เธอคือลมหายใจของฉัน
ผู้เขียน:ณัฏฐินี แก้วมณีงาม
หมวดหมู่โรแมนติก
เธอคือลมหายใจของฉัน
อีกฝ่ายตอบกลับข้อความของเขามาในทันที “เราไม่จำเป็นต้องเจอกันหรอกค่ะ คุณหลิงเฉิน ฉันยุ่งมากและไม่มีเวลาจริง ๆ อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันไม่ต้องการเงินจากคุณแม้แต่บาทเดียว เพราะงั้นเราไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันหรอกค่ะ รบกวนคุณช่วยเซ็นใบหย่าโดยเร็วที่สุดด้วยนะคะ”
หลิงเฉินหัวเราะให้กับสถานการณ์โง่ ๆ ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ ‘น่าแปลกที่ภรรยาของฉันไม่ต้องการเงินแม้แต่บาทเดียว เธอคงอยากจะหย่ากับฉันมากจริง ๆ ’ เขาคิดกับตัวเอง ถ้าเขาจำไม่ผิด ภรรยาของเขาอายุยี่สิบต้น ๆ และยังเป็นนักศึกษาอยู่ เขาคิดว่าเด็กผู้หญิงวัยเดียวกับเธอมักจะสนใจของราคาแพง เช่น เสื้อผ้าและกระเป๋าของดีไซเนอร์ชั้นนำ ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่จะต้องใช้เงินไม่ใช่รึไง?
‘เหนียนเซิ่ง พ่อของเธอก็เสียชีวิตไปนานแล้ว ทำไมเธอถึงคิดจะหย่ากับฉันตอนนี้หล่ะ? เขาคิดกับตัวเอง
อายุยี่สิบต้น ๆ งั้นเหรอ เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหย่าเสวียน เด็กผู้หญิงที่จูบเขาในบาร์ตอนนั้น ข้อมูลที่เขาสั่งให้ลูกน้องสืบมา หย่าเสวียนเองก็อายุยี่สิบเอ็ดปีเช่นกัน ‘เธอยังเด็ก แต่เธอนั้นรู้จักยั่วยวนผู้ชายหลาย ๆ คนแล้ว ภรรยาของฉันเองก็อายุยี่สิบต้น ๆ เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น?’ เขาจึงตัดสินใจถามภรรยาของเขาด้วยความสงสัย
“ที่เธอจะหย่ากับฉัน เพราะว่าเธอมีคนที่ชอบแล้วใช่ไหม?” หลิงเฉินส่งข้อความถามเธอ
ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่า เขาก็พร้อมที่จะเซ็นใบหย่าให้เธอทันที เขาไม่เคยทำอะไรผัดวันประกันพรุ่งแบบนี้มาก่อน เหตุผลเดียวที่เขายังไม่ได้เซ็นใบหย่าก็เพราะว่าเขารู้สึกผิดที่ละเลยหน้าที่และต้องการชดเชยมัน เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำงานตลอดสามปีที่ผ่านมาและไม่เคยแม้แต่จะเจียดเวลามาสนใจเธอเลย
การแต่งงานนี้เป็นการแต่งงานที่จัดขึ้นแค่ในนามเท่านั้น
แต่เหมือนว่าภรรยาของเขาจะไม่ต้องการตำแหน่ง คุณนายโฮว่เลยแม้แต่นิดเดียว เธอนั้นถ่อมตัวมาโดยตลอด ผ่านไปสามปีแล้วจะมีก็แต่ลูกน้องของเขาเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเขา
เขารอคำตอบจากหย่าเสวียนอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งครั้งนี้เธอใช้เวลาประมาณสามนาทีถึงจะตอบกลับมา เมื่อได้รับข้อความ เขาก็เข้าใจว่าทำไมเธอจึงใช้เวลานานในการตอบ เพราะข้อความของเธอนั้นค่อนข้างยาว “ใช่ค่ะ แต่คุณสบายใจได้ ตลอดระยะเวลาสามปีนี้ ฉันไม่เคยทำอะไรเกินเลยแน่นอน ถึงแม้ว่าจะมีคนที่ชอบ แต่ฉันก็รักษาระยะห่างกับเขามาโดยตลอด เพราะงั้นรบกวนคุณช่วยเซ็นใบหย่าโดยเร็วที่สุดได้ไหมคะ? ถือซะว่าเป็นการเติมเต็มความปรารถนาของฉันแล้วกันค่ะ ขอบคุณค่ะ” หลิงเฉินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าความคิดของเขาจะถูกต้อง
ความจริงแล้วเธอกำลังโกหก จริงอยู่ที่เธอเคยชอบคน ๆ หนึ่ง แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว
ที่เธอพูดกับสามีของเธออย่างนี้ก็เพราะต้องการให้เขาเซ็นใบหย่าโดยเร็วที่สุด เธอไม่คิดว่าผู้ชายที่ประสบความสำเร็จอย่างเขาจะยอมให้ภรรยาของตัวเองไปรักคนอื่นหรอก
หลังจากที่ตอบสามีของเธอไปสองสามข้อความ เธอก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา ทำไมหลิงเฉินถึงได้ลีลาอย่างนี้นะ? ‘ก็แค่หยิบปากกาขึ้นมาแล้วเซ็นใบหย่าแค่นี้เอง มันยากตรงไหนกัน’ เธอคิด ‘ทำเป็นเหมือนมีใจให้ฉันไปได้ น่าขำสิ้นดี!’
เธอรู้ว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผลและค่อนข้างจะเห็นอกเห็นใจคนอื่น เธอเคยเห็นสามีของเธอกับนักแสดงคนหนึ่งมาแล้ว ไหนจะไปช้อปปิ้งกับเซเลบนั่นอีก ถ้าเธอมีความรู้สึกอะไรกับเขาจริง ๆ หัวใจของเธอคงแตกสลายเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเฉย ๆ
เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมหลิงเฉินถึงไม่ยอมเซ็นใบหย่า
พอคิดได้อย่างนี้แล้ว หย่าเสวียนก็เข้าใจว่าทำไมหลิงเฉินถึงได้ตอบช้านัก “ได้ แต่คุณต้องคุยกับคุณปู่ของผมก่อน ถ้าท่านตกลง ผมจะเซ็นใบหย่าให้ทันที”
‘คุณปู่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ ผมหย่ากับเธอไม่ได้ถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากท่าน’
เมื่อหย่าเสวียนได้รับข้อความดังกล่าว ก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ‘คุณปู่ของเขางั้นเหรอ? คุณปู่ของเขาคือใคร?’ เธอสงสัย ‘ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณปู่ของเขาเป็นใคร ฉันจะบอกเรื่องนี้กับเขาได้ยังไงกันหล่ะ?’ หย่าเสวียนเกาหัวอย่างหงุดหงิด ตอนที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่เขาเป็นคนจัดการทุกอย่างให้และเป็นคนนำทะเบียนสมรสมาให้เธอเซ็นและพูดว่า “ลูกจะไม่เสียใจที่แต่งงานกับเขา” เธอเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแต่งงานกับหลิงเฉิน และเธอเองก็ไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่าคุณปู่ของเขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ฉันจะไปหาเขาได้ที่ไหนหล่ะ?
“ท่านเป็นปู่ของคุณ คุณก็ควรจะเป็นคนไปคุยกับท่านสิ!
ทำไมต้องโยนมาให้ฉันด้วย? คุณปู่ของคุณคงจะเป็นคนแก่ที่ไม่ยอมฟังใคร และคุณต้องการให้ฉันเป็นที่รองรับความโกรธของท่านว่างั้น? คุณจะเลวไปไหมละ!”
หย่าเสวียนเบะปากพลางตอบข้อความของหลิงเฉิน นายแก่กว่าฉันแค่หกเจ็ดปีเองนะ ทำไมน่ารำคาญอย่างนี้นะ เหมือนยัยกว่อกว่อไม่มีผิดเลย
หลิงเฉินรู้สึกตลกกับข้อความที่ภรรยาของเขาส่งมา ‘เธอเป็นเด็กผู้หญิงอารมณ์ร้อน ความคิดความอ่านยังเด็กมากจริง ๆ ’ เขาคิด ‘พระเจ้า! ไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับฉันมาก่อน’ หลิงเฉินส่ายหัว ‘ไม่สิ! มีอยู่คนนึงที่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ ซึ่งก็คือหย่าเสวียน’
และเขาก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่มีอารมณ์จะมานั่งปลอบเด็กสาวตอนนี้ จึงส่งข้อความไปว่า
“คุณปู่ของผมอยู่ที่นิวยอร์ก คุณก็รีบไปได้แล้ว” เขาตอบอย่างหงุดหงิด
“อะไรวะเนี่ย” หย่าเสวียนอุทาน
เธอโมโหจนเกือบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง แต่ก็รู้สึกเสียดาย เลยเปลี่ยนเป็นโยนลงบนเตียงแทน
หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและตอบข้อความของเขา “คุณหลิงเฉิน ฉันจะถือว่านายแน่! ฉันจะไปนิวยอร์คพรุ่งนี้ ถ้าปู่ของคุณไม่ตอบตกลง ฉันก็จะอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ !”
“แล้วแต่เถอะ” เขารีบตอบอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็โยนโทรศัพท์ทิ้งเหมือนที่หย่าเสวียนทำ เขาสัญญากับคุณปู่แล้วว่าจะไม่หย่ากับเธอแน่นอน แต่เธอไม่ได้สัญญาด้วย และถ้าเธอต้องการจะหย่า เธอก็ควรจะเป็นคนไปคุยกับคุณปู่ของเขาเอง มันก็ถูกแล้วไม่ใช่รึไง? ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเธอจะต้องใช้อารมณ์ด้วย
‘ทำตัวเป็นเด็กไปได้! แถมยังดื้อมากอีกด้วย!’ หลิงเฉินคิด
หลังจากที่เห็นสองประโยคหลังนั้นแล้วเธอก็รู้สึกโกรธมากขึ้นกว่าเก่า เธอพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง “หย่าเสวียน ใจเย็น ๆ นั่นคือสามีของเธอนะ และก็เป็นเธอเองที่ตกลงแต่งงานกับเขาตั้งแต่ทีแรก! เย็นไว้…เย็นไว้…” เธอบอกกับตัวเอง
เธอรู้สึกหงุดหงิดมากที่การคุยเรื่องหย่าไม่เป็นผล เธอคงไม่จำเป็นต้องไปหาคุณปู่ของเขาที่นิวยอร์กจริง ๆ ใช่ไหม?
เธอถอนหายใจมาครึ่งค่อนวัน จนกระทั่งห้วยหมิงเอามือปิดหูด้วยความหงุดหงิด พลางถามว่า “เฮียเหนียน ช่วงนี้เธอเป็นอะไรรึป่าว? บอกมาสิ! หรือว่าเธอกำลังเข้าสู่วัยทอง?” หย่าเสวียนจ้องห้วยหมิงด้วยความคับแค้นใจ
“ฉันหงุดหงิด” เธอได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าทำไมหลิงเฉินถึงไม่เซ็นใบหย่า
“หงุดหงิดเรื่องอะไร? ไหนว่ามาสิ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยเธอจัดการเอง!” เมื่อห้วยหมิงพูดจบ หว่านหยิงและเสี่ยวเคอก็รีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันที
หย่าเสวียนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น ‘จะให้ฉันบอกพวกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไงหล่ะ? บอกว่าหลิงเฉินเป็นสามีฉันและฉันต้องการจะหย่ากับเขา แต่เขาไม่ตกลงงั้นเหรอ? พวกเธอต้องคิดว่าฉันบ้าแน่ ๆ !’
พอคิดได้อย่างนี้แล้ว หย่าเสวียนก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ทะเบียนสมรสไม่ได้อยู่กับเธอ และเธอก็ไม่มีหลักฐานว่าเธอคือ คุณนายโฮว่ ในเมื่อไม่มีหลักฐานแบบนี้ พวกเขาจะต้องส่งเธอไปเช็คที่โรงพยาบาลบ้าแน่ ๆ
เพราะอีกฝ่ายคือหลิงเฉิน ‘โถ่เว้ย!’ หย่าเสวียนคิด ‘ฉันควรจะทำยังไงต่อดี?’
“เอางี้ไหม? ฉันได้รับเชิญไปงานเลี้ยงคืนนี้ ไปด้วยกันไหม?” ห้วยหมิงเสนอ ห้วยหมิงนึกถึงเรื่องที่เขาคุยกับพ่อเมื่อเช้านี้ เขาปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาคิดว่าถ้าหย่าเสวียนอยากไปร่วมงาน เขาก็จะไปกับเธอ
เธอพยักหน้าช้า ๆ อาจจะเพราะว่าเธอไม่ได้ไปเที่ยวมานานมากแล้ว ก็เลยรู้สึกเซ็ง ๆ บางทีการไปร่วมงานเลี้ยงอาจจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นก็เป็นได้
เสี่ยวเคอต้องไปงานวันเกิดเพื่อนเก่าของเธอ หว่านหยิงเองก็มีนัดทานอาหารเย็นกับครอบครัวของเธอ ส่วนเจ๋อหนันนั้นกำลังเตรียมตัวสอบเข้าปริญญาโท จะมีก็แต่หย่าเสวียนกับห้วยหมิงเท่านั้นที่ว่าง
ห้วยหมิงรีบพาหย่าเสวียนไปซื้อชุดราตรีสำหรับคืนนี้ทันที เขาเลือกชุดสีแดงให้เข้ากับลิปสติกสีแดงของเธอ
เมื่อหย่าเสวียนเห็นชุดเดรส ใบหน้าของเธอก็กระตุกเล็กน้อย ชุดนี้มันดูเป็นผู้ใหญ่ แถมยังเว้าหลังอีก มันไม่ใช่แบบที่เธอชอบเลยสักนิด
“ห้วยหมิง นายยังอยากเป็นเพื่อนกับฉันอยู่ไหม? นายไม่รู้เหรอว่าฉันชอบอะไร? นายแน่ใจนะ? ว่าจะให้ฉันใส่ชุดนี้? ล้อเล่นรึป่าว?” หย่าเสวียนถามห้วยหมิง เธอไม่รับชุดนี้มาจากพนักงานขายและจ้องห้วยหมิงเขม็ง
ห้วยหมิงยิ้มอย่างมีเลิศนัย “แขกรับเชิญในค่ำคืนนี้มีแต่นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น แต่งตัวสวยสักหน่อย ถ้าเกิดว่าชอบคนไหนจะได้พาเขากลับบ้านและ...” เขาพูด “โอ๊ย!” ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อหย่าเสวียนเตะขาเขาเข้าอย่างจัง
เธอหดขากลับก่อนจะหยิบชุดจากพนักงานขาย แล้วเข้าไปลองชุด
‘ได้! ฉันจะใส่ชุดนี้’ เธอคิด ‘ยังไงซะฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง’
ไม่กี่นาทีต่อมา หย่าเสวียนก็ออกมาจากห้องลองชุดพร้อมกับสวมชุดที่ห้วยหมิงเลือกให้
ห้วยหมิงถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเขาในชุดนี้ “เฮียเหนียน… ไม่สิ…หย่าเสวียน! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงจริง ๆ !” ห้วยหมิงพูดอย่างตื่นเต้น
“นายเสียสติไปแล้วรึไง? ฉันเป็นผู้หญิง!” หย่าเสวียนตะโกนขู่เขา ชุดเดรสรัดรูปสีแดงเว้าหลังนี้เหมาะกับหุ่นของเธอมาก หุ่นของเธอไม่ผอมเกินไป ไม่อ้วนเกินไป ทุกอย่างมันดูสมบูรณ์แบบมาก ผู้ชายคนไหนได้เห็นจะต้องตกหลุกรักเธออย่างแน่นอน