เมีย(เก่า)ฉันเป็นเศรษฐี
ผู้เขียน:Axel Bob
หมวดหมู่โรแมนติก
เมีย(เก่า)ฉันเป็นเศรษฐี
ผู้ทำการสัมภาษณ์ทั้งสองลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ พร้อมต้อนรับมู่เจ๋อผู้เป็นเจ้านาย
ผู้ชายที่เดินผ่านประตูมานั้นรูปร่างสูงโปร่ง มีใบหน้าหล่อเหลา เขาสวมแว่นกรอบสีทองไว้บนสันจมูกโด่งสูง โครงหน้าของเขาคมชัด อีกทั้งยังดูอบอุ่น
แต่ในขณะนี้ คิ้วเรียวกำลังขมวดแน่นพร้อมกับจ้องมองโจวหว่านอี้ด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ
“การลอกเลียนแบบ การโกง และการถูกไล่ออก สามารถตรวจสอบหลักฐานได้จากทางโรงเรียนโดยตรง หากคุณจะมากล่าวหาคุณเจียงลอย ๆ แบบนี้ ก็ต้องมีหลักฐานด้วยนะครับ”
“ดิฉัน…”
โจวหว่านอี้กล้าหาหลักฐานที่ไหนกัน เธอเงียบไปจนทำอะไรไม่ถูกในชั่วขณะ
มู่เจ๋อแสยะเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าจะไม่มีหลักฐานสินะ นี่คุณจงใจปล่อยข่าวลือมั่ว ๆ นี่!”
โจวหว่านอี้มีสีหน้าที่ซีดเซียวลงเมื่อถูกตะคอกใส่แบบนั้น
“อย่างนั้นผมก็ขอแสดงความเสียใจที่ต้องแจ้งคุณด้วย ว่าคุณถูกไล่ออกแล้ว”
มู่เจ๋อพูดนิ่ง ๆ
ทำเอาเจียงซุ่ยถึงกับหันขวับไปมองมู่เจ๋อด้วยความตกใจ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้พูดแทรก
“ไล่ออกเหรอคะ? ด้วยสาเหตุอะไร!”
โจวหว่านอี้เบิกตากว้างพร้อมกับเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“พฤติกรรมแย่ ๆ ที่คุณทำในการสัมภาษณ์วันนี้ทำให้บริษัทเกือบจะทำบุคลากรที่มีความสามารถหลุดมือไป และยังเป็นการทำให้เกิดการสูญเสียอย่างร้ายแรง เพราะฉะนั้นหยูโจว กรุ๊ปจึงไม่ต้องการพนักงานแบบคุณ”
ท่าทางของมู่เจ๋อดูมุ่งมั่นมาก ทำให้ผู้สัมภาษณ์อีกสองคนไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวอะไรออกมาอีก เพราะพวกเขากลัวจะเป็นการทำให้ตัวเองเดือดร้อนไปด้วย
โจวหว่านอี้ที่ถูกลงโทษอย่างหนักจนรับไม่ได้ที่ตัวเองต้องมาถูกไล่ออกเพราะเจียงซุ่ย
เธอมองเจียงซุ่ยที่มีท่าทีเงียบสงบด้วยความรู้สึกอิจฉาอย่างควบคุมมิได้ จนโจวหว่านอี้ถึงกับตะคอกถามมู่เจ๋อ “เธอมีความสามารถอะไรกันล่ะ! ฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะ! ”
มู่เจ๋อจึงตอบกลับ “เธอเพิ่งจะแก้ปัญหาโครงการสำคัญที่แผนกสถาปัตยกรรมของคุณขบไม่แตกมาเป็นเดือนด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง นั่นแหละความสามารถที่บริษัทของเราต้องการ”
โจวหว่านอี้เถียงไม่ออก เธอได้แต่ยืนเซไปด้านหลังอย่างหมดแรง
สติของเธอค่อย ๆ กลับมา เธอจึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเผลอทำผิดพลาดไปครั้งใหญ่เสียแล้ว หญิงสาวจึงรีบเอ่ยขอความเมตตาทันที
“คุณมู่ ดิฉันผิดไปแล้วค่ะ! เห็นแก่ที่ดิฉันทำงานให้บริษัทอย่างหนักมาหลายปีด้วยเถอะค่ะ ขอโอกาสให้ฉันอีกสักครั้งเถอะนะคะ!”
แต่มันก็สายเกินไปที่จะขอร้อง เพราะตอนนี้บอดี้การ์ดของบริษัทมาพาตัวเธอออกไปแล้ว
เมื่อไม่มีโจวหว่านอี้ ผู้ทำการสัมภาษณ์อีกสองคนที่เหลือก็มีมติให้ผลการสัมภาษณ์เป็นเอกฉันท์ คือให้ผ่าน
ในที่สุดการสัมภาษณ์ที่ไม่ค่อยราบรื่นก็จบลงสักที เจียงซุ่ยได้เข้ามาทำงานในแผนกออกแบบสถาปัตยกรรมของหยูโจว กรุ๊ปด้วยความสามารถของตัวเอง
เมื่อเดินออกมาจากประตูบริษัท เจียงซุ่ยก็เห็นรถของมู่เจ๋อจอดรออยู่ข้างนอก
“ยินดีต้อนรับกลับมานะซุ่ยซุ่ย”
มู่เจ๋อยังคงยกยิ้มอ่อนโยนให้เธอเหมือนอย่างเคย
อารมณ์ของเจียงซุ่ยจึงสดใสตามไปด้วย
“คุณมู่เจ๋อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ เมื่อกี้นี้ขอบคุณนะ”
มู่เจ๋อหัวเราะตอบ “ซุ่ยซุ่ย พี่จะโกรธมากนะถ้าเธอทำแบบนี้อีก เมื่อก่อนเวลาเรียกพี่เธอไม่ได้สุภาพขนาดนี้สักหน่อย”
จู่ ๆ ความทรงจำเก่า ๆ ในวัยเด็กก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเจียงซุ่ย นั่นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
“เอาล่ะ พี่มู่เจ๋อ ฉันไม่พูดสุภาพกับพี่อีกแล้วก็ได้”
“พี่ขอแค่นี้แหละ”
“ว่าแต่พี่มู่เจ๋อ พี่รู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาสัมภาษณ์งานวันนี้?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น มู่เจ๋อก็จ้องมองเจียงซุ่ยนิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มเองก็ค่อย ๆ เลือนหายไปเช่นกัน
“ซุ่ยซุ่ย คุณปู่บอกพี่เรื่องคุณหมดทุกอย่างแล้ว…”
“มันจบไปแล้วค่ะ” เจียงซุ่ยยิ้ม แล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “ตอนนี้ฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่”
ยิ่งเห็นเจียงซุ่ยเป็นแบบนี้ มู่เจ๋อยิ่งรู้สึกเจ็บใจ
เมื่อเห็นว่าเจียงซุ่ยไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนั้นอีก เขาก็เปลี่ยนเรื่องทันที “ไปกันเถอะ พี่จองโต๊ะที่ร้านฮั่วจิ่งไว้แล้ว เดี๋ยวจะพาคุณไปฉลองต้อนรับการกลับมา!”
มู่เจ๋อเปิดประตูรถให้เธอด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ
“งั้นฉันก็ไม่ปฏิเสธก็แล้วกัน”
เจียงซุ่ยไม่รีรอ รีบก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถทันที
หลังจากทานข้าวเสร็จ มู่เจ๋อก็ไปส่งเจียงซุ่ย
วันนี้เธอเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน แต่พอหัวแตะถึงหมอนปุ๊บ หลัวหลินหลินก็โทร.เข้ามาปั๊บ
“ซุ่ยซุ่ย มีเรื่องแล้ว! เข้าอินสตาแกรมเร็ว มีคนให้ร้ายเธอ!”
วินาทีต่อมา เจียงซุ่ยก็ตื่นเต็มตาลืมความง่วงเหงาหาวนอนไปจนหมด เธอถึงกับเด้งตัวขึ้นจากเตียงด้วยซ้ำ
“ว่าไงนะ?”