เธอคือลมหายใจของฉัน
ผู้เขียน:ณัฏฐินี แก้วมณีงาม
หมวดหมู่โรแมนติก
เธอคือลมหายใจของฉัน
เมื่อเห็นว่าเด็กผู้หญิงที่ตรงหน้านั้นแปลงโฉมเป็นสาวสวยแล้ว ห้วยหมิงก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและแอบถ่ายภาพเก็บไว้ทันที เขายิ้มเจ้าเล่ห์ พลางคิดว่าที่เลือกชุดสีแดงนี้ให้เธอก็เพื่อที่จะเอาไปโพสต์โมเมนต์ในวีแชทนี่แหละ นาน ๆ ทีเพื่อนเขาจะแต่งตัวสวยอย่างนี้ เพราะงั้นเขาก็ต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกเป็นธรรมดา
“เธอสวยมาก! เฮียเหนียน ถ้าเธอไม่ใช่เพื่อนสนิทของฉันนะ ฉันจะต้องจีบเธอแน่ ๆ แต่...มีบางจุดที่จะต้องเสริมหน่อย ไม่งั้นมันจะแบนไป ไม่เข้ากับหุ่นเธอ” ห้วยหมิงหัวเราะชอบใจเมื่อได้แหย่เธอ
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วหย่าเสวียนก็กัดฟันแน่น พลางจ้องเขาเขม็ง เธอยกขาขึ้นเพื่อจะเตะเขา ทว่า กลับมีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น “เดี๋ยวนี้ใครก็เข้าสปิริตได้งั้นเหรอ?”
ผู้จัดการร้านและพนักงานขายเดินเข้าไปหาหลิงเฉินเพื่อทักทายเขาทันที ทุกคนต่างอึ้งกับคำพูดของเขา ‘คุณหลิงเฉินหมายความว่าไง? เขาหมายถึงใครกัน?’ พวกเขาคิดกับตัวเอง
พอได้ยินแบบนี้แล้ว หย่าเสวียนก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงคือใคร มันก็คือหลิงเฉิน สามีของเธอนั่นเอง
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ ‘หย่าเสวียน เขาจงใจยั่วโมโหเธอ อย่าไปสนใจเขา’ เธอบอกกับตัวเองในใจ
เธอบอกห้วยหมิงที่เริ่มตัวสั่นว่า “เปลี่ยนชุดใหม่เถอะ ชุดนี้มันเว้าหลังมากไปหน่อย” ไหล่ก็ดูโล่ง ๆ มีแค่โบว์สองข้างเท่านั้นเอง
ไม่ทันที่ห้วยหมิงจะได้พูดอะไร เสียงประชดประชันของหลิงเฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง “งั้นเหรอ? เธอว่าชุดแบบนี้เว้ามากไปงั้นเหรอ? เธอย้อนเวลามาจากสมัยโบราณรึไง? เป็นพวกอนุรักษ์นิยมหรือแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์กันแน่?”
หลิงเฉินไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่า จะมีวันที่เขาจะโดนคำพูดตัวเองตบหน้า
พูดจบเขาก็ปล่อยมือหมี่เจียพลางเรียกให้ผู้จัดการร้านและพนักงานขายพาเธอไปเลือกชุด ส่วนตัวเขาก็นั่งลงที่โซฟา
หมี่เจียเหลือบมองหย่าเสวียนอย่างดูถูก และเดินเชิดหน้าไปที่โซนวีไอพีทันที
หย่าเสวียนจับชายกระโปรงพลางเดินเข้าไปหาหลิงเฉินด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดว่า “คุณหลิงเฉิน นายบ้าไปแล้วรึไง? ฉันไม่ได้อะไรนายสักหน่อย? ฉันจะบอกอะไรให้นะ วันนั้นที่ฉันสารภาพรักกับนายก็เพราะว่ามีคนหลอกให้ฉันทำ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักนิด นายคิดว่าฉันชอบนายจริง ๆ รึไง? ฝันไปเถอะ! ฉันไม่มีวันชอบคนนิสัยเสียอย่างนายหรอก!”
ก็ดีเหมือนกัน ที่ถือโอกาสนี้ในการเคลียร์กับเขาให้ชัดเจน ไม่งั้นอาจจะมีปัญหาตอนทำเรื่องหย่าได้
หลิงเฉินหน้าบึ้งกับคำพูดของเธอ ผู้จัดการร้านกำลังคิดว่าเธอควรลากเธอออกจากร้านไหม แต่ก่อนที่เธอจะตัดสินใจได้นั้น ห้วยหมิงก็คว้าแขนของหย่าเสวียนและลากเธอไปที่แคชเชียร์ทันที
ห้วยหมิงถือคติว่าถ้าสู้ไม่ได้ก็รีบชิ่งก่อน
“จากนี้ไป ห้ามให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาที่ร้านนี้อีก!” หลิงเฉินพูดไล่หลังหย่าเสวียนมา
และมันก็ยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น เธอไม่อยากจะมีชื่อร่วมกับผู้ชายคนนี้บนทะเบียนสมรสอีกต่อไป เธอสะบัดแขนของห้วยหมิงออก ก่อนจะเดินเข้าไปหาหลิงเฉินอย่างท้าทาย
“คุณหลิงเฉิน ฉันบอกนายแล้วไง...” ไม่ทันที่เธอจะพูดจบประโยคก็โดนห้วยหมิงปิดปากไว้ซะก่อน ครั้งนี้เธอโดนห้วยหมิงลากออกไปที่แคชเชียร์อย่างไม่เต็มใจนัก “เอาชุดนี้ครับ คิดเงินได้เลย” เขาบอกกับแคชเชียร์พลางหยิบบัตรออกมาใบหนึ่ง
“คุณผู้หญิงคะ คุณไม่แต่งหน้าที่นี่แล้วเหรอคะ?” แคชเชียร์ถาม พวกเขามาที่ร้านที่ค่อนข้างจะมีชื่อเรื่องของการบริการที่ครบครัน ทั้งการแต่งหน้าทำผม รวมไปถึงชุดเดรส เรียกได้ว่าครบถ้วนทุกอย่างในร้านเดียว ซึ่งพวกคนรวย ๆ จะชอบมาที่นี่กัน
ห้วยหมิงจับแขนหย่าเสวียนไว้แน่นพลางส่ายหัวและพูดว่า “ไม่หล่ะ รีบคิดเงินเร็ว ๆ เข้า เรากำลังรีบ”
ห้วยหมิงสัมผัสได้ว่า ถ้าเขาไม่รีบคิดเงินตอนนี้ หย่าเสวียนกับหลิงเฉินได้ทะเลาะกันอีกแน่
เขาทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นเฮียเหนียนไปมีเรื่องกับคนที่มีอำนาจเช่นนั้น และเธอก็สู้เขาไม่ได้
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว ห้วยหมิงก็พาหย่าเสวียนไปที่รถเบนซ์ของเขา
เขาปล่อยมือเธอ ล็อคประตูแล้วหอบหายใจ “เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! ฉันจะบอกนายให้นะ ฉันจะหย่ากับไอ้บ้านั่นเดี๋ยวนี้เลย! ฉันมันซวยอะไรนักหนา ทำไมต้องมาแต่งงานกับโฮว่หลิงเฉินด้วยนะ! พระเจ้า!”
เมื่อเสียงของเธอเงียบลง บรรยากาศในรถตอนนี้ก็เงียบมากเช่นกัน ห้วยหมิงมองไปที่หย่าเสวียนที่กำลังโมโห อย่างตกใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าทะเบียนสมรสไม่ได้อยู่กับเธอ และเพื่อนเธอก็คงจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเป็นแน่ พอคิดได้อย่างงี้แล้วเธอก็เอนหลังพิงเบาะแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันไม่ได้โกหกนาย มันคือความจริง…ฉันแต่งงานมาสามปีแล้ว และสามีของฉันก็คือโฮว่หลิงเฉิน แต่เราแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น ฉันอยากจะหย่ากับเขา แต่เขา…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เพื่อนของเธอก็ขัดจังหวะและพูดว่า “เฮียเหนียน ไม่ต้องพูดอะไรแล้วหล่ะ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ” ห้วยหมิงมองผู้หญิงตรงหน้าเขาด้วยความสงสาร
หย่าเสวียนหลงดีใจเพราะคิดว่าห้วยหมิงเชื่อเธอ “ห้วยหมิง ที่จริงแล้ว ฉันไม่ได้อยากจะปิดบังพวกนายเกี่ยวกับงานแต่งงานของเรานะ แต่ว่า...”
“โอเค โอเค ตอนนี้เรากำลังจะไปโรงพยาบาลบ้ากัน ฉันจะเลือกโรงพยาบาลและหมอที่ดีที่สุด ไม่สิ ฉันพาเธอไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลโดยตรงเลยดีกว่า” ห้วยหมิงจับมือเธอด้วยความสงสาร “ไม่เป็นไรนะ ต่อให้รักษาไม่หาย ฉันก็จะไม่ทิ้งเธอแน่นอน” ห้วยหมิงว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดจีพีเอส ซึ่งจุดหมายของพวกเขาก็คือโรงพยาบาลบ้านั่นเอง
หย่าเสวียนคว้าโทรศัพท์ของเขาอย่างฉุนเฉียวเพื่อหยุดเขาและก็เงียบไปพักหนึ่ง เธอว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้! เธอรู้ว่าไม่มีใครเชื่อเธอถ้าแน่ ๆ ถ้าเธอบอกว่าเธอเป็นภรรยาของหลิงเฉิน
เธอจึงพูดออกมาว่า “ช่างมันเถอะ ไปงานเลี้ยงกันเถอะ”
ขณะที่กำลังติดไฟแดงนั้น ห้วยหมิงก็หันกลับมามองเธออย่างไม่ค่อยจะเชื่อนักพลางถามว่า “เธอไม่เป็นไรแน่นะ?” ‘อาการของเธอมันเป็นแบบเฉียบพลันรึไงกันนะ?’ เขาคิด
“อืม ฉันสบายดี”
เธอตอบอย่างรู้สึกเหนื่อยใจ
งานเลี้ยงครบรอบของลอฟตัส กรุ๊ป จัดขึ้นบนเรือสำราญชื่อ “ดิ โอเชี่ยน” ซึ่งสามารถบรรทุกคนได้มากถึงหลายพันคน เรือสำราญจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือทางตะวันออกของเมืองเยว่
เรือสำราญที่แสนหรูหรานี้มีมูลค่ากว่าหมื่นล้าน และบริษัทใหญ่ ๆ ก็มักจะชอบจัดงานเลี้ยงที่นี่กัน
เมื่อลงจากรถ หย่าเสวียนจ้องไปที่เรือสำราญที่เปิดไฟสว่างไสวอยู่เหนือท้องทะเล เธอพยายามมัดผมให้เป็นมวย
ทว่า ผมของเธอนั้นนุ่มสลวยมาก เธอลองอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จสักทีจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เธอหน้าบึ้งและบ่นว่า “ฉันอยากจะตัดผมสั้นอยู่แล้วเชียว แต่ว่าหว่านหยิงห้ามฉันไว้ซะก่อน ฉันหล่ะอิจฉาผู้หญิงผมสั้นจังเลย”
ห้วยหมิงยิ้มพลางหยิบชุดสูทสีเทาออกมาสวม เขาหยิบหนังยางในมือของหย่าเสวียนขึ้นมา เชยคางของเธอชึ้นและมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ “มัดไม่ได้ก็ไม่ต้องมัดหรอก ปล่อยผมแบบนี้ก็ดูดีอยู่แล้ว”
ถึงแม้ว่าหย่าเสวียนจะมีนิสัยห้าว ๆ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และดูแลตัวเองได้ดีทีเดียว
เธอใช้แชมพูและครีมนวดราคาแพงเพื่อดูแลเส้นผมของเธอ ซึ่งมันก็ดูเรียบลื่นอย่างเห็นได้ชัด
แต่ผิวของเธอนั้นไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก ดีที่ว่าเธอนั้นเป็นคนหน้าตาดีและผิวของเธอก็ขาวมาก
แม้ว่าชุดเดรสจะไม่ค่อยเข้ากับทรงผมของเธอนัก แต่ใบหน้าสวยของเธอนั้นสวยมาก มองแล้วก็เลยดูไม่ขัดตานัก
“นี่ เธอมีลิปสติกหลายแท่งไม่ใช่รึไง? ทำไมไม่ลองทาดูบ้างหล่ะ?” ห้วยหมิงเสนอ เขาเชื่อว่าชุดเดรสสีแดงนี้ ถ้าแต่งหน้าสักหน่อยคงจะดูดีน่าดู
หย่าเสวียนเลือกดูลิปสติกหลายแท่งในกระเป๋าของเธอ ก่อนจะเลือกสีที่เข้ากับชุดของเธอออกมา เธอทาลิปสติกและยิ้มให้เพื่อนสนิทของเธอ
“วิเศษมาก! เธอดูดีมากเลย” ห้วยหมิงรู้สึกดีใจที่ได้เห็นใบหน้าสวย ๆ แบบนี้ “ไปกันเถอะ” ห้วยหมิงโยนกระเป๋าเป้ของเธอไว้ที่รถพลางหยิบรองเท้าส้นสูงที่เพิ่งซื้อออกมาจากท้ายรถ
หลังจากที่หย่าเสวียนสวมรองเท้าเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ห้วยหมิงก็ยื่นแขนให้กับเธอ
ซึ่งเธอเองก็คล้องแขนเขาอย่างเป็นธรรมชาติ และเดินขึ้นเรือไป
ดาดฟ้าเรือรวมไปถึงห้องโถงภายในตัวเรือนั้นถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา มีแขกจำนวนไม่น้อยที่มาถึงแล้ว หย่าเสวียนไม่เคยมีโอกาสมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ เธอจึงไม่รู้จักใครเลย
พอขึ้นมาถึง ห้วยหมิงก็ทิ้งเธอไว้ที่โซนอาหารและไปหาสาว ๆ