เมื่อรักย่อมต้องเจ็บ
“คุณลู่นี่เปลี่ยนสีหน้าไวจนน่าประหลาดใจนะคะ” ฉันเหลือบมองเธอเรียบ ๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋า และเตรียมตัวไปบ้านตระกูลฟู่
ฟู่เชิ่นเหยียนไม่ไป แต่ฉันไม่ไปไม่ได้
แต่พอมาถึงประตูก็โดนลู่ชินหรานขวางไว้ ฟู่เชิ่นเหยียนไม่อยู่ด้วย เธอเลยไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นใสซื่อ เธอมองมาที่ฉันแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เมื่อไหร่จะเซ็นใบหย่า?”
ฉันผงะไป แต่กลับยิ้มพลางมองเธอแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณลู่กำลังบังคับให้ฉันหย่าในฐานะมือที่สามงั้นเหรอคะ?”
“แกสิมือที่สาม!” ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะไม่ชอบให้ใครมาเว่าเธอเป็นมือที่สาม สีหน้าของเธอแย่ลงพลางพูดว่า “เสิ่นชู ถ้าไม่ใช่เพราะแก นายหญิงของวิลล่าแห่งนี้ต้องเป็นฉัน ไม่มีทางเป็นแกไปได้แน่นอน คุณปู่ตายแล้ว ไม่มีใครสามารถปกป้องให้แกอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ ฉันคงจะยอมเซ็นชื่อดี ๆ และไปพร้อมกับเงินที่เชิ่นเหยียนให้แล้ว”
“คุณลู่ น่าเสียดายที่คุณไม่ใช่ฉัน!” ฉันพูดกับเธออย่างเย็นชาโดยไม่สนใจท่าทางดุดันของเธอ ฉันเดินอ้อมเธอ และเตรียมจะลงไปชั้นล่างเพื่อจะจากไป ในโลกนี้นอกจากฟู่เชิ่นเหยียนแล้ว ไม่มีคำพูดของใครมาทำร้ายฉันได้
คุณหนูลู่ชินหรานที่เคยชินกับการโดนเอาใจนั้นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเลยคว้าตัวฉันอย่างแรง และพูดว่า “เสิ่นชู แกยังจะหน้าด้านอยู่อีกเหรอ? พี่เชิ่นเหยียนไม่ชอบแก แกฝืนอยู่กับเขาไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
พอหันกลับมามองเธอ ฉันก็รู้สึกตลกเล็กน้อย และพูดเรียบ ๆ ว่า “ในเมื่อเธอก็รู้ว่าเขาไม่ได้สนใจฉัน ทำไมเธอถึงต้องตื่นตระหนกขนาดนี้ด้วยล่ะ?”
“แก...” สาวหน่อยตัวเล็ก ๆ หน้าแดงเทือกอย่างโกรธจัด และพูดไม่ออกอยู่พักนึง
ฉันเข้าไปหาเธอพลางยิ้มหยัน และพูดออกมาเบา ๆ “ส่วนเรื่องที่ฉันอยู่กับเขาแล้วมีประโยชน์อะไรนั้น...” พอพูดถึงตรงนี้ ฉันก็พูดเสียงเรียบออกมาเบา ๆ ว่า “ลีลาเขาดีออกจะขนาดนั้น เธอคิดว่ามีประโยชน์ยังไงล่ะ?”
“เสิ่นชู แกนี่มันหน้าด้านจริง ๆ เลย!” ลู่ชินหรานตาแดงขึ้นมาด้วยความโกรธ และไม่สนใจอะไรพลางยกมือขึ้นแล้วผลักฉัน ข้างหลังฉันนั้นเป็นบันได ฉันเลยขยับตัวตามสัญชาตญาณเพื่อหลบเธอ
แต่ที่ฉันคิดไม่ถึงว่าลู่ชินหรานนั้นจะทรงตัวไม่อยู่ และตกบันไดไป
“อ๊ะ...” ที่ห้องโถงมีเสียงของเธอแผดดังขึ้น ฉันชะงักไปทันที และตอนที่ยังไม่ทันไหวตัวนั้น
ร่างของฉันก็ถูกผลักออกไปด้วยลมหายใจเย็น ๆ จากนั้นฟู่เชิ่นเหยียนก็ลงบันไดไปอย่างรวดเร็วเพื่อดูลู่ชินหรานที่นอนอยู่ชั้นล่าง
ลู่ชินหรานที่อยู่ชั้นล่างนั้นขดตัว ใบหน้าของเธอซีดเผือด เธอเอามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวด พลางตะโกนออกมาอย่างอ่อนแอว่า “ลูก ลูกของฉัน”
มีเลือดไหลอยู่ออกมาจากด้านร่างตัวเธอ เปื้อนพรมจนแดงเป็นวงกว้าง ฉันถึงกับอึ้งไปทันที เธอ... ท้องเหรอ?
กับฟู่เชิ่นเหยียนเหรอ?
“พี่เชิ่นเหยียน ลูก ลูก...” ลู่ชินหรานคว้าแขนเสื้อของฟู่เชิ่นเหยียนไว้ และพูดคำว่าลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหงื่อบาง ๆ ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของฟู่เชิ่นเหยียน ใบหน้าเย็นชานั้นดูหมดหวังมาก
“ไม่ต้องกลัวนะ ลูกต้องไม่เป็นอะไร” เขาปลอบลู่ชินหราน และช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มพลางเดินออกไปด้านนอก
ฟู่เชิ่นเหยียนเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็หยุดลงอย่างกะทันหัน สีหน้าของเขาบูดบึ้ง ดวงตาสีดำขลับเปลี่นเป็นคมกริบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “เสิ่นชู เธอนี่มันร้ายจริง ๆ ”
คำพูดเรียบ ๆ แค่ไม่กี่คำนั้นมันเต็มไปด้วยความเย็นชา เคียดแค้น และโมโห
ฉันยืนอึ้งอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูกไปพักนึง!
“จะไม่ตามไปอธิบายหน่อยเหรอ?” เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากข้างหลังฉัน ฉันอึ้งไปพักนึง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเฉิงจวิ้นยวี่ที่ไม่รู้ว่าตามขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ฉันระงับความตื่นตระหนกในใจ และพูดเรียบ ๆ ว่า “อธิบายอะไร?”
เขาเลิกคิ้ว “เธอไม่กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอผลักชินหรานเหรอ?”
ฉันลดสายตาลงอย่างขมขื่น “มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันเป็นคนผลักหรือไม่ สิ่งสำคัญคือชินหรานของเขาได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายก็ต้องมีคนรับผิดชอบอยู่ดี”
“คุณก็คิดได้นี่!” เฉิงจวิ้นยวี่ลงไปชั้นล่าง และออกจากวิลล่าไปพร้อมกับกล่องอุปกรณ์ทางการแพทย์
เขาน่าจะไปโรงพยาบาลเพื่อดูลู่ชินหราน