icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon

ของหวงท่านอ๋องอำมหิต

บทที่ 2 No.2

จำนวนคำ:3672    |    อัปเดตเมื่อ:08/08/2023

รุ่งเช้าวันต่อมาหลินจื่อเว่ยก็ยังไม่ตื่นคงเป็นเพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงไปได้ก็ต้องใช้ความพยายามจนเกือบจะรุ่งสาง ในขณะที่จินเจาตื่นมาตั้งแต่เช้าด้วยความเคยชิน แม้จะรู้สึกหนาวยะเยือกก็ยังล้างหน้าล้างตาเดินไปที่เรือนครัวดั่งเช่นทุกวัน

ป้าเซิงเป็นแม่ครัวประจำจวน นางผู้นี้รูปร่างอ้วนท้วนได้จัดเตรียมอาหารเอาไว้ให้ท่านหญิงหลินจื่อเว่ยแล้ว จินเจาเปิดกล่องอาหารเช้าสำรวจดั่งเช่นทุกวัน เดิมทีคิดว่าวันนี้คงไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไปจากทุกวันทว่าสิ่งที่เห็นนี้กลับทำให้นางมองป้าเซิงด้วยความไม่เข้าใจ

"ป้าเซิงอาหารท่านหญิงวันนี้ไยมีเพียงน้ำข้าว กระทั่งซุปบำรุงร่างกายยังไม่จัดเตรียมเอาไว้ให้"

จินเจาย่อมรู้ดีว่าป้าเซิงไม่อาจลืมอาหารของท่านหญิงไปได้ หญิงวัยกลางคนผู้นี้อยู่ที่จวนอ๋องมาได้มากกว่าอายุของท่านหญิงเสียอีก ป้าเซิงถอนหายใจยาว ใบหน้าราบเรียบเอ่ยราวกับคนไร้หัวใจ

"เป็นพระชายาที่สั่งมา ข้าเป็นเพียงบ่าวผู้หนึ่งจะขัดรับสั่งได้อย่างไร อีกอย่าง เจ้ายังจะเรียกนางว่าท่านหญิงอีก สตรีนางนั้นเป็นลูกชู้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ในฐานะที่ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กจะสั่งสอนเจ้าสักประโยค อย่ายึดมั่นถือมั่นให้มากในเมื่อคนเขาหมดอำนาจวาสนาเจ้าก็ต้องรีบถอยออกห่าง มิเช่นนั้นคงได้เดือดร้อนไปด้วย"

จินเจารู้สึกโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ตะโกนด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก

"ล้วนเป็นเรื่องใส่ร้ายป้ายสี ท่านก็เชื่อด้วยหรือ อดีตพระชายาเป็นคนเช่นใด ท่านหญิงเป็นคนเช่นใดทุกคนก็รู้ น้ำพระทัยของพระชายาหลิวพวกท่านลืมแล้วหรือ"

ในยามนั้นเสียงหัวเราะของบ่าวไพร่ในโรงครัวกลับดังขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน

"จับได้คาหนังคาเขาเช่นนั้นยังจะแก้ต่างอันใดได้อีก นางเองก็อยู่สู้หน้าไม่ได้ไม่ใช่หรือจึงได้หนีความผิดผูกคอตายไปเช่นนั้น"

ร่างเล็กของจินเจาสั่นระริก "พระชายาถูกคนทำร้ายจนสิ้นชีวิต ไม่ใช่ตายเพราะผูกคอเรื่องนั้นเป็นการจัดฉากของคนชั่ว"

ป้าเซิงรีบขยับมาใกล้ร่างเล็ก ยกมืออุดปากจินเจาทันใด

"เจ้าอย่าตะโกนไป หากไม่อยากเดือดร้อน ข้าวกินซี้ซั้วได้แต่วาจาไม่อาจกล่าวซี้ซั้วออกมาได้ ภัยอาจถึงตัว"

ถึงอย่างไรป้าเซิงก็ยังเอ็นดูจินเจาไม่น้อย ที่นางเอ่ยออกไปล้วนหวังดีกับจินเจาทั้งนั้น เพียงแต่เด็กคนนี้ดื้อดึงหากยังทำตัวเช่นนี้อาจจะถูกขับออกจากจวนในสักวัน ยามนั้นผู้ใดก็ไม่อาจช่วยได้แล้ว

ในโรงครัวไม่มีใครอยากพูดกับจินเจาอีกแล้ว นางจึงได้แต่ก้มหน้าเช็ดน้ำตาที่บังเกิดขึ้นมาอย่างอดสู แล้วยกน้ำข้าวไปให้คุณหนูกินปะทังหิว สองขาตรงไปที่เรือนยาประจำจวน เพื่อรับยาของท่านหญิง ทว่าวันนี้ที่เรือนยากลับเงียบเชียบ ไร้คนปรุงยารอเช่นทุกวัน นางมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นผู้ใดสักคน

จินเจารู้สึกถึงความไม่ปกติ กระทั่งยาก็ยังไม่ต้มให้ พระชายาหว่านผู้นั้นจะบีบคั้นคนเกินไปแล้ว

จินเจาเตร่อยู่หน้าเรือนยาอยู่ครู่หนึ่ง จึงยอมล่าถอยและเดินกลับเรือนเล็กท้ายจวนด้วยน้ำตานองหน้าและเสียงสะอื้นที่พยายามอดกลั้นเอาไว้

เมื่อกลับมาถึงเรือนเล็กหลินจื่อเว่ยก็ยังไม่ตื่นนางเองก็ไม่ได้ปลุกจึงได้นั่งรออยู่เงียบเชียบด้วยหัวใจที่หดหู่ด้วยความรู้สึกสงสารท่านหญิงของตน

ทว่าเพียงไม่นานประตูเรือนเล็กก็ถูกเปิดออก สตรีนางหนึ่งในชุดคลุมสีแดงขนสัตว์ใบหน้าถูกแต่งแต้มงดงามก็เชิดใบหน้าเดินเข้ามาโดยไม่เกรงใจ

จินเจาลุกขึ้นทันใดนางยอบกายแล้วเอ่ยออกมาเบา ๆ

"คุณหนูหลินหลง"

หลินหลงตวัดสายตาเหี้ยมเกรียมมองจินเจา ส่งน้ำเสียงดุร้ายออกมา

"ข้ามีตำแหน่งเป็นท่านหญิงแล้ว ไยยังเรียกข้าว่าคุณหนูอีก คงเพราะมีนายเช่นนั้นจึงไม่ได้สั่งสอนให้ดี ผู้ใดก็ได้ช่วยสั่งสอนนางสักที"

ดวงตาเล็กของจินเจาเบิกกว้างขึ้นเมื่อถูกบ่าวของหลินหลงจับตัวของนางเอาไว้

"ท่านจะทำอะไรข้า"

หลินหลงสาดสายตาเย็นเยียบ

"ยังต้องถามอีกหรือ สั่งสอนเจ้าอย่างไรเล่า"

ก่อนที่ฝ่ามือของบ่าวคนหนึ่งจะเงื้อขึ้นมาแล้วตบลงบนใบหน้าของจินเจา เสียงเย็นของสตรีนางหนึ่งพลันดังขึ้น

"ผู้ใดกล้า"

ยามนี้ไม่รู้ว่าหลินจื่อเว่ยเอาแรงมาจากที่ใด นางลุกขึ้นจากเตียงคว้าร่างจินเจาเอาไว้แล้วดึงออกจากการเกาะกุมของบ่าวนางนั้น จินเจาไม่ได้หลบอยู่ข้างหลังหลินจื่อเว่ย แต่มายืนเคียงข้างประคองผู้เป็นนายเอาไว้

เห็นได้ชัดเจนว่าท่านหญิงของนางได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีไปจนสิ้นแล้ว

หลินหลงส่งรอยยิ้มชั่วร้าย ยกมือห้ามบ่าวของตนเองเมื่อเห็นสภาพของคนใกล้ตายเช่นหลินจื่อเว่ย วันนี้นางแค่อยากมาดูว่าหลินจื่อเว่ยมีสภาพเช่นใด และจะทนได้นานเท่าใดกันเมื่อไร้อาหารและยาที่ใช้รักษาตนเองเช่นนี้

ทุกสิ่งที่สตรีนางนี้มีบัดนี้หลินหลงได้ครอบครองทั้งหมดแล้ว แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดหลินจื่อเว่ยจึงยังเป็นเสี้ยนหนามตำใจของนางเช่นนี้ คล้ายทำอย่างไรก็ไม่อาจบ่งมันออกจากใจได้จนกว่าหลินจื่อเว่ยจะตาย

นั่นคงเป็นเพราะคนผู้หนึ่งกระมัง บุรุษที่หลินหลงใฝ่ฝันถึงมาตั้งแต่เยาว์วัย ตั้งแต่วันนั้นที่ได้เห็นภาพวาดของเขาในเรือนของหลินจื่อเว่ย

หลินจื่อเว่ยสูดลมหายใจเข้าลึก จินเจาประคองให้นางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง หญิงสาวยืดอกขึ้นมา สายตากวาดสำรวจไปทั่วร่างของหลินหลง แล้วยิ้มน้อย ๆ ดูสูงส่งทั้งยังลำพองไม่แยแสผู้ใด

เรี่ยวแรงของหลินจื่อเว่ยพอฟื้นคืนมาบ้างแล้ว สาเหตุเพราะเมื่อคืนก่อนรุ่งสางหลินจื่อเว่ยได้ฝันว่า ฉีกงไต้ซือได้ปรากฏกายต่อหน้านางอีกครั้ง

"อาตมาช่วยเจ้าได้เท่านี้ เรื่องอื่นไม่อาจยื่นมือช่วยเหลือได้ เคราะห์กรรมนี้อย่างไรเจ้าก็ต้องปลดปล่อยด้วยตนเอง"

ฉีกงไต้ซือได้สอนให้นางสกัดจุดลั่วเสวียด้วยตนเอง จึงทำให้บัดนี้อาการไอของนางทุเลาลงไปมาก เพียงแต่ช่วยยับยั้งได้ชั่วคราวอย่างไรนางต้องหาสมุนไพรที่เหมาะสมมารักษาอยู่ดี

หลินหลงมองทุกอิริยาบถของหลินจื่อเว่ย พี่สาวต่างมารดาของนางคนนี้ก่อนหน้านี้ที่ได้พบเจอ ล้วนรู้จักหวาดกลัวยังทำตัวประดุจเต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง ทว่าวันนี้ไยจึงได้ดูยโสโอหังเช่นนี้

เพียงหลินจื่อเว่ยปรายตามองมาที่นางในใจของหลินหลงพลันรู้สึกอึดอัดคล้ายมีผู้ใดเอาผ้ามาอุดจมูกนางเอาไว้

แปลก ประหลาด คล้ายกับไม่ใช่หลินจื่อเว่ยคนเดิม

หลินหลงตกอยู่ในความเงียบงันชั่วครู่ เห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของหลินจื่อเว่ยแล้วในใจพลันร้อนรุ่ม กระทั่งริมฝีปากซีดเซียวดุจดอกสาลี่ของหลินจื่อเว่ยเอ่ยขึ้น

"น้องรองเจ้ามาที่นี่มีธุระอันใดหรือ"

หลินหลงเชิดใบหน้าขึ้นมา ในใจคิดหาทางเล่นงานหลินจื่อเว่ย

"ข้าเพียงแต่มาดูท่านเสียหน่อย พี่สาวผู้อ่อนแอของข้า อ๊ะ ข้าต้องขอโทษที่อาจจะเรียกพี่สาวไม่สะดวกปากแล้ว ด้วยไม่แน่ใจว่าท่านกับข้ายังเป็นพี่น้องกันอยู่หรือไม่ โอกาสที่ท่านจะเป็นลูกชู้นั้น รู้สึกว่าจะมีมากเต็มสิบส่วน"

จู่ ๆ หลินจื่อเว่ยก็หัวเราะขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่โอหังยิ่งนัก แน่นอนว่าวาจาส่อเสียดนี้ไม่มีผลกระทบกับนางเท่าใด บัดนี้หลินจื่อเว่ยมิใช่คนเดิม แต่เป็นวิญญาณที่หนังหนายิ่งนัก ไม่ใช่ว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างหลินหลงจะสามารถล่วงเกินได้ง่าย ๆ

"หลินหลง เรื่องของข้านั้นให้เป็นเรื่องของข้าเจ้าอย่ายื่นมือเข้ามาสอดจะดีกว่า ห่วงตัวเองเถิดว่าจะจัดการเช่นใด ที่มาหาข้าวันนี้คิดจะมาขอคำชี้แนะจากข้าใช่หรือไม่"

หลินหลงรู้สึกประหลาดใจในคำพูดหลินจื่อเว่ย นางเม้มปากแล้วเอ่ยถาม

"คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร"

"อืม ไม่รู้สินะ ความจริงข้าก็ไม่อยากยุ่งเพียงแต่ความสงสัยมันล้นอก"

"เจ้าสงสัยสิ่งใด"

หลินหลงร้อนตัวแล้ว หลินจื่อเว่ยจึงเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเล็กเสียงน้อย

"สงสัยว่าบทกลอนนั้นที่เจ้าเขียนให้คุณชายแซ่เฉิน ยังมีอีกผู้หนึ่ง รู้สึกจะแซ่อี้ใช่หรือไม่ ข้าคิดว่ามันยังไม่ดีพอเท่าที่ควรอยากให้ข้าชี้แนะหรือไม่ เรื่องกลอนโต้ตอบข้ามีฝีมือเหนือกว่าเจ้านัก ดูเหมือนว่ากระดาษสองแผ่นนั้นเขียนกลอนตอบไปเหมือนกันทุกประการ แต่ส่งให้บุรุษสองคนเช่นนั้นได้ด้วยหรือ ให้ตายเถิดน้องรองเจ้าจะสมองหมู[1]และขี้เกียจเกินไปแล้ว"

หลินหลงรู้สึกร้อนไปทั่วแผ่นหลัง นามของคุณชายทั้งสองที่เอ่ยขึ้นมานั้นนางย่อมรู้จักดี แต่ว่าเหตุใดหลินจื่อเว่ยสตรีขี้โรคนางนี้จึงได้รู้เรื่องนี้กัน

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้ารู้สิ่งใดมาบอกข้ามานะ"

หลินจื่อเว่ยหัวเราะดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง ท่าทางสง่างามทั้งสูงส่งเย็นชา ใบหน้าขาวซีดนั้นดูจะมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อย ส่งผลให้ยิ่งดูงดงามเจิดจ้าจนคนมองต้องหรี่ดวงตามอง หลินจื่อเว่ยคิดว่าหลินหลงช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน เช่นนี้จะเป็นนางผู้ชั่วร้ายได้อย่างไร ช่างน่าสงสารโดยแท้

หลินจื่อเว่ยรู้ว่าหลินหลงกำลังใจร้อนราวกับไฟ ต้องอยากรู้ว่านางรู้อะไรมาบ้างแต่หลินจื่อเว่ยกลับถ่วงเวลาเอาไว้ เติมเชื้อไฟแห่งความอยากรู้ให้ยิ่งลุกโพลงจนไม่อาจหนีไปที่ใดได้ บัดนี้ดูเหมือนว่าหลินหลงจะขาดสติ เมื่อขาดสติแล้วก็ย่อมต้องตกเป็นรองโดยไม่รู้ตัว

หลินจื่อเว่ยมองอาภรณ์งดงามและของล้ำค่าในตัวของหลินหลงอารมณ์พลันดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จู่ ๆ ก็มีคนมาส่งของกำนัลให้ถึงมือช่างดียิ่งนัก น้ำเสียงของหลินจื่อเว่ยจึงอ่อนลงหลายส่วน

"เจ้ามารบกวนข้ายังไม่แปรงฟันล้างหน้า เช่นนั้นข้าก็ยังไม่มีอารมณ์พูดถึงคุณชายทั้งสองแล้ว"

"นี่เจ้า อวดดีนักนะ คอยดูเถิดว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร"

หลินจื่อเว่ยยักไหล่ "ข้ามีของดีจะอวดก็แล้วกัน ว่าแต่เจ้าเถิดอยากดูหรือไม่ ไม่รู้ว่าเจ้ากับข้าผู้ใดจะต้องได้รับการสั่งสอนกันแน่"

แน่นอนว่าหลินหลงย่อมอยากรู้ เมือเอ่ยถึงบุรุษทั้งสองคนนั้นทำให้นางคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ของสำคัญที่หายไปจากโต๊ะลับของนางอย่างไร้ร่องรอย และไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไร หรือว่าของสิ่งนั้นจะอยู่ในมือของหลินจื่อเว่ยกัน

เมื่อความสงสัยล้นอก ทำให้หลินหลงยอมรออย่างเชื่อฟัง หลินจื่อเว่ยจึงสั่งให้จินเจาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ตนเอง และบ้วนปากแปรงฟันจนเรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยว่า

"จินเจาข้าหิวแล้ว"

หลินหลงยิ้มเยาะ นั่งลงข้างกายผู้เป็นพี่สาวต่างมารดาแม้ไม่ได้รับเชิญ นางย่อมรู้ว่าวันนี้หลินจื่อเว่ยได้กินสิ่งใด และตกต่ำแค่ไหน ทว่าหลินจื่อเว่ยกลับมีท่าทางสงบ แม้จะเห็นน้ำข้าวในชามอันจืดชืด ในขณะที่จินเจาน้ำตาคลอหน่วยเมื่อเห็นสายตาของหลินหลงที่มองท่านหญิงของตนอย่างเหยียดหยาม

หลินจื่อเว่ยย่อมไม่สะทกสะท้าน สองร้อยปีที่ผ่านมาอยู่ในร่างแมวขาวของผู้บำเพ็ญเพียร ข้าวปลาอาหารนั้นนางไม่สนใจมานานแล้ว มีใครเคยเห็นแมวกินมังสวิรัติบ้าง หลินจื่อเว่ยคิดว่าตัวนางนี้ คงเป็นแมวตัวแรกของโลกใบนี้ที่จำใจต้องกินมังสวิรัติเพื่อประทังชีวิตกระมัง

ดังนั้นน้ำข้าวนี้จึงไม่เลวนัก

หลินหลงยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกประหลาดใจนัก ทำไมหลินจื่อเว่ยไม่สะทกสะท้านอันใดเลยสักอย่าง แล้วนางจะคิดหาวิธีการเหล่านี้มาทรมานคนให้ลำบากทำไมกัน

กว่าจะอ้อยอิ่งซดน้ำข้าวต้มหมด ก็กินเวลาไปเนิ่นนาน นางหันไปหาจินเจาเพื่อถามหายา จินเจาส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด เพียงเท่านี้หลินจื่อเว่ยก็รู้แล้ว คนต่ำช้าเหล่านี้ยังคงใช้วิธีการรังแกคนแบบเดิม ๆ ที่ไม่พัฒนาเสียทีสินะ

หลินหลงหัวเราะเยาะ เอาเถิดร่างกายอ่อนแอเช่นนี้หากขาดยาอย่างไรคงได้ตายในไม่ช้า วันนี้นางจะอดทนอีกสักหน่อยก็แล้วกัน

"เจ้าอิ่มแล้วไม่ใช่หรือ เรื่องที่เจ้าจะพูดคงไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อใส่ความข้าใช่หรือไม่"

หลินจื่อเว่ยป้องปากหัวเราะ ท่าทางทุกกระเบียดนิ้วดูสูงส่งน่าเกรงขาม สตรีทั้งสองสบตากันไม่ลดละ จู่ ๆ หลินหลงพลันรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา

"ใส่ความหรือ ข้าเลิกใส่ความคนมาเป็นร้อยปีแล้ว ยามนี้ทุกอย่างว่ากันตามจริง อีกอย่างข้าไม่เชื่อว่าเจ้าไม่เข้าใจคำของข้า เราพี่น้องมีสิ่งใดค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันได้มิใช่หรือ หากว่าเรื่องนี้เราพูดคุยไม่ได้เช่นนั้นก็ให้หลินอ๋อง เอ๊ย ท่านพ่อเป็นคนตัดสินแล้ว"

เส้นเลือดที่ขมับของหลินหลงพลันเต้นขึ้นตุบ ๆ นางตั้งใจมาหาเรื่องคนขี้โรคนี้แท้ ๆ ทว่ายามนี้กลับดูเหมือนว่านางจะเดินมาให้หลินจื่อเว่ยหาเรื่องนางแทน

บุรุษผู้หนึ่งในชุดขององครักษ์ประจำตัวของหลินหลงยืนอย่างสงบนิ่งทว่าหูของเขานั้นกำลังเงี่ยฟังสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรือนโดยไม่กระดิกแม้แต่น้อย สตรีที่อยู่ด้านในเรือนหลังเล็กพูดคุยกันมิได้เบาเสียง และผนังเรือนก็บางจนไม่เก็บเสียงเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่สตรีทั้งสองตอบโต้กันองครักษ์ผู้นั้นจึงได้ยินเต็มสองหู

ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่เสียเปรียบจะกลายเป็นคุณหนูรองหลินหลง และหลังจากนั้นเสียงพลันเบาลง คุณหนูหลินหลงกระทืบเท้าออกมาจากเรือนเล็ก ที่น่าสงสัยคือปิ่นปักผมล้ำค่าที่นางใส่มาเต็มศีรษะบัดนี้ไม่มีเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว

ที่แท้เกิดเรื่องอันใดขึ้น

เรื่องราวระหว่างหลินจื่อเว่ยและหลินหลงถูกถ่ายทอดออกจากปากขององครักษ์ผู้นั้นโดยไม่มีตกหล่น คนผู้หนึ่งนั่งฟังด้วยใบหน้าเฉยชา ในมือของเขายังยกน้ำชาขึ้นดื่มช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า

"เจ้ากลับไปเถิด จนกว่าจะมีเรื่องสำคัญจริง ๆ ค่อยนำมารายงานต่อไปเรื่องเพียงเล็กน้อยเจ้าไม่จำเป็นต้องเก็บมาเล่า"

"พ่ะย่ะค่ะ"

หลังคนผู้นั้นกลับไปแล้ว บุรุษผู้หนึ่งในชุดสีดำทั้งตัวจึงเอ่ยขึ้น

"ท่านอ๋อง ท่านไม่สนใจแล้วหรือ ท่านหญิงหลินจื่อเว่ยอ่อนแอเช่นนั้นจะรับมืออย่างไรไหว"

ดวงตาคมยังจับจ้องอยู่ที่ถ้วยน้ำชาของตนเอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงบางเบา

"เจ้าก็ได้ยินทั้งหมดแล้ว สตรีนางนั้นหาได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด ไม่ต้องห่วงนางจนเกินไป"

"แต่ว่า ร่างกายของนางไม่สู้ดีเช่นนั้น จะเอาแรงที่ใดไปสู้คนเล่า ท่านจะใจดำเกินไปหรือไม่"

เขาผู้นั้นเงยใบหน้าขึ้นมององครักษ์คู่ใจ ใบหน้าหล่อเหลาดูเย็นชาชวนให้ขนลุก

"สตรีที่อ่อนแอสำหรับข้าแล้วคือคนไร้ประโยชน์ หากนางเอาตัวรอดไม่ได้ก็นับว่าไม่คู่ควร"

เชิงอรรถ

1.^ สมองหมู คือ โง่เขลา

เปิดรับโบนัส

เปิด
1 บทที่ 0 บทนำ2 บทที่ 1 แรกเริ่มเรื่องราว3 บทที่ 2 No.24 บทที่ 3 ผู้ใดห้ามเจ้ากัน5 บทที่ 4 ถึงคราที่นางโดนบ้าง6 บทที่ 5 จัดการนาง7 บทที่ 6 นางผู้กล้าหาญ8 บทที่ 7 ช่วยคน9 บทที่ 8 ต้องตายอย่างแน่นอน10 บทที่ 9 ร่างกายต้องการการรักษา11 บทที่ 10 พยายามจะไม่สนใจ12 บทที่ 11 ข้าต้องการเงิน13 บทที่ 12 เจ้าไม่อาจลืมข้าได้อีก14 บทที่ 13 ท่านอ๋องได้โปรดไว้ใจข้า15 บทที่ 14 เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า16 บทที่ 15 ตัวกระตุ้นความอยาก17 บทที่ 16 ปากดี NC18 บทที่ 17 เขาเป็นโรคประสาท19 บทที่ 18 คือว่าเราสองคน20 บทที่ 19 ไม่ยอมให้แต่ง21 บทที่ 20 ข้าหาได้สนใจแม้แต่น้อย22 บทที่ 21 ปีศาจตัวน้อย23 บทที่ 22 กรรมนั้นคืนสนอง24 บทที่ 23 ต้องพึ่งพาเขาอีกแล้ว25 บทที่ 24 อย่าตามใจนางเด็ดขาด26 บทที่ 25 บทเรียนครั้งใหม่ที่ข้าจะสอนเจ้า27 บทที่ 26 ท่านอ๋องอย่าเพคะ NC28 บทที่ 27 อื้อ NC29 บทที่ 28 ความลับของท่านอ๋อง30 บทที่ 29 ช่วยน้องสาวของเจ้าด้วย31 บทที่ 30 ความกล้านี้ข้าชอบนัก32 บทที่ 31 หากเจ้าตายข้าจะเสียเวลาแก้แค้นให้เจ้าเอง33 บทที่ 32 สืบข่าว34 บทที่ 33 คนอารมณ์ขึ้นลง35 บทที่ 34 จัดการให้หมด36 บทที่ 35 บังอาจล่วงเกิน37 บทที่ 36 คำชมของหลินจื่อเว่ย38 บทที่ 37 ใช้ชีวิตภายใต้คมมีด39 บทที่ 38 เดิมทีไม่ยุ่งยาก40 บทที่ 39 ไม่เลวเหมือนกัน41 บทที่ 40 เจ้ายินดีรักษาหรือไม่42 บทที่ 41 เขาตายแล้ว43 บทที่ 42 ไม่ได้กล่าวถึง44 บทที่ 43 เจ้าจะเอาสิ่งใดมาสู้กับข้า45 บทที่ 44 คนที่ผูกพันหลายชาติภพ46 บทที่ 45 ของสำคัญของข้า47 บทที่ 46 ยังไม่มีผู้ใดรู้48 บทที่ 47 แข็งแกร่งยิ่งกว่าม้าสามตัว49 บทที่ 48 เสียวแล้วใช่หรือไม่50 บทที่ 49 นางสลบไปแล้ว51 บทที่ 50 ส่วนผสมของยาขวดนั้น52 บทที่ 51 ที่นี่คือที่ไหน53 บทที่ 52 จะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกับข้า54 บทที่ 53 หนี55 บทที่ 54 แทบขาดใจ56 บทที่ 55 ให้รางวัลคนดี57 บทที่ 56 ข้าอดทนเพราะรักเจ้า58 บทที่ 57 มีสมองเหมือนกันหรือ59 บทที่ 58 สะสางหนี้แค้น60 บทที่ 59 ของปลอม61 บทที่ 60 เปิดโปง62 บทที่ 61 บทสรุปของเรื่องราว63 บทที่ 62 ตัวตนที่แท้จริง64 บทที่ 63 ขึ้นสวรรค์กับข้าเถิด (ตอนจบ)