สามีในมุมมืด
ผู้เขียน:Shem Krieger
หมวดหมู่โรแมนติก
สามีในมุมมืด
พอเจียงหยานจือได้ยินคำปฏิเสธแบบนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจ อยากที่จะพูดอะไรออกมา
แต่ริมฝีปากขยับ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น
หนานจืออินพูดสิ่งที่อยากจะพูดออกมาจนหมดแล้ว จากนั้นก็พูดทิ้งท้ายออกมาว่า “ฉันขอตัวก่อน” ก่อนจะหันตัวจากไปทันที
เจียงหยานจือรีบเรียกขึ้นมาคิดที่จะรั้งเธอเอาไว้ แต่กลับรั้งเอาไว้ไม่ได้
หนานซีซีมองร่างของหนานจืออิน อิจฉาที่รูปร่างของเธอดีกว่าตัวเอง ก่อนจะนึกถึงการปรากฏของเธอและพฤติกรรมของเจียงหยานจืออีกครั้ง ภายในใจยังคงรู้สึกโกรธเกลียดจนแทบร้องขอชีวิต
หนานจืออิน แกคอยดูเถอะ ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน
หนานซีซีพูดบ่นพึมพำในใจจบ จากนั้นก็เปลี่ยนอารมณ์ เริ่มเข้าไปใกล้ชิดเจียงหยานจือ “พี่หยานจือ พี่ประชุมเสร็จแล้วใช่ไหม พวกเราไปกินอาหารมื้อใหญ่กันดีไหม”
ที่หนานซีซีมาที่นี่ก็เพื่อมาหาเจียงหยานจือ รู้ว่าเขามาเข้าร่วมการประชุมที่นี่ คิดที่จะตามติดเขา พยายามที่จะปีนขึ้นไปบนเตียงของเขาให้ได้
“ออกไป” เจียงหยานจือผลักหนานซีซีที่เพิ่งจะเข้ามาแนบชิดตัวเองออกไป จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินไปตรงประตูของโรงแรม
เวลานี้ในใจของเจียงหยานจือแค่คิดถึงหนานจืออินเท่านั้น กำลังวางแผนอะไรอยู่
ในเมื่อเกี่ยวดองกับเธอไม่สำเร็จ ถ้างั้นตัวเองก็ตามจีบเธอก็แล้วกัน แต่งงานแบบอิสระก็ถือว่าได้เหมือนกัน
พอคิดดูแล้ว แผนการพอจะเป็นไปได้ หลังจากที่เจียงหยานจือตัดสินใจแล้วก็เริ่มตามจีบหนานจืออินทันที
...
ตอนค่ำ หนานจืออินพาลูกมาเจอกับตงเจียเว่ยที่ร้านอาหารบริเวณแถวโรงแรม
หลังจากที่ตงเจียเว่ยกอดกับหนานจืออินด้วยความดีใจแล้ว ก็หันไปอุ้มลูกบุญธรรม
“เจ้าหนู รีบมาให้แม่บุญธรรมกอด ๆ จุ๊บ ๆ หน่อยสิ” ตงเจียเว่ยชอบลูกบุญธรรมที่หล่อเท่คนนี้อย่างมาก
“ฮะ” พอมู่มู่เห็นแม่บุญธรรมแล้วก็รู้สึกดีใจ สองมือน้อย ๆ กอดคอของแม่บุญธรรมเอาไว้ จากนั้นก็จุ๊บลงไปที่แก้มของแม่บุญธรรม
ความไร้เดียงสาของเด็กช่างน่ารักจริง ๆ ทำให้ตงเจียเว่ยละลายไปทั้งหัวใจ
จากนั้นก่อนที่จะกินอาหาร ตงเจียเว่ยก็อยู่เล่นพูดคุยกับมู่มู่อยู่ตลอดเวลา จู่ ๆ หนานจืออินก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที
แต่ว่าทั้งสองคนล้วนแต่เป็นคนที่สนิทใกล้ชิดกับตัวเองมากที่สุด แม้จะรู้สึกหดหู่ รู้สึกหึงหวง แต่ก็ไม่รู้สึกโกรธ
ขณะที่กินอาหาร หนานจืออินกับตงเจียเว่ยก็ดูแลมู่มู่กินข้าวไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง
“อินอิน วันนี้ไปทำอะไรที่ซูเฉิง กรุ๊ปเหรอ” ตงเจียเว่ยพูดถามขึ้นมา
หนานจืออินพูดออกมาตรง ๆ แล้วก็เล่าเรื่องที่ร้านกาแฟออกมาด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ฟังจบ คนทั้งคนก็อึ้งตะลึงไป
“ดังนั้น เพื่อที่จะเอาซูเฉิง กรุ๊ปกลับคืนมา เธอก็ถึงกับเอาตัวเองไปแต่งงานเชียวเหรอ” ตงเจียเว่ยพูดถามขึ้นมาอีกรอบด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หนานจืออินพยักหน้า ก่อนจะพูดอธิบายขึ้นมา “แม้ว่าจะลวก ๆ ไปหน่อย แต่อีกฝ่ายดูแล้วก็ไม่เลวเลย แล้วก็เต็มใจที่จะยอมรับมู่มู่ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นก็เลยรู้สึกว่าพอใช้ได้ ต่อไปฉันกับมู่มู่ก็จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเขา”
ตอนนี้ตงเจียเว่ยค่อย ๆ ยอมรับความจริงอย่างช้า ๆ แล้วคิดทบทวนคำพูดของหนานจืออินอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้า “อื้อ ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อเธอมีความประทับใจที่ดีต่อเขา ก็ใช้ชีวิตแบบแต่งงานไปก่อนแล้วค่อยรักกันทีหลังก็แล้วกัน ขอแค่เธอกับมู่มู่มีความสุขก็พอ”
หนานจืออินไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะมีความสุขหรือเปล่า แต่จินตนาการในตอนนี้ของเธอนั้นดีงามอย่างมาก ดังนั้นก็เลยพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของตงเจียเว่ย
ตอนนี้ มู่มู่ที่อยู่ข้าง ๆ เลือกกินแต่กับข้าวไปพลาง ฟังคำพูดของหม่ามี๊กับแม่บุญธรรมเหมือนจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก่อนจะพูดถามหม่ามี๊ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหน่อมแน้มทันที “หม่ามี๊ ผมมีป่าปี๊แล้วใช่ไหมฮะ”
เมื่อก่อนตัวเองเคยถามหม่ามี๊แล้วว่าป่าปี๊อยู่ที่ไหน หม่ามี๊บอกว่าเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
ในเมื่อป่าปี๊แท้ ๆ หายตัวไปแล้ว ที่หม่ามี๊บอกว่าจะแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเมื่อตะกี้นี้ ก็ดูเหมือนจะหาป่าปี๊คนใหม่มาให้แล้ว ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็จะมีป่าปี๊แล้วใช่ไหม
พอหนานจืออินได้ยินคำพูดของลูกชาย ก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงอยู่ชั่วขณะ
เพราะว่ากู้จิ่งเฉินไม่ใช่ป่าปี๊ของเขา แต่หลังจากที่ตัวเองแต่งงานกับกู้จิ่งเฉินก็จะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วก็ถือว่าเป็นป่าปี๊ของลูกเช่นกัน ดังนั้น...
ในขณะที่หนานจืออินกำลังลังเลว่าควรจะตอบลูกกลับไปยังไงอยู่นั้น ตงเจียเว่ยก็พูดตอบขึ้นมา “ใช่ ต่อไปหนูก็จะได้ใช้ชีวิตด้วยกันกับหม่ามี๊และป่าปี๊ของหนูแล้ว ดีใจไหม”
“ดีใจฮะ แหะ ๆ ๆ ” มู่มู่ยิ้มอย่างดีอกดีใจ
พอเห็นรอยยิ้มของลูก หนานจืออินก็ดีใจตามไปด้วย ภายในใจก็ค่อย ๆ ยอมรับขึ้นมา พ่อเลี้ยงก็คือป่าปี๊เหมือนกัน ต่อไปกู้จิ่งเฉินก็จะเป็นป่าปี๊ของลูกแล้ว
จากนั้นทั้งสามคนก็กินอาหารไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง
ทันใดนั้น จู่ ๆ ตงเจียเว่ยก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “อินอิน สามีของเธอชื่อกู้จิ่งเฉินใช่ไหม” ชื่อนี้มันคุ้นหูจัง เหมือนจะเคยเห็นในนิตยสารบุคคลรายสัปดาห์ที่ไหนสักแห่ง