เธอคือลมหายใจของฉัน
ผู้เขียน:ณัฏฐินี แก้วมณีงาม
หมวดหมู่โรแมนติก
เธอคือลมหายใจของฉัน
วันนั้นเป็นวันที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่กำลังเคาะนิ้วกับโต๊ะพลางครุ่นคิด ไม่ใช่แค่ชี่หางเท่านั้นที่มีคำถามมากมายในใจ แต่เหล่านักเรียนเองก็มีเช่นกัน เช่นว่าหย่าเสวียนและอธิการบดีรู้จักกันได้ยังไง และทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากน้อยแค่ไหน
มีข่าวลือว่าเด็กสาวใจใหญ่คนนี้มีภูมิหลังที่ใหญ่ยิ่งกว่า ใหญ่โตซะจนตระกูลลู่ต้องยอมปกปิดความผิดให้กับนักเรียนตัวแสบ
'กิตติศัพท์ของหญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งถึงขนาดที่ คุณชี่หางงไม่กล้าทำอะไรเธอเลยงั้นเหรอ เหล่านักเรียนยังคงครุ่นคิดต่อไป
ความสงสัยก่อตัวขึ้นในห้องทำงานของอธิการบดี
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่อธิการบดีจะแจ้งบทลงโทษ ชี่หางยืนขึ้นจากที่นั่งและหยิบหนังสือแจ้งผลการประเมิน ก่อนจะกล่าวอย่างเป็นทางการ “ผมได้ตรวจสอบและยืนยันเทปเหตุการณ์ในห้องเรียนแล้ว ผมเห็นกับตาตัวเองว่าจือยี่กับเซี่ยงหยู่เป็นคนเริ่ม ขณะนี้จะมีการประกาศรายชื่อบนหนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัยเพื่อให้ทั้งมหาวิทยาลัยได้รับทราบ ในทางกลับกัน ห้วยหมิงและนักเรียนคนอื่นที่มีส่วนร่วมจะต้องวิ่งรอบสนามสิบรอบเป็นการลงโทษ ถือซะว่าเป็นผลจากการทำตัวเป็นเด็กของพวกคุณ ส่วนคุณเจ๋อหนัน ถึงคุณจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการทะเลาะวิวาท แต่คุณต้องไปเฝ้าเพื่อนร่วมชั้นของคุณ ถ้าพวกเขาวิ่งเสร็จแล้วให้มาแจ้งผม”
หลังจากออกคำสั่งทั้งหมดในคราวเดียว ชายหนุ่มผู้นำมหาวิทยาลัยก็นิ่งเงียบ
ชี่หางคิดว่าเขาชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว แต่จือยี่ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ท่านอธิการบดีครับ นี่มันไม่ยุติธรรมเลย! ดูหน้าผมสิ ทั้งช้ำทั้งบวมไปหมด ปัญหาทั้งหมดเกิดจากหย่าเสวียน แล้วคุณจะไม่ลงโทษเธอเลยหรอ” เขาชี้ไปที่หย่าเสวียนผู้ซึ่งแทบจะไม่ขยับตัว
เด็กหนุ่มหัวดื้อไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอธิการบดีไม่คิดจะลงโทษเด็กสาวที่ทำร้ายเขาขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะอิทธิพลของตระกูลลู่ เขาคงปล่อยหมัดและคว่ำโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าเพื่อให้รู้ว่าเขาโกรธขนาดไหน
หย่าเสวียนก็งุนงงพอ ๆ กับเด็กหนุ่มที่เธอเล่นงาน เธอมีคำถามกับคำตัดสินของอธิการบดี สงสัยว่าชี่หางอาจจะรู้เรื่องของเธอ
ชี่หางไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายในมหาวิทยาลัยอีก เขาจ้องหน้าจือยี่และพูดอย่างชัดเจนว่า “ออกไปจากห้องทำงานผมได้แล้ว ส่วนหย่าเสวียนอยู่ก่อน”
แม้ว่าเสียงของอธิการบดีจะฟังดูสงบและใจเย็น แต่เด็กหนุ่มและเพื่อนก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง
พวกเขาทำตามที่ชายหนุ่มบอกและออกไปทันที แต่ห้วยหมิงและเพื่อน ๆ ไม่ได้ตามออกไปที่ประตู
พวกเขาไม่อยากปล่อยให้หย่าเสวียนอยู่กับชายคนนี้เพียงลำพัง เพื่อนของเด็กสาวกังวลว่าอธิการบดีจะโทษว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากเธอ เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของหย่าเสวียน ห้วยหมิงก็ดึงให้เธอหลบอยู่ด้านหลังเขา เขาเผชิญหน้ากับชายที่อยู่หลังโต๊ะ และกล่าวแย้ง “ท่านอธิการบดีครับ หย่าเสวียนไม่ได้อยากทะเลาะตั้งแต่แรกแล้ว ผมเป็นคนขอให้เธอสู้ ได้โปรดอย่าลงโทษเธอเลยนะครับ ให้ผมเป็นคนรับผลจากความวุ่นวายของตัวเองเถอะ”
ชี่หางแสยะยิ้ม เขาประทับใจในความตั้งใจของนักเรียนตรงหน้าที่ต้องการแสดงความรับผิดชอบ “ผมได้ยินมาว่าพวกคุณสนิทกัน”อธิการบดีเกริ่น “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริงสินะ”
ห้วยหมิงพยักหน้าอย่างภูมิใจและบอกว่า “แน่นอนครับ เราสนิทกันที่สุด และผมจะทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนของผม แม้ว่านั้นจะหมายถึงการโดนตำหนิก็ตาม”
เด็กหนุ่มที่ปกป้องหย่าเสวียนรู้จักเธอมานานที่สุด ไม่มีทางที่เขาจะผิดใจกับเธอ เพราะว่าพวกเขารู้จักกันมานานกว่าเวลาสองสามปี
อย่างไรก็ตาม อธิการบดีรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เขาทำการบ้านและสืบเรื่องภูมิหลังครอบครัวของหย่าเสวียนอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนและชีวิตประจำวันของพวกเขา โดยเขาได้สืบเรื่องเพื่อนของเธออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีหลายอย่างที่เขาสามารถบอกได้เกี่ยวกับเด็กสาวสุดโหดแสนลึกลับคนนี้เพียงแค่ดูจากเพื่อนเธอ
“อย่ากังวลไปเลย ผมไม่ได้จะลงโทษเธอ ผมแค่อยากถามอะไรเธอสักหน่อย กรุณาออกไปก่อนเถอะ” ผู้มีอำนาจกล่าวอย่างอดทน
ห้วยหมิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไว้ใจผู้ที่มีสถานะสูงกว่า เขาตัดสินใจเชื่อฟังชี่หาง เขาสำรวจทั้งสองฝ่ายอย่างเอาจริงเอาจังระหว่างที่เดินออกไปพร้อมเพื่อน ความจริงก็คือ แม้แต่เขาเองก็ยังสงสัยว่าหย่าเสวียนและชี่หางสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเพื่อนของเขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขาเลย
หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วเด็กสาวก็ไม่ได้รู้จักชายผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของมหาวิทยาลัยจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งหมดที่เธอรู้คืออธิการบดีรู้จักกับหลิงเฉิน
เมื่อทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพังในห้อง นักเรียนใจกล้าก็ตัดสินใจเปิดประเด็น “คุณกำลังจะบอกฉันว่าคุณเป็นคนบอกหลิงเฉินเรื่อง เอ่อ… เรื่อง… ที่ฉันพูดแบบนั้นในสวน…หรอคะ”
หย่าเสวียนไม่รู้เหตุผลที่ชี่หางขอให้เธออยู่ต่อ
ชี่หางเมินคำถามของเธอและวางกระดาษที่เขาถืออยู่ ในที่สุดเขาก็โบกมือไปที่เก้าอี้ตรงหน้าเขาและบอกให้หย่าเสวียนนั่งลง
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมทำตามในสิ่งที่อธิการบดีเสนอ เธอนั่งตามที่เขาบอก แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าอธิการบดีกำลังรินน้ำเย็นให้เธอ
เธอรู้สึกเกร็งขึ้นทันที เธอรับแก้วและวางมันบนโต๊ะก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายลง “ท่านอธิการบดีคะ คุณช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าคุณกำลังวางแผนจะทำอะไร คุณกำลังทำให้ฉันสติแตกกับเรื่องทั้งหมดนี้”
หย่าเสวียนเคยสร้างวีรกรรมไว้มากมาย และทุกครั้งที่เธอต้องเข้าพบคณบดี พวกครูมักจะจ้องมองเธออยากตัดสิน
เธอคิดว่ามันแปลกที่อธิการบดีไม่ได้ทำในสิ่งที่อดีตคุณครูของเธอเคยทำให้เธอรู้สึก อันที่จริง เธอไม่คุ้นกับวิธีที่ชี่หางปฏิบัติต่อเธอ
เขามองเธอและยิ้มอย่างเป็นมิตร “ใช่ ผมได้ยินสิ่งที่คุณพูดในสวน แต่ผมไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกหลิงเฉิน อีกอย่าง เขาได้บอกให้เลขาตรวจสอบแล้วว่าใครเป็นคนเปิดวิดีโอนั้นในงานเปิดตัว”
‘วิดีโออะไร’ หย่าเสวียนคิดในใจ ‘ผู้ชายคนนี้กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ งานเปิดตัวอะไร?’ หย่าเสวียนเริ่มสับสน
ชี่หางสงวนคำพูดของตัวเองและบอกให้เธอไปดูจากพาดหัวข่าว เขามีมากกว่าหนึ่งเหตุผลที่ขอให้เธออยู่ต่อ เขามีเรื่องจะบอกเด็กสาวมากกว่านั้น ในที่สุดเขาก็กระแอมแล้วเริ่มพูด “หลิงเฉินขอให้ผมไล่คุณออกจากมหาวิทยาลัย คุณรู้จักเขาใช่ไหม คุณเคยทำให้เขาโกรธหรือเปล่า”
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องดูแลจัดการมหาวิทยาลัยมีอีกหลายสิ่งที่ต้องดูแล ด้วยความเฉียบแหลมของเขา ชายหนุ่มจำได้ว่าในตอนนั้นเขากำลังดูงานเปิดตัวสดก่อนเกิดเหตุการณ์นั้นอยู่หลายนาที นั่นเป็นตอนที่เขาได้รับสายจากหลิงเฉิน
สถานการณ์บ่งชี้ว่าหลิงเฉินรู้จักหย่าเสวียนก่อนจัดงานนี้
“ฉันเคยเจอเขาแค่สองสามครั้ง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นการเผชิญหน้าที่ไม่รื่นรมณ์สักเท่าไหร่…” เด็กสาวตอบอย่างวางใจในอำนาจของอธิการบดี เธอตอบอย่างตรงไปตรงมาแม้จะเกิดคำถามมากมายในใจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด ในที่สุดชี่หางก็เข้าใจว่าทำไมหลิงเฉินถึงโกรธมาก เขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่วางตัวได้ดีนัก ซึ่งนั่นอาจสร้างปัญหามากมายให้หลิงเฉิน
ในที่สุด อธิการบดีมองตานักเรียนของเขา เขาบอกเธอด้วยความห่วงใยว่า “อย่ากังวลไปเลย ตอนนี้คุณกลับไปเรียนตามปกติได้แล้ว ส่วนคำขอของหลิงเฉิน ผมจะจัดการเอง คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ ถ้าคุณเจอหลิงเฉินอีก จำเอาไว้ว่าควรอยู่ห่างเขาไว้จะดีที่สุด ถ้าคุณรู้สึกอะไรกับเขา คุณต้องแข็งใจและปล่อยมันไป เขาเป็นคนอันตรายและไม่ใช่ผู้ชายที่คุณควรเข้าไปยุ่งด้วย อย่าว่าแต่การยั่วโมโหเลย เข้าใจที่ผมพูดหรือเปล่า”
หย่าเสวียนอ้าปากด้วยความหวั่นเกรง เธอมองผู้ชายตรงหน้าเธอและสงสัยว่าเขารู้จักเธอมานานแค่ไหนแล้ว แล้วทำไมเขาถึงใจดีกับเธอนัก เธอคิดว่า ‘ฉันก่อเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ แทนที่เขาจะลงโทษ เขากลับดูแลและปกป้องฉันจากหลิงเฉิน ผู้ชายขี้ขลาดคนนั้น’
เด็กสาวตัวแสบเริ่มรู้สึกสบายใจเมื่อรู้ว่าอธิการบดีเป็นห่วงเธอราวกับเป็นพ่อของเธอ เธอเริ่มรู้สึกว่าเธอได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นลูกสาวของเขา และแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้กังวลเรื่องเธอ แต่เธอก็ซาบซึ้งกับมัน
หย่าเสวียนกลับไปที่ห้องเรียนตามที่อธิการบดีสั่ง และถามหาโทรศัพท์ของเธอทันทีเพื่อหาพาดหัวข่าวที่เขาบอก ตอนนั้นเองที่เธอได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
คนที่อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งครั้งนี้คือ กว่อกว่อ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ เมื่อหย่าเสวียนรู้ว่าถูกญาติหักหลัง เธอก็สาบานกับตัวเองว่าถ้าลูกพี่ลูกน้องคนนี้ยั่วโมโหเธออีก เธอจะไม่ยอมปล่อยผ่านอีกต่อไป
ในขณะเดียวกัน ณ สำนักงานใหญ่ของ เซิ่งหมิง กรุ๊ป ภายในห้องทำงานของท่านประธาน หลิงเฉินกำลังโยนบุหรี่ที่เขาเพิ่งสูบเสร็จใส่ที่เขี่ยบุหรี่เพื่อเซ็นเอกสาร เขาก้มหน้าลงโดยไม่สนใจอย่างอื่น และถามว่า “คุณรู้หรือยังว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้”
เจิ้งเฟยผู้ไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากต้องบอกตามตรง ตอบว่า “รองผู้จัดการบอกว่า แฟลชไดรฟ์ของเขาถูกแฮ็กตอนที่เสียบเข้ากับเครื่อง แฮ็กเกอร์ลอบเร้นและว่องไวพอที่จะใส่วิดีโอเข้าไปในไฟล์ แต่เรายังไม่มีเบาะแสว่าแฮ็กเกอร์คือใคร”
“แฮ็กเกอร์งั้นหรอ” หลิงเฉินพูดเยาะ ‘ต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วแน่ ๆ !’ ซีอีโอหนุ่มคิดในใจอย่างดุเดือด และมันก็ทำให้เขายิ้มออกมา
หลิงเฉินโยนปากกาด้วยความขัดข้องใจและขออยู่ตามลำพังอย่างหมดความอดทน
“ได้ครับคุณหลิงเฉิน” เจิ้งเฟยกล่าว “แต่ก่อนที่ผมจะไป ผมอยากเตือนคุณเรื่องงานฉลองครบรอบ ลอฟตัส กรุ๊ป ที่จะจัดขึ้นเย็นวันพรุ่งนี้ คุณจะ---”
ก่อนที่ผู้ช่วยจะพูดจบ หลิงเฉินก็ขัดขึ้นและพูดว่า “ผมจะไป”
“ใครจะเป็นคู่ควงของคุณครับ” ผู้ช่วยถาม
สิ่งสุดท้ายที่หลิงเฉินต้องการคือการกังวลกับปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เขาไม่ชอบลงรายละเอียดและเกลียดทุกครั้งเมื่อรู้สึกลังเลก่อนจะหาทางออกได้ ผู้หญิงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาไม่เคยเข้าใจเลย อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าเขาต้องพูดอะไรสักอย่าง “ผู้หญิงคนนั้นล่ะ คุณหมี่…หลานสาวของปู่หมี่ ชื่อเต็มชื่ออะไรนะ…” เจ้าของบริษัทกล่าวด้วยความไม่แน่ใจ
“หมี่เจีย” เจิ้งเฟยตอบ
“ใช่ เธอ” ชายผู้เย็นชาพยักหน้าอย่างเฉยเมย
“รับทราบครับ งั้นผมขอตัวนะครับ” เลขาโค้งลา
เมื่อเขาได้อยู่ตามลำพัง ซีอีโอหนุ่มก็เห็นว่าโทรศัพท์ของเขาส่งเสียงเตือน เขาเพิ่งได้รับข้อความใหม่ ดูเหมือนว่าข้อความดังกล่าวจะมาจากหมายเลขส่วนตัวที่ไม่ปรากฏชื่อ หลิงเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อกเพื่อหาจดหมายลึกลับ ซึ่งบอกว่า “สวัสดีค่ะ คุณหลิงเฉิน คุณอาจจำฉันไม่ได้ แต่ฉันจำคุณได้ ฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ ฉันจะยินดีมากถ้าคุณสามารถหาเวลาว่างจากตารางงานแสนยุ่งของคุณเพื่อเซ็นเอกสารหย่าที่ฉันจะยื่นขอด้วยตัวเอง ขอบคุณมากค่ะ!”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลิงเฉินก็ยิ้มเยาะและตอบกลับว่า “พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับคุณแบบต่อหน้า”