เธอคือลมหายใจของฉัน
ผู้เขียน:ณัฏฐินี แก้วมณีงาม
หมวดหมู่โรแมนติก
เธอคือลมหายใจของฉัน
เมื่อได้ยินหย่าเสวียนพูดแบบนั้นออกมา ห้วยหมิงถึงกับทรุดลงไปพิงกับเจ๋อหนันที่อยู่ข้างหลัง แสร้งทำเป็นตกใจพลางเอามือปิดปาก “เฮ้ยหมอ...เฮียเหนียน...โดนผีเข้ารึป่าววะ?”
ใครจะคิดว่าการเป็นคนเก่งอย่างเขาจะมีข้อเสียเปรียบกันหล่ะ เจ๋อหนันยังคงงงอยู่ ห้วยหมิงมักจะชอบล้อเจ๋อหนันและเรียกเขาว่า ‘หมอ’อยู่เป็นประจำ แต่เขาก็เห็นด้วยว่าวันนี้หย่าเสวียนดูแปลกไปจากทุกวัน
ต่างกับเสี่ยวเคอที่ดูนิ่งมาก แถมยังถีบห้วยหมิงไปทีหนึ่ง “เฮ้ย หย่าเสวียนเป็นผู้หญิงนะเว้ย ผู้หญิงอ้อนบ้างอะไรบ้าง ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรตรงไหนเลย พวกนายควรจะชินกับมันนะ” เสี่ยวเคอหันไปมองทุกคนอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “นอกจากนี้แล้ว เฮียเหนียนนั่งรถราคาเป็นสิบล้าน เพราะงั้นการจะไปกินอาหารบนชั้นห้าของอาคารยู่เหิงนั้น คงจะเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ ทำไมจะต้องตกใจขนาดนั้นหล่ะ?”
เมื่อได้ยินเสี่ยวเคอพูดอย่างนี้แล้ว ห้วยหมิงก็คิดว่ามันมีเหตุผล เขาลุกขึ้นยืนและจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย แต่ว่า... ”เธอเลี้ยงหน่ะเลี้ยงได้ แต่การจะไปกินอาหารบนชั้นห้าของอาคารยู่เหิงได้นั้น ต้องจองก่อนล่วงหน้า ไม่ใช่นึกอยากจะกินก็เข้าไปกินได้เลยนะ ตอนนี้ก็ถึงเวลากินข้าวแล้วด้วย ไม่แน่ตอนนี้โต๊ะอาจจะเต็มแล้วก็ได้”
ห้วยหมิงไม่ได้จะดูถูกหย่าเสวียน เขาก็แค่พูดเรื่องจริงเท่านั้น
ทุกครั้งที่พ่อของห้วยหมิงเชิญแขกไปรับประทานอาหารบนชั้นห้าของอาคารยู่เหิงนั้น เขาจะต้องทำการจองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ครึ่งเดือน หรือมากถึงสามเดือนก็ยังมีเลย
ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้น หย่าเสวียนกลับดูหนักอกหนักใจ ก่อนที่เธอจะได้พบกับหลิงเฉิน ตระกูลโฮว่ไม่เคยมีความหมายอะไรกับเธอเลย แต่ตอนนี้ เธอเห็นหลิงเฉินพาผู้หญิงคนอื่นนมาเดินห้าง มันทำให้เธอไม่สบายใจ แถมเขายังซื้อของให้ผู้หญิงคนอื่นอีกด้วย
แค่เซ็ตลิปสติกที่เพิ่งจะซื้อนั้นก็ราคาเก้าแสนสามหมื่นเข้าไปแล้ว ไหนจะของในถุงต่าง ๆ ที่ผู้ช่วยจ้งถืออยู่นั่นอีก ถ้าเดาไม่ผิด ทั้งหมดนั่นคงจะราคาหลายแสนหรือหลายล้านเชียว
หลิงเฉินเองก็มักจะให้เงินหย่าเสวียนไว้ใช้จ่ายรายเดือนเป็นจำนวนมาก แต่เพราะเธอคิดว่าตัวเองยังเป็นนักศึกษาอยู่ และไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้น ทุกครั้ง เธอจึงเอามาใช้แค่นิดหน่อยเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้น ลุงโจว๋เอาไปฝากไว้ให้เธอ และเธอก็ไม่เคยถามเขาแม้แต่ครั้งเดียว
หย่าเสวียนเองก็ไม่เคยซื้อสินค้าราคาแพงเช่นเซ็ตลิปสติกมาใช้เลยสักครั้ง ทว่า หลิงเฉินนั้นซื้อเซ็ตลิปสติกให้กับผู้หญิงคนนั้น ทันทีที่เธอบอกว่าอยากได้ ในขณะที่ตัวเธอ เป็นคุณนายของตระกูลโฮว่แท้ ๆ กลับคิดสารพัดวิธีที่จะช่วยเขาประหยัดเงิน
ในเมื่อจะหย่ากันอยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้เวลาที่เหลือนี้ สนุกไปกับการใช้ชีวิตในนามของคุณนายโฮว่หล่ะ?
เธอเหลือบมองไปยังกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ยังคงคุยกันเรื่องชั้นห้าของอาคารยู่เหิงอยู่ หย่าเสวียนคิดว่า
‘การจะเลี้ยงอาหารดี ๆ กับพวกเขาสักมื้อก็เป็นเรื่องที่น่าทำ’ เธอหัวเราะกับตัวเอง ตกลงแล้ว ฉันจะไปกินข้าว เพื่อนของฉันด้วย’
หย่าเสวียนหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาลุงโจว๋
หลังจากนั้นหนึ่งนาที การสนทนาก็สิ้นสุดลง เธอหันไปหาเพื่อน ๆ และกระแอมเพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจจากพวกเขา และมันก็ได้ผล ทุกคนที่ตอนแรกกำลังถกเถียงกันอยู่ ตอนนี้ต่างจับจ้องมาที่เธอด้วยความสงสัย
“ทำไมทุกคนยังยืนอยู่ตรงนั้นอีกหล่ะ?” หย่าเสวียนพูดพลางเดินไปที่ทางออก “ไปกันเถอะ”
ทุกคนมองหน้ากันก่อนจะหันไปหาหย่าเสวียน และก็มีคนนึงถามขึ้นมา ซึ่งก็คือหว่านหยิงนั่นเอง หว่านหยิงถามด้วยความสงสัยว่า“ไปไหนหล่ะ?”
หย่าเสวียนหันหน้าเข้าหาหว่านหยิงและเพื่อน ๆ ของเธอพลางยิ้มแล้วตอบว่า “ไปชั้นห้าของอาคารยู่เหิงไง ฉันเลี้ยงพวกเธอเอง”
สิบกว่านาทีถัดมา บนชั้นห้าของอาคารยู่เหิง หย่าเสวียนกำลังรอที่จะยืนยันห้องส่วนตัวของพวกเขาอยู่
ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดขึ้น หย่าเสวียนจ้องมองชายคนที่กำลังก้าวออกจากลิฟต์ มันยากที่จะลืมชายผู้ที่มีกลิ่นอายของความน่ากลัวและเย่อหยิ่งนั้นได้ และมันก็ยากที่จะไม่มอง
‘อะไรกัน…เขาอีกแล้วเหรอ…’ หย่าเสวียนเอามือทาบอก แต่ก่อนตอนที่ยังไม่ได้ขอหย่า การที่จะเจอหน้าเขาสักครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่หลังจากที่เธอเซ็นใบหย่าและให้ลุงโจว๋เอาไปให้หลิงเฉินแล้วนั้น นี่ก็นับว่าเป็นครั้งที่สามที่พวกเขาเจอกัน
หย่าเสวียนอดไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่า หรือการที่เจอกับหลิงเฉินบ่อย ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เขาจงใจเพราะว่าไม่อยากหย่างั้นเหรอ?
“ใครปล่อยให้คนพวกนี้มาที่นี่? !” หลิงเฉินพูดออกมาด้วยความโกรธ “ไล่พวกมันออกไป!”
และเมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูด เธอถึงกับหลุดออกจากภวังค์ทันที
ผู้จัดการชั้นหน้าซีดเผือด เขาเช็ดเหงื่อและลังเลก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณหลิงเฉินครับ พวกเขาเป็นแขกของพ่อบ้านอี้จูนครับ”
เมื่อได้ยินชื่อของอี้จูน หลิงเฉินก็ส่งสายตามองไปที่กลุ่มนักศึกษาก่อนจะพูดว่า “ผู้ช่วยจ้ง ให้พวกเขาอยู่ที่นี่ แต่ไล่เธอออกไป”
ผู้ช่วยจ้งรู้ดีว่าหลิงเฉินหมายถึงใคร
เมื่อได้ยินดังนั้น คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาอย่างหมี่เจียก็หัวเราะขึ้นมา เธอรู้สึกตลกเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ของหลิงเฉิน ‘เขาจะต้องรักฉันมากแน่ ๆ ถึงได้ทำแบบนี้เพื่อฉัน’ เธอคิดอย่างเพ้อฝันพลางมองหน้าเขา ‘เขานี่เยี่ยมที่สุดเลย’
ผู้ช่วยจ้งรู้สึกสงสัย ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่รู้จักเธอแท้ ๆ ‘ทำไมท่านต้องทำกับเธอแบบนี้ด้วย? ทำไมท่านถึงได้เกลียดเธอมากขนาดนี้นะ?’
ผู้ช่วยจ้งครุ่นคิดกับตัวเอง
ผ่านไปหนึ่งนาที เมื่อหลิงเฉินเห็นว่าผู้ช่วยจ้งยังไม่ทำตามที่เขาสั่ง เขาก็เริ่มหมดความอดทน เขามองหน้าผู้ช่วยจ้งด้วยสายตาดุดัน “ผู้ช่วยจ้ง เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นครับท่าน ไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ” ผู้ช่วยจ้งเริ่มหงุดหงิด “เธอคือ...”
เมื่อรู้ว่าผู้ช่วยจ้งกำลังจะพูดอะไร หย่าเสวียนก็ขยิบตาให้เขา และหวังว่าเขาจะไม่เปิดเผยตัวตนของเธอ
การกระทำดังกล่าวไม่ได้รอดพ้นสายตาของหลิงเฉิน เขาคิดว่าเธอกำลังให้ท่าผู้ช่วยจ้ง ‘หึ เธอมีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้ช่วยจ้งด้วยงั้นเหรอ’ หลิงเฉินยกยิ้ม เขาหันไปหาผู้ช่วยจ้งและพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า “ผู้ช่วยจ้ง ดูคนหน่ะอย่าดูแค่หน้าสิ คนบางคนหน้าตาดูใสซื่อ แต่ที่จริงแล้วข้างในนั้นสกปรกจนไม่มีใครอยากมอง ถ้าฉันเป็นคนแบบนี้นะ ฉันคงละอายเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ และคงจะกระโดดลงไปจากตรงนี้แล้วแหละ”
ผู้ช่วยจ้งยังคงงงอยู่ คำพูดของหลิงเฉินไม่ได้ทำให้เขาหายข้องใจอะไรเลยสักนิด
‘ทำไมท่านถึงได้ทำแบบนี้กับผู้หญิงหล่ะ?’ ผู้ช่วยจ้งคิด ‘ทำไมท่านถึงต้องพูดจากับเธอแบบนี้ในที่สาธารณะด้วย?’ เท่าที่เขารู้ ปกติท่านจะไม่สนใจกับการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิง
หย่าเสวียนกัดฟันกรอด ท่านดูถูกเธอต่อหน้าฝูงชนงั้นเหรอ?
แต่ก่อนเวลาเธอโดนคนรังแก เธอไม่เคยเสียเปรียบมาก่อน พอคิดแบบนี้แล้วเธอก็รู้สึกเดือดขึ้นมาทันที เธอพูดอย่างเยาะเย้ย “คุณหลิงเฉินคะ เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว ฉันก็แค่จูบนายโดยบังเอิญแค่นั้นเอง นายจะเอาเป็นเอาตายอะไรกับฉันนักหนา นายไล่ฉันออกไปสองรอบแล้วนะ คิดว่าตัวเองแน่มากงั้นสิ? คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของว่างั้น?”
คำพูดของหย่าเสวียนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เธอเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด และนั่นก็เป็นจูบแรกของเธอ ถึงแม้ว่า เขาจะเป็นสามีของเธอ แล้วไงหล่ะ? ในเมื่อเธอเสียเปรียบเขา
หว่านหยิงและห้วยหมิงดึงแขนเสื้อของเธอ ห้วยเหมิงกระซิบเบา ๆ “เฮียเหนียน ไม่ต้องพูดแล้ว ใจเย็น ๆ หลิงเฉินมีอำนาจเยอะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”
แต่การกระทำของเขาก็ไม่น่าให้อภัยอยู่ดี ถึงแม้จะเป็นคนมีอำนาจ แต่เขาก็ไม่ควรดูถูกเธอแบบนี้ ไม่มีทางที่หย่าเสวียนจะอยู่เฉยได้หรอก “ในเมื่อนายบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงสกปรก” หย่าเสวียนมองหลิงเฉินอย่างเยาะเย้ย “และนายเองก็โดนฉันจูบ เพราะงั้นถ้าจะตายนายก็ไปตายกับฉันด้วยสิ คุณชายหลิงเฉิน”
ต้องขอโทษด้วย แต่ในทะเบียนสมรสนั้น มีชื่อของเธอกับเขาอย่างขัดเจน ถ้าพวกเขาเป็นแค่คู่รักธรรมดา ๆ ก็คงจะดูโรแมนติกและดึงดูดผู้คนมากมาย
แต่เมื่อสิ้นเสียงของเธอ ทั้งชั้นก็เงียบกริบ
มีคนสงสัยว่าเธอเป็นโรคประสาทรึป่าว “กล้าพูดว่าตัวเองจูบกับหลิงเฉิน! แถมยังไล่เขาไปตายอีก! ”
ผู้จัดการชั้นนั้นแทบอยากจะไล่หย่าเสวียนออกไปซะตอนนี้ แต่เมื่อเขาเห็นว่าผู้ช่วยจ้งไม่แม้แต่จะขยับตัว
เขาเองก็ไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น
ผู้ช่วยจ้งนั้นรู้จักนิสัยของหลิงเฉินดีกว่าเขา เมื่อหมี่เจียได้ยินคำว่าจูบ เธอถึงกับกัดฟันกรอด และมองหย่าเสวียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สิ่งที่เธออยากจะทำตอนนี้คือ ถอดเสื้อผ้าของหย่าเสวียนทิ้งและให้บอดี้การ์ดเอาไปโยนให้ฉลามกิน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่ของเธอ เธอคงจะไม่มีโอกาสยืนอยู่ข้างหลิงเฉินตอนนี้หรอก
‘จูบงั้นเหรอ อย่าว่าแต่จูบเลย’ หมี่เจียคิดในใจ เธอหงุดหงิดจนอยากจะกรี๊ดออกมา ‘สำหรับเธอ แค่จะกอดแขนเขายังต้องใช้ความกล้าอย่างมาก แต่ผู้หญิงคนนี้กลับจูบเขา!’
ในที่สุดผู้ช่วยจ้งก็ทนไม่ไหว จนถึงกับเอามือปิดหน้า ในโลกนี้คงไม่มีคุณนายคนไหนโง่เท่ากับหย่าเสวียนแล้วหล่ะมั้ง ไชนิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล พลาซ่าเป็นของหลิงเฉินและในเมื่อตอนนี้พวกเขาถือว่าเป็นสามีภรรยากัน เพราะงั้นของ ๆ หลิงเฉิน ก็เป็นของ ๆ หย่าเสวียนด้วยเช่นกัน
เสี่ยวเคอกำลังมองหลิงเฉินอย่างเพ้อฝัน หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น หน้าของเธอก็ร้อนผ่าว เธอกำลังมองไปที่อาหารตาอย่างหลงไหล แต่เธอก็ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินที่หย่าเสวียนพูด เธอรีบเช็ดน้ำลายที่เกือบจะไหลออกมา ก่อนจะพูดสั่น ๆ ว่า “นี่ เฮียเหนียน ไชนิ่ง อินเตอร์ เป็นของคุณหลิงเฉินนะ เธอรู้รึป่าว?”
คำพูดของเสี่ยวเคอนั้นเหมือนกับฟ้าที่ผ่าลงมาที่เธอซ้ำสอง หย่าเสวียนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก หลังจากนั้นสักพักก็ถามออกมาว่า “เมื่อกี้เธอว่าไงนะ?”