หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก
่รู้ว่าเขาหลงลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เรื่องที่เขาเคยทำสัญญาใจกับท่านผู้เฒ่าสกุลเซี่ยเอาไว้ ว่าภายภาคหน้าจะยกหลานสาวขอ
ข้าที่ห้องตำรา” บ่าวรับใช้คนสนิท
งหนานจาง สองสามีภรรยามีบุตรชายสืบสกุลอยู่สองคน คนโตคือจ้าวหวังเหล่ย ปีนี้มีอายุได้สามสิบหกปี และคนที่สองคือจ้าวหวังหย่ง อายุ
ถด้านการเขียนอักษร เล่นหมากล้อม ท่องบทกวี และการเล่นดนตรี ปีนี้แม้จะเข้าสู่วัยสิบแปดปีแล้ว แต่ทว่
นาคตไกล เพราะเขาชื่นชอบด้านการศึกษาตำรา และเป็นลูกหลานคนแรกของตระกูลจ้าว ที่เลือกเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นขุนนา
ดาและมารดา จัดการดูแลบัญชีร้านค้าของสกุลจ้าวได้เป็นอย่างดี อีกไม่กี่เดือนจ้าวฟางเซียนก็จะเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว แน่นอนว่าย่อมมีหลายสกุลที่หมาย
เหล่ยมีภรรยาเพียงหนึ่งเดียว ทำให้ไร้ปัญหาเรื่องเรือนหลัง นับตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมา ตระกูลจ้าวยึดมั่นธรรมเนียมมีภรรยาเดียวมาตลอด ทำให้สตรีที่แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้นั้น ไม
ผู้เฒ่าให้ข้าน้อยมาเชิญท่
นิทของท่านปู่เพียงแวบเดียว ก่อนที่นางจะลงมือกินอาห
องไปด้วยหรือไม่” จ้าวหวังเหล่ยเอ่ยถามบ่าวรับใช้คนสนิทของบิดา เป็นคำ
ห้บ่าวมาตามนายท่านใหญ่ไปพบเพียงผู้เดียว”
ูหยินและคุณหนูคุณชายเสร็จก่อน แล้วข้าจะไปพบเขา” ฟงฉีรั
ียกหาตั้งแต่เช้าเช่นนี้ จ้าวหวังเหล่ยกินอาหารตรงหน้าไปอีกไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงบนชาม ก่อนที่จะบอกภรรยาและลูกๆ ให้กินก
อันใด เขาเพิ่งจะกินข้าวไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น นางมองตามแผ่นหลังของสามีไปด้วยแววตากังวล ทว่าเ
งจดหมายที่มาจากตระกูลเซี่ยนั่นแหละ
จะคีบหมูตุ๋นใส่ชามให้แก่ผู้เป็นน้องสาวอย่างใส่ใจ จ้า
ินข้าวไม่ลงเอาได้ ว่าแต่ฉีเอ๋อร์….เจ้ารู้ได้เช่นไร ว่าที่ท่าน
ิ้มเพียงเล็กน้อย เพราะทุกถ้อยคำที่มารดา พี่ชายรองและพี่หญิงใหญ่พูดคุยกัน
ม่นานนักท่านปู่ก็ให้ฟงฉีมาตามท่านพ่อไปพบ แล้วจะเป็นเพราะเรื่องใดไปได้
๋อร์…จะสิบห้าอยู่แล้ว ยั
ียนจึงส่งค้อนน้อยๆ ให้พี่ชายอย่างเช่นที่นางเคยกระทำ เ
ลแม่ทัพแห่งเมืองหนานจงใ
บนชาม พลางใช้ผ้าเช็ดปากอย่างเนิบนาบ ทุ
ม่ได้ยินมาว่า ตระกูลเซี่ยเพิ่งจะสูญเสียบุตรชายคนรองไป ยามนี้ตระ
ู๊ส่วนมากก็เป็นเช่
งเช่นนั้น หากวันใดวันหนึ่งนางต้องเลือกตระกูลที่จะแต่งออกไปจริ