมารอบ ๆ ตัว พร้อมกับสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกาย เจียงซุ่ยก็รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
เธอเสียใจที่ตัดสินใจหย่าสายขนาดนี้ เธอต้องเสียเวลาเปล่า ๆ ตั้งสามปีอยู่กับยู่จินเฉิน ผู้ชายร้ายกาจคนนั้น คนที่สุดท้ายก็ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้เธอไปทั้งตัว
จากนี้ไปเธอจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองและครอบครัวเท่านั้น
เจียงซุ่ยจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์
จากนั้นเธอก็เห็นคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ
โจวหว่านอี้อย่างนั้นเหรอ?
เจียงซุ่ยไม่คิดว่าหนึ่งในคนที่จะมาทำการสัมภาษณ์เธอในวันนี้คือเพื่อนร่วมชั้นในสมัยเรียนมัธยมต้นของเธอเอง
โจวหว่านอี้เองก็จำเจียงซุ่ยได้ จากนั้นสีหน้าของเธอก็แย่ลงทันที
แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่โจวหว่านอี้ก็ยังคงไม่ลืมความเจ็บปวดที่เจียงซุ่ยเป็นผู้มอบให้
ทั้งคู่เคยเรียนด้วยกัน เพราะเจียงซุ่ยเป็นคนที่หน้าตาสะสวย ทำให้เมื่อเจียงซุ่ยอยู่ใกล้ ๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นความสวยในตัวเธอแม้แต่น้อย
แม้แต่ผู้ชายที่เธอแอบชอบก็ยังหลงใหลในตัวเจียงซุ่ย
ตอนนี้ทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้งแล้ว เจียงซุ่ยเป็นเพียงคนที่มาเข้ารับการสัมภาษณ์ ในขณะที่เธอเป็นคนสัมภาษณ์ เป็นคนที่มีสิทธิ์ตัดสินว่าเจียงซุ่ยจะได้ทำงานที่นี่หรือไม่
การพลิกบทบาทครั้งใหญ่นี้ทำให้โจวหว่านอี้แอบรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ
“เจียงซุ่ยใช่ไหม?”
โจวหว่านอี้ชำเลืองตามองเจียงซุ่ยด้วยท่าทางพิจารณา เธอพลิกเรซูเม่ของเจียงซุ่ยดูอย่างลวก ๆ
“สถานภาพการสมรส หย่าร้าง”
โจวหว่านอี้อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ซึ่งท่าทางของเธอดึงดูดความสนใจของผู้ที่ทำการสัมภาษณ์อีกสองคน
“ประวัติการศึกษา สถาบันศิลปะแห่งเดนมาร์ก…”
ภายในใจของโจวหว่านอี้สั่นคลอน วุฒิการศึกษานี่ต้องเป็นของปลอมแน่นอน!
เพราะเธอจำได้อย่างแม่นยำว่าเจียงซุ่ยออกจากโรงเรียนไปช่วงมัธยมต้น แล้วเจียงซุ่ยจะมีเงินไปเรียนต่อต่างประเทศได้ยังไง!
โชคเข้าข้างเธอจริง ๆ ถึงได้ประทานพรให้เธอจับผิดเจียงซุ่ยได้แบบนี้
เมื่อคิดว่าจะได้โยนเจียงซุ่ยลงนรกด้วยมือของตัวเอง โจวหว่านอี้ก็สั่นระริกไปด้วยความตื่นเต้น
เธอกระแอมในลำคออย่างพึงพอใจ “คุณเจียงคะ ขอพูดตรง ๆ นะคะ เรซูเม่ของคุณยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถเป็นพนักงานในหยูโจว กรุ๊ปของเราได้”
เจียงซุ่ยขมวดคิ้ว “ตรงไหนในเรซูเม่ของฉันที่บอกว่าไม่เหมาะคะ? ฉันมีผลงานการออกแบบที่เคยทำมาแล้ว ฉันว่านั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของฉันแล้วนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ถูกเรียกตัวมาสัมภาษณ์หรอก”
โจวหว่านอี้แสยะยิ้มเย็นชา พร้อมกับเย้ยหยันคำพูดของเจียงซุ่ย
วุฒิการศึกษาของเธอเป็นของปลอม งานออกแบบก็คงเป็นของปลอมด้วยเหมือนกัน ดังนั้นโจวหว่านอี้จึงไม่แม้แต่จะสนใจเปิดดู
แต่ก็พอดีเลย เธออยากจะให้เจียงซุ่ยขายหน้า
“ในเมื่อคุณมั่นใจนัก งั้นฉันขอถามคำถามคุณหน่อยก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น โจวหว่านอี้ก็โยนเอกสารในมือให้เจียงซุ่ย ซึ่งทุกอย่างมีผู้ทำการสัมภาษณ์อีกสองคนมองตามด้วยสายตาประหลาดใจ
“หวังว่าคุณจะไม่ได้โม้นะคะ”
เจียงซุ่ยรับเอกสารมาอ่านด้วยความมั่นใจ
มันคือหนังสือโครงการการทำรีสอร์ตติดชายฝั่งทะเล “ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สภาพความร้อนของอากาศทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้กัดเซาะบริเวณพื้นที่เกาะ โครงการทำรีสอร์ตจึงไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้…”
เจียงซุ่ยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะบอกคำตอบออกไป
“ก็สร้างรีสอร์ตไว้รอบ ๆ เกาะ ฝังเสาที่ทำมาจากไม้ไว้ตามโขดหินที่มีน้ำทะเลปกคลุมโดยยื่นออกจากชายฝั่งไปทางทะเล ก่อรั้วด้วยไม้ที่มีระแนงเชื่อม สร้างอาคารขึ้นหลังแนวรั้ว จัดการออกแบบอาคารตามแนวโค้ง แล้วติดตั้งหน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานไว้ให้ชมวิวทะเล พร้อมกับสร้างอาคารเชิงนิเวศน์
สำหรับข้อคำนึงในการพัฒนาโครงการแบบระยะยาว การออกแบบโดยยังคงรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศรอบ ๆ เกาะ ถือเป็นการช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้ และยังเป็นปัจจัยในการอำนวยความสะดวกในด้านการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน โดยต้องศึกษาผลกระทบของสภาพอากาศในบริเวณท้องถิ่นที่ส่งผลต่อระบบนิเวศ”
“ความคิดเข้าท่า!”
“นั่นสิ ทำไมเราถึงคิดไม่ได้นะ!”
หลังจากพูดจบ ผู้สัมภาษณ์อีกสองคนก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างไม่หยุด พวกเขามองเจียงซุ่ยด้วยสายตาราวกับมองสมบัติล้ำค่า
หนึ่งในนั้นถามเจียงซุ่ยทันที “คุณจะเริ่มงานได้วันไหน!”
เจียงซุ่ยยิ้มตอบ “พรุ่งนี้เลยก็ได้ค่ะ”
ใบหน้าของโจวหว่านอี้แย่ลงเรื่อย ๆ ในที่สุดเธอก็โกรธเพราะอับอาย
“ไม่ได้! ฉันไม่เห็นด้วย! ”
ผู้สัมภาษณ์ชายอีกคนขมวดคิ้ว “ผู้ดูแลโจว วันนี้คุณเป็นอะไรเหรอครับ? คำถามที่คุณถามนั้นยากเกินความสามารถของผู้ที่มาสัมภาษณ์แล้ว และตอนนี้เจียงซุ่ยก็ตอบคำถามได้ ซึ่งสมควรที่จะได้หนังสือรับเข้าทำงานอย่างยิ่ง”
เมื่อเผชิญกับความสงสัย โจวหว่านอี้จึงพูดรับรองความคิดของตัวเอง “ฉันรับรองได้ว่าแผนที่เธอเสนอมา เธอไม่ได้เป็นคนคิดเองอย่างแน่นอน เธอต้องไปลอกมาจากที่ไหนสักที่แน่ ๆ! ฉันกับเจียงซุ่ยเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน สมัยเรียน เธอชอบลอกงานของคนอื่นและโกงข้อสอบอยู่บ่อย ๆ เธอถูกไล่ออกก็เพราะสาเหตุนี้ วุฒิการศึกษาในเรซูเม่ของเธอต้องเป็นของปลอมแน่! ฉันไม่มีวันยอมให้คนแบบนี้เข้ามาทำงานในหยูโจว กรุ๊ปหรอก!”
โจวหว่านอี้เย้ยหยันอยู่ภายในใจ เจียงซุ่ยลาออกจากโรงเรียนนั้นเป็นเรื่องจริง ดังนั้นเธอคิดเหตุผลมั่ว ๆ มา ก็ไม่มีทางสืบรู้ได้
ผู้สัมภาษณ์อีกสองคนมีท่าทางเปลี่ยนไป พวกเขามองเจียงซุ่ยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
หนึ่งในนั้นกลับคำพูดของตัวเอง “ขอโทษด้วยนะครับ การสัมภาษณ์จบลงเท่านี้ คุณกลับไปได้”
“เดี๋ยวก่อน!” ทันใดนั้นเสียงผู้ชายที่นุ่มทุ้มและน่าฟังก็ดังมาจากทางประตู “นี่มันเรื่องสนุกจริง ๆ นะ ทำไมผมถึงไม่รู้ว่า จะสรุปผลสัมภาษณ์เข้าทำงานของบริษัทโดยที่ไม่ต้องตรวจสอบหลักฐานใด ๆ ได้ด้วย!”
“คุณมู่!”