สามีในมุมมืด
ผู้เขียน:Shem Krieger
หมวดหมู่โรแมนติก
สามีในมุมมืด
คำตอบแบบนี้ ทำให้หนานจืออินรู้สึกตกใจก่อน จากนั้นก็รู้สึกชอบใจขึ้นมา
ต่อมา หนานจืออินก็พยักหน้าบอกให้ทราบ รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอย่างอื่นแล้ว จึงพูดขึ้นต่อ “ถ้าอย่างนั้น พวกเราแต่งงานกันเถอะ”
“ได้ แปดโมงเช้าวันพรุ่งนี้ ไปจดทะเบียนสมรสกันไหม” กู้จิ่งเฉินพูดเสนอขึ้นมา
“ได้” หนานจืออินพยักหน้า ตัวเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
พอจดทะเบียนสมรสเสร็จแล้วก็ไปดำเนินการเรื่องรับมรดกที่ซูเฉิง กรุ๊ป จะต้องอยู่ในเวลาที่พ่อกำหนดอย่างแน่นอน
พอตกลงยืนยันกันเสร็จแล้ว จากนั้นหนานจืออินกับกู้จิ่งเฉินก็แลกข้อมูลติดต่อของกันและกัน นัดเจอกันที่ประตูสำนักงานเขตเวลาแปดโมงเช้าวันพรุ่งนี้ จากนั้นหนานจืออินก็จากไปก่อน
หลังจากที่มองร่างของหนานจืออินจากไป จนกระทั่งร่างนั้นหายวับไป มุมปากของกู้จิ่งเฉินถึงได้ยกยิ้ม ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้น “อินเอ๋อร์ ในที่สุดผมก็ได้อยู่ข้างกายของคุณสักที”
เพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ของกู้จิ่งเฉินก็ดังขึ้นมา
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู โม่ยุนเย เพื่อนสนิทเป็นคนโทรมา กู้จิ่งเฉินจึงรับสาย “ฮาโหล ยุนเย”
“จิ่งเฉิน แย่แล้ว ลูกสาวของนายอาการกำเริบอีกแล้ว” โม่ยุนเยพูดขึ้นมาในสายอย่างรีบร้อนลนลาน
โม่ยุนเยเกิดในครอบครัวแพทย์ เล่นกับกู้จิ่งเฉินมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้เป็นหมอมากความสามารถที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ มีโรงพยาบาลเอกชนและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เป็นของตัวเองที่ประเทศอคอสต้า
“ว่าไงนะ” กู้จิ่งเฉินกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที สีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็ควบคุมอารมณ์ตื่นตัวของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ รีบพูดถามขึ้นมาทันที “ตอนนี้เสี่ยวหมี่อาการเป็นยังไงบ้าง อาการไม่หนักหนาอะไรใช่ไหม”
“เพิ่งจะเข้าไปในห้องผ่าตัด หมอสองคนกับนางพยาบาลกำลังเตรียมการก่อนผ่าตัด ฉันกำลังไปเอายาที่ห้องจ่ายยา” ในเวลานี้โม่ยุนเยกำลังมุ่งตรงไปยังห้องจ่ายยา ก่อนจะพูดขึ้นมาต่อ “เสี่ยวหมี่รู้สึกเจ็บมาก เอาแต่ร้องไห้เรียกหาป่าปี๊อยู่ตลอดเวลา”
พอได้ยินประโยคสุดท้ายนี้ หัวใจของกู้จิ่งเฉินก็แตกสลาย ในตาพร่ามัวขึ้นมาทันที
ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดเกินกว่าจะรับไหว แต่กู้จิ่งเฉินรู้ดีว่าแบบนี้มันก็จัดการแก้ไขอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงดึงสติกลับมา หลังจากที่ครุ่นคิดพิจารณาหนึ่งรอบแล้วก็ตัดสินใจ “ยุนเย ช่วยฉันดูแลเสี่ยวหมี่ให้ดี ๆ พรุ่งนี้ฉันเสร็จธุระแล้ว จะรีบไปดูเสี่ยวหมี่ที่ประเทศอคอสต้าทันที”
“ได้ ฉันจะดูแลเสี่ยวหมี่เอง นายรีบวางแผนเวลามาอยู่กับลูก ๆ ให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน” โม่ยุนเยเข้าใจว่ากู้จิ่งเฉินยุ่งมาก การที่เขาต้องการเลื่อนเวลาที่จะมาประเทศอคอสต้าออกไปนั้น แสดงว่าต้องจัดการธุระสำคัญจริง ๆ
“อื้อ” กู้จิ่งเฉินตอบรับ จากนั้นก็พูดขอบคุณแล้วก็สั่งกำชับอีกนิดหน่อย ก่อนจะวางสายไป
เก็บโทรศัพท์ลง พอนึกถึงท่าทางที่น่ารักน่าเอ็นดูของลูก ๆ โดยเฉพาะลูกสาวที่อ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก กู้จิ่งเฉินก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เสียใจ แล้วก็โทษตัวเองอยู่ไม่น้อย
จมดิ่งอยู่อารมณ์เศร้าเสียใจอยู่สักพัก จากนั้นกู้จิ่งเฉินก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายอารมณ์ กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะจัดการวางแผนเรื่องราวหลังจากนี้ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออกไปหาเบอร์ของเหออัน
“ครับ คุณชายสี่” เหออันรับสาย
กู้จิ่งเฉินพูดขึ้น “พรุ่งนี้ฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนกับตงตงและเสี่ยวหมี่ นายไปทำเรื่องพวกนี้ซะ”
“รับทราบครับ คุณชายสี่ ผมจะทำตามที่ท่านสั่งครับ”
...
หลังจากที่หนานจืออินเรียกรถกลับถึงโรงแรมแล้ว เพิ่งจะเข้าไปในล็อบบี้โรงแรม ก็ได้ยินว่ามีคนเรียกตนเอง
“จืออิน ใช่ไหม”
เป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย แต่หนานจืออินก็หยุดฝีเท้าลง ก่อนจะหันตัวมองไปยังทิศทางของเสียง
ตรงที่ไม่ไกล หลังจากที่เจียงหยานจือมั่นใจแล้วว่าคือหนานจืออินไม่ผิด จึงได้ก้าวเท้าเดินตรงมาอยู่ตรงหน้าของหนานจืออิน
ในเวลานี้ หนานจืออินก็จำเจียงหยานจือได้แล้วเหมือนกัน
เพราะว่าตระกูลหนานกับตระกูลเจียงเป็นตระกูลที่มีมิตรภาพต่อกันมาอย่างช้านาน เมื่อสมัยเด็กทั้งสองคนรู้จักกันจากการนำพาของผู้หลักผู้ใหญ่ ต่อมาก็เรียนโรงเรียนประถมเอกชนด้วยกัน หลังจากมัธยมต้นแล้วก็ติดต่อกันน้อยลง จนกระทั่งขาดการติดต่อกันในที่สุด
หลังจากที่เจียงหยานจือมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหนานจืออินแล้ว พอเห็นใบหน้าที่สวยงามของเธอ ก็พูดชื่นชมขึ้นมาก่อน “จืออิน คุณยิ่งอยู่ยิ่งสวยขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ”
พูดจบ เจียงหยานจือก็พูดถามขึ้นมาต่อ “ใช่แล้ว คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเหรอ”
หนานจืออินนอกจากเจอกันโดยที่ไม่ได้คาดหมายแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกดีอกดีใจอะไร จึงพูดตอบกลับไปอย่างมีมารยาท “ฉันเพิ่งจะกลับมาที่เมืองเป่ย อยู่ที่นี่สองวัน”
เจียงหยานจือเข้าใจแล้ว นึกถึงเรื่องในตอนนั้นขึ้นมาทันที ก่อนจะเริ่มพูดขึ้น “จืออิน พ่อแม่ของคุณบอกว่าคุณมีลูกกับผู้ชายคนอื่นแล้ว ไม่คู่ควรที่จะแต่งงานเข้ามาในตระกูลของพวกเรา เลยให้หนานซีซีแต่งกับผมแทน แต่ว่าผมไม่เห็นด้วย ผมเองก็ยังไม่ได้แต่งงานกับหนานซีซี”
“ต่อมา ตอนที่ผมไปหาคุณที่บ้าน คุณก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ผมถามเหล่าบรรดาเพื่อนกับเพื่อนร่วมชั้นแล้ว พวกเขาล้วนแต่ไม่รู้สถานการณ์ของคุณทั้งนั้น ดังนั้น...” เจียงหยานจืออยากจะรู้สถานการณ์ในช่วงนี้ของหนานจืออินอย่างมาก จึงพูดถามขึ้นมา “ตอนนี้คุณใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนนั้นแล้วเหรอ”
“เปล่า ฉันเลี้ยงลูกคนเดียว” หนานจืออินตอบกลับไปตามความจริง
ผู้ชายเมื่อสามปีก่อนคนนั้น ตัวเองไม่รู้ว่าเขาคือใคร ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขา หวนนึกถึงเรื่องในคืนนั้นเป็นครั้งคราวก็รู้สึกสงสัยอย่างมาก คลุมเครือไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ได้เอาเขามาใส่ใจเท่าไร
แล้วคำพูดเมื่อตะกี้นี้ของเจียงหยานจือ ตัวเองก็ไม่ได้สนใจอะไรด้วยเหมือนกัน เขาจะแต่งหรือว่าไม่แต่งกับหนานซีซี ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเอง
พอเจียงหยานจือฟังจบ ก็ช็อกตกใจที่หนานจืออินเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวก่อน จากนั้นก็รู้สึกปีติยินดี ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ “พูดแบบนั้น แสดงว่าคุณยังไม่ได้แต่งงานน่ะสิ พวกเราสามารถแต่งงานกันตามที่สัญญาไว้ได้แล้ว ผมแต่งงานกับคุณได้แล้ว”