เธอคือลมหายใจของฉัน
ผู้เขียน:ณัฏฐินี แก้วมณีงาม
หมวดหมู่โรแมนติก
เธอคือลมหายใจของฉัน
เจิ้งเฟยยืนโค้งรอคำตอบอย่างสุภาพ ผ่านไปสักพักใหญ่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากเจ้านาย
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เจ้านายด้วยความสงสัย มวนบุหรี่ในมือของหลิงเฉินนั้นไหม้จนหมดมวน เหลือเพียงแค่ก้นบุหรี่เท่านั้น แต่เขากลับไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว เขากำลังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ เจิ้งเฟยหันไปมองทางโทรทัศน์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งนำอยู่เป็นคนแรก
เธอสวมเสื้อยืดสีเขียวและรองเท้าผ้าใบซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทของหลิงเฉิน ความเร็วของเธอคงที่ แม้ว่าเสื้อยืดของเธอจะชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการวิ่ง ใบหน้าของเธอนั้นแดงราวกับผลแอปเปิล มันน่ารักมาก และมันก็ทำให้คนที่เห็นรู้สึกอยากจะหยิกมัน นั่นคือสิ่งที่เจิ้งเฟยรู้สึกหลังจากที่ได้ดูและเขาก็แอบเชียร์เธออย่างเงียบ ๆ
“รายงานใหม่อีกรอบ” จู่ ๆ หลิงเฉินก็สั่งขึ้นมาให้เจิ้งเฟยเริ่มรายงานอีกครั้ง เมื่อเจิ้งเฟยหันกลับมาเพื่อรายงานให้เขาฟัง หลิงเฉินได้ละสายตาจากหน้าจอ และหันกลับมาสนใจกับเอกสารตรงหน้าราวกับว่ากำลังจดจ่ออยู่กับมันมาโดยตลอด
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงสิบนาที หย่าเสวียนก็วิ่งแซงนักกีฬามาราธอนเหรียญเงินไปได้ และเธอก็กลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง ทุกคนเห็นถึงความพยายามในทุก ๆ ก้าวของเธอ เธอวื่งได้อย่างรวดเร็วและก็ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ นั้นคึกคักขึ้นมาทันที
เพื่อน ๆ ในคณะบริหารธุรกิจก็เริ่มตะโกนให้กำลังใจเธออีกครั้ง “เก่งมาก หย่าเสวียน!” “สู้ ๆ สู้ ๆ ! ใกล้จะถึงเส้นชัยแล้ว!” แม้แต่คนที่มองไม่เห็น พอได้ยินว่าหย่าเสวียนวิ่งนำอยู่เป็นคนแรก พวกเขาก็ตะโกนให้กำลังใจเธอเช่นเดียวกัน เสียงเชียร์นั้นยังคงดังกระหึ่มอยู่เป็นระยะ อย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเลย
อีกสิบนาทีต่อมา เหลือแค่สามรอบก่อนที่พวกเขาจะเข้าเส้นชัย จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจดังแว่วมาจากทางด้านหลัง และก็ได้ยินเสียงคนเรียกเจ๋อหนันขึ้นมา
หย่าเสวียนหอบหันหลังกลับมาดู ก็พบว่าห้วยหมิงรวมไปถึงคนอื่น ๆ นั้นไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาถอนตัวออกจากการแข่งขันไปเรียบร้อย เหลือแค่เจ๋อหนันที่วิ่งอยู่ในลำดับที่หก ซึ่งไม่รู้ว่าล้มลงไปตอนไหน เขาพยายามจะลุกขึ้นยืนหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ
หย่าเสวียนกลืนน้ำลายและลังเลอยู่พักหนึ่ง แม้จะอยู่ห่างจากเขาหลายเมตร แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะวิ่งกลับมาหาเขา ท่ามกลางความตกใจของทุก ๆ คน
ในขณะเดียวกัน นักกีฬามาราธอนเหรียญเงินก็กลับมาแซงเธอและกลับขึ้นไปเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง
“เฮีย...” เจ๋อหนันหอบหายใจ เมื่อเห็นว่าเธอกลับมา “เฮียเหนียน ไม่... ไม่ต้อง... สนใจฉัน...” ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หย่าเสวียนก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขาและยื่นมือออกไป เจ๋อหนันเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาขอโทษ
เมื่อมองเห็นนักกีฬาเหรียญเงินวิ่งผ่านหย่าเสวียนไป ก็ทำให้เขาได้สติขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอก็คงไม่ต้องกลับมา และเธอก็อาจจะชนะการแข่งขันไปแล้วก็ได้ เขาจับมือเธอและค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
ทว่า อาการบาดเจ็บของเขานั้นหนักกว่าที่คิด ทันทีที่เขายืนขึ้น เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ขาและมันก็เกือบจะทำให้เขาต้องทรุดลงไปอีกครั้ง หย่าเสวียนรีบจับเขาไว้ทันที
“เฮียเหนียน ฟังฉันนะ” เขาหอบหายใจ “ขาฉันเจ็บ” เขาส่ายหัวอย่างรู้สึกผิดหวัง “ฉัน... ฉันวิ่งต่อไม่ไหวแล้วหล่ะ เธอรีบไปเถอะ รีบวิ่งเข้า ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
หย่าเสวียนมองไปที่หัวเข่าที่ถลอกของเขาก่อนจะพูดว่า “หมอ แค่ถลอกนิดหน่อยเอง นายทำได้ เดี๋ยวฉันช่วยนายเอง”
เธอรู้จักกับเจ๋อหนันมานานหลายปีแล้ว เขาเป็นคนหัวดี และคอยอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอเวลาที่เธอมีปัญหากับอาจารย์ ในเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เธอจะทิ้งเขาไปได้ยังไงกันหล่ะ
เมื่อได้ยินหย่าเสวียนพูดอย่างนั้นแล้ว เจ๋อหนันกัดฟันแน่นและเริ่มวิ่งต่อ มันไม่ได้เจ็บอะไรมาก เพราะมีหย่าเสวียนคอยเป็นกำลังใจให้เขาตลอดการแข่งขัน
จู่ ๆ พวกเพื่อน ๆ ที่ส่งเสียงให้กำลังใจพวกเขานั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า “หัวหน้าห้อง! เฮียเหนียน! พวกเธอเท่มากเลย!”
และก็มีเสียง ๆ หนึ่งดังออกมาจากกองเชียร์ “หย่าเสวียน ฉันรักเธอ!” และก็ทำให้ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมา เพราะคนที่ตะโกนมันออกมาคือผู้หญิงคนหนึ่ง
แม้จะเสียเปรียบอยู่มาก แต่หย่าเสวียนก็พาเจ๋อหนันวิ่งแซงหน้านักวิ่งคนอื่น ๆ ไป ในที่สุด พวกเขาก็ไปถึงเส้นชัย หย่าเสวียนได้ที่สาม ส่วนเจ๋อหนันได้ที่สี่
นักวิ่งหมายเลขเก้าหกหนึ่ง ยอมสละรางวัลที่หนึ่งกลับไปช่วยเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บนั้น ได้ใจผู้ชม ณ ตอนนั้นไปเต็ม ๆ เพราะการตัดสินใจของเธอ ทำให้เธอกลายเป็นฮีโร่ของงานนี้ไปเลย
ผู้ชายที่อยู่ในห้องพักวีไอพีนั้นเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงมันออกมา แต่เหตุการณ์นี้ก็ส่งผลอะไรบางอย่างกับเขาเช่นกัน
ณ ตอนนี้ นักกีฬาหญิงที่ได้ที่สามนั้นรายล้อมไปด้วยผู้ชายนับสิบคน พวกเขาโยนเธอขึ้นเพื่อแสดงความยินดี พวกเขาทำแบบนี้อยู่สองสามครั้ง แม้ว่าเธอจะรู้สึกเหนื่อยและหมดแรง แต่เธอก็ยังยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
หลิงเฉินยกยิ้มมุมปาก ‘หึ ดูเธอทำสิ’ เขาคิดอย่างหงุดหงิด ‘เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อยซะที่ไหนกัน ไม่งั้นคงไม่ยั่วยวนพวกผู้ชายไร้เดียงสาพวกนั้นหรอก
หลังการการแข่งขัน หย่าเสวียนกลับไปที่หอพักของเธอ และนอนลงบนเตียง มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันนี้ ทว่า มันยังไม่จบ
พิธีปิดการแข่งขันฮาล์ฟมาราธอนรวมไปถึงการมอบรางวัลให้กับผู้ชนะกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ และยิ่งไปกว่านั้น คนที่มอบเหรียญรางวัลคือ หลิงเฉิน ประธานกรรมการบริหารของ ZL กรุ๊ป
เมื่อได้ยินชื่อหลิงเฉิน เธอก็รีบลุกขึ้นทันที “อะไรนะ? !” หย่าเสวียนตะโกนออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ‘หลิงเฉินงั้นเหรอ?’ เธอคิดอย่างเคือง ๆ ‘จริงดิ! ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกี่ยวกับเขาได้นะ? เธอนอนคิดอยู่บนเตียง และเผลอกัดริมฝีปากอย่างไม่ทันตั้งตัว
เสี่ยวเคอมองเธออย่างเห็นอกเห็นใจ “ฉันว่านะ หย่าเสวียน เธอกับหลิงเฉินหน่ะดวงสมพงศ์กันแน่ ๆ เลยหล่ะ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ที่นั่นก็มักจะมีเขาด้วยเสมอ!” หย่าเสวียนถอนหายใจ ‘ดวงสมพงศ์กันงั้นเหรอ?’ เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ‘ยังไงซะเขากับฉันก็เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย’ เธอคิดกับตัวเอง
“ตอนนี้ฉันกลัวว่าพวกเธอจะมีเรื่องกันในพิธีมอบรางวัลหน่ะสิ” เสี่ยวเคอพูด “ฉันไม่มีเรื่องกับเขาในพิธีแน่นอน” หย่าเสวียนตอบ “ถ้ารู้แต่แรกว่าเขาจะเป็นคนมอบรางวัล... และฉันก็ไม่ได้ที่หนึ่งยู่แล้ว ฉันคงให้คนอื่นได้ที่สามไปแล้วหล่ะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจอหน้าเขา
จริง ๆ ที่สามก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ยังไงซะถ้าไม่ได้ที่หนึ่งก็ถือว่าฉันแพ้อยู่ดี” เธอรับคำท้ามาแบบนั้น เธอได้ที่สามก็เท่ากับว่าเธอแพ้กว่อกว่อ หว่านหยิงเป่าเล็บที่เพิ่งทาเสร็จพลางพูดแทรกขึ้นมา “จริง ๆ แล้วนะหย่าเสวียน ฉันอิจฉาเธอมาก เธอโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอกับหลิงเฉินหลายต่อหลายครั้ง! เขาทั้งหล่อทั้งรวย เขาคือทุกอย่าง มันเหมือนกับพรหมลิขิตเลยหล่ะ” สายตาชวนฝันของเธอหายไปและก็เรื่มพูดต่อ “แต่พอนึกถึงทุกครั้งที่เธอมีเรื่องกับเขาแล้ว ฉันก็รู้สึกหายอิจฉาเธอแล้วหล่ะ” ‘คงจะมีแต่หย่าเสวียนเท่านั้นแหละที่กล้ามีเรื่องกับหลิงเฉิน
หรือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเธอนั้นจะมีอำนาจมากกว่าหลิงเฉินกันนะ?
ไม่...เป็นไปไม่ได้หรอก’ หว่านหยิงสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดนั้นออกไปจากสมองของเธอ ในเมืองเยว่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่คนกลัวหลิงเฉินทั้งนั้น
เสี่ยวเคอกอดหมอนอย่างไม่เข้าใจพลางถามขึ้นว่า “เฮียเหนียน หลิงเฉินออกจะหล่อขนาดนั้น ฉันหล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมทุกครั้งที่เจอเขาเธอถึงไม่รู้สึกสนใจเขาเลยสักนิดหล่ะ? ทำไมพวกเธอสองคนถึงได้เกลียดกันนักนะ?”
หย่าเสวียนหยุดยิ้มไปพักหนึ่ง ครั้งแรกที่เธอสบตาเขา เธอก็รู้สึกสนใจในรูปลักษณ์ของเขาอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเขานั้นหล่อจริง ๆ แต่ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน เขาก็ทำให้เธอต้องโมโหทุกครั้งไป ทำไมหน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าเธอรับนิสัยชอบดูถูกของเขาไม่ได้ ก็แค่จูบครั้งเดียวเองไม่ใช่รึไง? อีกอย่าง คนที่เสียเปรียบควรจะเป็นผู้หญิงมากกว่า ไม่ใช่หรือ? ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ใจแคบขนาดนี้นะ แต่เขากลับคิดว่าผู้หญิงควรจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและไม่เจ้าชู้
เพราะงั้นก็เลย ต่างคนต่างเกลียดขี้หน้ากันไปโดยปริยาย
“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ” หย่าเสวียนบ่น “ทำไมถึงเจอเขาไปทุกที่เลยนะ? แม้แต่คนมอบรางวัลของงานวิ่งมาราธอนก็เป็นเขา?” เธอกลอกตา “เขาไม่มีงานทำรึไงกัน? เขาไม่ใช่เจ้าของบริษัทธุรกิจข้ามชาติเหรอ? ไม่ต้องดูแลธุรกิจของตัวเองรึไง? ทำไมถึงดูว่างขนาดนี้หล่ะ?” หย่าเสวียนอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมเขา
“หย่าเสวียน ZL กรุ๊ป เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของการวิ่งมาราธอนครั้งนี้” เสี่ยวเคอบอกกับเธอ “ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกีฬา รองเท้าผ้าใบ ของรางวัลต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ได้รับการสนับสนุนจากเขาทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่หลิงเฉินจะมาเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้”
“นอกจากนี้ ZL กรุ๊ป ยังสนใจในการแข่งขันกีฬาอีกด้วย พวกเขาสนับสนุนการแข่งขันกีฬามากมาย” หว่านหยิงให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะเห็น ZL กรุ๊ป ในงานใหญ่ ๆ อย่างงานมาราธอนนี้” หย่าเสวียนเชื่อที่พวกเธอพูด แต่ก็แอบสงสัยว่าทำไมพวกเธอถึงได้รู้มากขนาดนี้
พวกเธอมักจะติดตามข่าวของหลิงเฉินอยู่เสมอ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่ติดตามเขากันทั้งนั้น เขาเป็นผู้ชายโสดที่รวยที่สุดในเมืองเยว่ จะมีเพียงก็แต่ หย่าเสวียนเท่านั้นที่ดูจะรังเกียจเขา
ในพิธีมอบรางวัล หย่าเสวียนยืนบนแท่นรับรางวัลที่สาม ไม่นานผู้ชายที่ทำให้ผู้คนกรีดร้องก็เดินเข้ามา
เขาสวมสูทและรองเท้าหนังสีดำใหม่เอี่ยมพลางเดินขึ้นไปบนเวที
แสงแดดทำให้เขาดูเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น และมันก็ทำให้เขาดูน่าเกรงขามมากเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่อยู่ด้านล่างเวทีนั่นเลย แม้แต่หย่าเสวียนเองก็ไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้เช่นกัน
ถ้าเขาเป็นแบบนี้ และไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน เขานั้นหล่อมากจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้หญิงจำนวนมากคลั่งไคล้เขา
ดวงตาของพิธิกรสาวนั้นเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัด “ขอเรียนเชิญคุณหลิงเฉินมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศของเราในวันนี้ด้วยค่ะ” เธอประกาศเสียงสั่นเมื่ออยู่ใกล้เขา
เขามอบเหรียญให้ทีละคน และเมื่อมาถึงรางวัลที่สาม หลิงเฉินเดินเข้าไปหาหย่าเสวียนพร้อมกับคนที่ถือรางวัล ใบหน้าของเขานิ่งเฉยราวกับว่าไม่เคยเจอเธอมาก่อน เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับเขา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าทุกคนต่างจับจ้องมาที่เธอ เธอก็ยิ้มออกมา แต่แววตาของเธอนั้นกลับไม่ยิ้มเลยแม้แต่นิดเดียว