เธอคือลมหายใจของฉัน
ผู้เขียน:ณัฏฐินี แก้วมณีงาม
หมวดหมู่โรแมนติก
เธอคือลมหายใจของฉัน
น่าเสียดายที่เป้าหมายของหย่าเสวียน ไหวตัวทันเสียก่อน เขาหลบอย่างไว โดยที่ไม่มีไวน์กระเด็นเลอะเสื้อเขาแม้แต่หยดเดียว สำหรับคนทั่วไป คงจะไม่ถือโทษโกรธกัน แต่มันไม่ใช่สำหรับหลิงเฉิน
เขาจัดเสื้อสูทของเขา ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “อยากตายรึไง”
“หลิงเฉิน” ชี่หางรีบพูดขึ้นทันทีเพื่อหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น “หย่าเสวียนเองก็ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุหน่ะ” ชี่หางเหลือบมองหย่าเสวียนให้เธอพยักหน้าเห็นด้วย
ทว่า หย่าเสวียนนั้นกลับยกยิ้มและมองไปที่หลิงเฉินอย่างท้าทาย “ไม่ค่ะ คุณชี่หาง ฉันจงใจทำค่ะ” ตอนนี้คงไม่ต้องเรียกชี่หางว่าท่านอธิการแล้วหล่ะ
พอพูดจบสายตาของทั้งคู่ต่างจ้องกันอย่างดุเดือดอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ยาม” หลิงเฉินตะโกนอย่างไม่ได้ละสายตาออกไปจากเธอ ไม่กี่วินาทีต่อมา ยามหลายคนวิ่งเข้ามาพร้อมทำความเคารพเขา “คุณหลิงเฉิน ต้องการให้พวกเราทำอะไรครับ?” พวกเขาถามทันที
เขากัดฟันพลางสั่งว่า “เอาผู้หญิงคนนี้ไปโยนให้ปลาฉลามกินซะ ใครก็ตามที่ช่วยเธอ คน ๆ นั้นถือว่าเป็นศัตรูกับผม!” คำขู่ของเขาได้ผล เพราะตอนนี้ไม่มีใครกล้าช่วยหย่าเสวียนจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกอะไร เธอคืนเสื้อสูทให้กับชี่หาง ถอดรองเท้าส้นสูงออกและเตรียมตัวสู้กับยาม “ถ้ากล้าก็ลองเข้ามาสิ!” เธอเตือนยามที่กำลังจะเข้ามาประชิดตัวเธอ
มีคนจำนวนมากที่เริ่มหันมาสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ห้วยหมิงที่ตอนนั้นเริ่มจะเมา เมื่อได้ยินเสียงของหย่าเสวียน เขาก็รีบลุกขึ้น ทิ้งสาว ๆ สองคนไว้และรีบพุ่งเข้ามาทันที
เมื่อเขามาถึง ก็เห็นหย่าเสวียนกำลังสู้กับยามอยู่ ผู้คนที่มามุงดูต่างก็พากันถอยออกไปให้ห่างจากตรงนั้น
ชี่หางพยายามพูดกับหลิงเฉินเกี่ยวกับการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผลของเขา แต่หลิงเฉินกลับไม่สนใจ ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้เสมอ ถ้าหลิงเฉินตัดสินใจแล้ว แม้แต่เพื่อนสนิทที่สุดของเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้
ลู่จิงเทียน พ่อของชี่หางคิดว่ามีคนสร้างปัญหาบนเรือสำราญ เลยเรียกบอดี้การ์ดสองสามคนมาสมทบด้วย
ในที่สุด หย่าเสวียนก็ล้มยามเจ็ดคนและบอดี้การ์ดสามคนได้สำเร็จ ก่อนที่เธอจะโดนบอดี้การ์ดสามคนนั้นจับกดไว้กับพื้น แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่มันก็เป็นภาพที่น่าอับอายมาก
ซึ่งมันก็ทำให้ห้วยหมิงหลุดออกมาจากภวังค์ เขากำลังจะพุ่งเข้าไปช่วยเธอ แต่กลับถูกบอดี้การ์ดอีกสองคนกันไว้ สภาพของเขาตอนนี้ไม่สามารถจะสู้อะไรกับพวกเขาได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดเขาไว้ได้ “ปล่อยฉันนะ! ฉันต้องช่วยเธอ!” ห้วยหมิงพูดพลางสะบัดตัวออกจากพวกเขา “ไสหัวไปซะ! ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าพวกแกให้หมดเลย! ได้ยินรึยัง? ฉันจะฆ่าพวกแก...”
เขาเงียบลงทันทีที่หลิงเฉินจ้องมาที่เขา
ห้วยหมิงมองดูบอดี้การ์ดลากหย่าเสวียนออกไปจากห้องโถงต่อหน้าต่อตา คนที่มุงดูก็เดินตามออกไปดูต่อเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนุกกับมัน โดยไม่มีใครสนใจว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน
ดาวเด่นของงานนี้ก็คือหลิงเฉิน ในเมื่อเขาจะโยนคนลงทะเลให้ฉลามกิน คงจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้บ่อยนัก น่าตื่นเต้นจะตายไป
ชี่หางนั้นไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไปดูเหมือนกับคนอื่น ๆ เขากระซิบกับยามสองสามคนก่อนจะเดินตามพวกเขาออกไป และตอนที่เขาเดินผ่านห้วยหมิง เขาก็ขยิบตาให้เขาอย่างวางใจ ก่อนจะทำตามแผน
แม้ว่าห้วยหมิงจะสงบสติอารมณ์ลงบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังพยายามดิ้นออกมาจากมือของบอดี้การ์ดทั้งสอง และวิ่งตามออกไปด้านนอกทันที ทันทีที่เขาไปถึงดาดฟ้า เขาก็ได้ยินเสียงอุทานอย่างตกใจของผู้คน
“โอ้พระเจ้า! จะโยนเธอลงทะเลจริง ๆ เหรอ!”
“คุณหลิงเฉินน่ากลัวมากจริง ๆ ! สาวน้อยผู้น่าสงสารทำไมถึงกล้าไปมีเรื่องกับเขากันนะ”
“หึ! เธอกำลังจะได้รับผลในสิ่งที่ตัวเองทำ! กล้าดียังไงมามีเรื่องกับคุณหลิงเฉิน! ถ้าคุณหลิงเฉินโยนเธอลงไปแล้ว เมืองเย่ก็คงไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับเขาแล้วแหละ!”
“โอ้ พระเจ้า! เขากำลังจะโยนเธอลงไปแล้ว!” ห้วยหมิงรีบหาหย่าเสวียนทันที
เมื่อพบว่าตัวของเธอครึ่งนึงนั้นอยู่ด้านนอกเรือแล้ว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ! หลิงเฉิน ฉันบอกให้ปล่อยเธอไง! นี่มันมากเกินไปแล้วนะ! อะไรวะ!” บอดี้การ์ดสองคนรีบเข้าไปจับเขาไว้ทันที หนึ่งในนั้นต่อยเข้าที่ท้องของเขาอย่างแรง มันเจ็บปวดมากจนห้วยหมิงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้พักหนึ่ง
เขาคุกเข่าลง โดยไม่ได้เห็นว่าเกิดอะไรต่อจากนั้น เขาเพียงแต่ได้ยินเสียงตู้ม และรีบเงยหน้าขึ้นมองทันที เสียงน้ำกระทบกันเมื่อหย่าเสวียนโดนโยนลงทะเล
ห้วยหมิงถึงกับหน้าซีดเผือด เมื่อเขามองไปรอบ ๆ นั้น ก็พบว่าเพื่อนของเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
‘ไม่นะ! ไม่!’ เขาตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ‘เฮียเหนียน! หย่าเสวียน!’
เขาสบัดตัวออกจากบอดี้การ์ดทั้งสองคน วิ่งออกไปที่ราวและตะโกนออกมา “หย่าเสวียน! หย่าเสวียน! รีบช่วยเธอเข้าสิ!” ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบไปหมด เขามองหาเธออย่างสุดสายตา “ยืนมองอะไรกันห๊ะพวกโง่! ทำอะไรสักอย่างสิวะ!” เขาตะโกนใส่พวกที่ยืนมุง
ท้องทะเลที่ดำสนิทนั้นเงียบสงบ เงียบสงบราวกับว่าไม่เคยมีคนตกลงไปในนั้น ผ่านไปแค่เพียงไม่กี่วินาทีก็กลับมาเงียบสงบเหมือนเก่า
ห้วยหมิงชกราวด้วยความโกรธ เขาเกลียดที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น “เฮียเหนียน ฉันขอโทษ ฉัน...”
ในขณะะที่เขากำลังจะพูดต่อนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกผู้หญิงดังขึ้นมา มีบางอย่างกำลังลอยอยู่บนนั้น “ดูสิ ๆ ! นั่นใช่หย่าเสวียนไหม?” พวกเธอว่าพลางชี้ไปที่ทะเล
“ใช่ ใช่เธอจริง ๆ นั่นแหละ! ดูสิ! เธอจับเรือไว้!”
“เธอว่ายน้ำได้งั้นเหรอเนี่ย!”
ทุกคนที่มามุมดูต่างรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าเธอว่ายน้ำเป็น
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งนาที หย่าเสวียนจับราวแน่นและปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยสภาพที่เปียกโชกไปทั้งตัว เธอหันหน้ากลับไปทางทะเลและพ่นน้ำทะเลออกไป น้ำทะเลนี่มันไม่ได้ลึกธรรมดา ๆ เธอเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดซะแล้ว เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ
ไม่นานเธอก็เห็นหลิงเฉิน เขายืนถือแก้วไวน์อยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เขามองเธอด้วยสายตาเฉยเมย ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่
เธอหันหน้าไปพ่นน้ำทะเลออกจนหมด ก่อนจะใช้หลังมือเช็ดลิปสติกออกจากปาก เธอกระโดดข้ามรั้วมาอย่างเท่
ด้วยเท้าเปล่า ส่วนรองเท้าส้นสูงของเธอนั้นไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว เธอยกชุดที่เปียกชุ่มขึ้น ผลักห้วยหมิงที่จะเข้ามากอดเธอออกไปอย่างไร้อารมณ์
และเดินเข้าไปหาหลิงเฉินทันที ทุกคนบนเรือต่างพากันกลั้นหายใจ
มองหย่าเสวียนอย่างใจจดใจจ่อ และสงสัยว่าเธอจะทำอะไรต่อ หลิงเฉินยื่นแก้วไวน์ให้พนักงานเสิร์ฟที่อยู่ข้าง ๆ
เอามือล้วงกระเป๋าพลางมองดูผู้หญิงที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ เขาเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
‘หย่าเสวียน
ทำไมยิ่งพูดก็ยิ่งคุ้นนะ’ เขาคิดในใจ
“โอ้พระเจ้า! เธอเสียสติไปแล้วรึไง! เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ !” มีผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“เธอต้องตายแน่ ๆ ! ใครก็ได้ช่วยหยุดเธอที!”
“เธอตายแน่! กล้าดียังไงมาทำกับผู้ชายในฝันของฉันแบบนี้!” ผู้หญิงคนหนึ่งอุทาน
ห้วยหมิงที่มองเห็นภาพตรงหน้า ก็ถึงกับจ้องอย่างไม่วางตา “เฮียเหนียนนี่นับวันยิ่งกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ นี่เธอจะเข้าไปจูบเขารึไงกันนะ
พอเข้าใกล้หลิงเฉินพอสมควรแล้ว หย่าเสวียนก็รีบกระโจนใส่เขาและเกาะเขาไว้ราวกับโคอาล่าเกาะต้นไม้อย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะจูบเขาอีกครั้ง เธอเห็นแววตาโกรธแค้นของเขาอย่างชัดเจน
“อะไรหน่ะ?” ผู้คนที่มามุมดูต่างพูดออกมาเสียงดัง “จูบงั้นเหรอ? ผู้หญิงคนนี้ชักเริ่มแข็งข้อขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ”
หึ เธอแค่อยากจะยั่วโมโหเขาเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ ใครจะไปรู้ว่าพอเขาเริ่มหายโกรธแล้วนั้น
เขาจะดึงเธอเข้ามาใกล้และกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาจูบกับเธออยู่นาน นานกว่าที่หย่าเสวียนคิดไว้เสียอีก เธอไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นด้วยซ้ำ ริมฝีปากของเธอเป็นสีม่วงเพราะความหนาวเย็น
หลิงเฉินก้มตัวเล็กน้อยแล้วอุ้มเธอขึ้น เขาเดินไปทางห้องพักอย่างรีบเร่ง
ราวกับว่าโลกทั้งโลกนั้นเงียบสงบ ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงคลื่นที่แผ่วเบา
ทุกคนบนดาดฟ้าดูสับสน โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ บางคนกลัวเกินกว่าจะพูดออกมา บางคนคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป บางคนก็รู้สึกงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เช่น หมี่เจีย เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ภายในห้องพัก หลิงเฉินใช้เท้าถีบประตูอย่างแรง และอุ้มเธอเข้าไปในห้อง
หย่าเสวียนรู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออก นี่เธอมาไกลไปรึป่าว? เขาไม่ได้สนใจสีหน้าของเธอด้วยซ้ำ เขาปิดไฟ พลางดันผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแนบกับประตู
ตอนนี้พวกเขาก็อยู่กันตามลำพัง เขาจึงเข้าหาเธอและทำในสิ่งที่เขารู้สึกอยากทำตั้งแต่จูบบนดาดฟ้า
เขากดมือเธอไว้ด้านหลังขณะที่สำรวจร่างกายของเธอ เธอไม่สามารถขยับตัวได้
“หลิงเฉิน...” เธอมองดูเขา และอยากจะพูดว่า “ปล่อยฉันเถอะ” แต่เขาไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้เธอพูดเลย