icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon

มนต์ไอยคุปต์

บทที่ 8 จารึก

จำนวนคำ:2684    |    อัปเดตเมื่อ:22/02/2022

ชายหนุ่มจบการอ่านจารึกทั้งหมดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะขาดหายไปในลำคอ แท้จริงแล้วเขาแทบไม่ได้อ่านมันด้วยซ้ำ แต่เป็นการพูดมันออกมาจากความทรงจำ เมื่อครั้งที่เขาได้ให้บริวารจารึกคำพูดเหล่านั้นลงไปบนผนังพีระมิด ภายในห้องชั้นในสุดที่ใช้เก็บรักษาร่างของมิรา ก่อนที่เขาจะตรอมใจตายตามนางไป ถึงอย่างนั้นก็เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับการมีชีวิตอยู่อย่างไร้ซึ่งความรักและหัวใจ ราวกับเบื้องบนได้ทรงลงโทษเขาแล้ว

“ประพฤติตนไม่สมกับที่เป็นฟาโรห์ ก็สมควรแล้วที่จะไม่มีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์” เซเรียกอดอกพูดยิ้มๆ นั่นเองที่ทำให้ทุกคนหันไปจ้องหน้าเธอ เพราะไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าลบหลู่ดูหมิ่นองค์ฟาโรห์ในสถานที่ของพระองค์เช่นนี้

“ทำไมพูดแบบนั้นเซเรีย ขอขมาพระองค์ซะ เดี๋ยวก็ได้โดนคำสาปของพระองค์ไปชั่วชีวิตหรอก” หนึ่งในนักโบราณคดีอาวุโสของทีมงานผู้ค้นพบพีระมิดแห่งนี้ หันไปดุหญิงสาวเป็นภาษาอาหรับ แต่แทนที่จะสำนึก เซเรียกลับเชิดหน้าใส่พร้อมกับตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า

“ดิฉันพูดความจริงมันผิดด้วยหรือ แล้วคำสาปอะไรนั่นก็มีแต่พวกมนุษย์หน้าโง่เท่านั้นแหละที่คิดกลัวไปเอง”

“ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นใครร้ายกาจขนาดนี้เลย องค์ฟาโรห์ทรงน่าสงสารจะตาย ยังไปซ้ำเติมพระองค์อีก แบบนี้ต้องให้โดนคำสาปซะให้เข็ด” เกสรีกระซิบกระซาบกับมินตรา นินทาเซเรียเป็นภาษาไทยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายฟังรู้เรื่อง แต่มินตรากลับหันไปตอบโต้เซเรียเป็นภาษาอังกฤษแบบซึ่งๆ หน้า

“ทรงผิดในฐานะที่ทรงเป็นฟาโรห์ที่ไม่ทรงรักษาจารีตของฟาโรห์เท่านั้น ไม่ได้ทรงกระทำสิ่งใดที่ผิดจากความเป็นมนุษย์ หากพระองค์ทรงเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา ก็ควรที่จะทรงได้รับการยกย่องในความกล้าที่จะรับผิดและความรักเดียวใจเดียวของพระองค์ด้วยซ้ำ”

“มิรา...” ชนะชนเบิกตากว้าง พึมพำชื่อเก่าในอดีตชาติของมินตรา ด้วยความยินดีที่เธอไม่ได้โกรธเกลียดเขาเหมือนอย่างที่เขาเคยกังวลมาตลอด ในทุกภพชาติที่เขาเพียรพยายามตามหาเธอ

“พูดได้ดีนี่ องค์ฟาโรห์คงรักเธอมากขึ้นอีกเป็นกองเลยนะ” เซเรียพูดพลางยิ้มเยาะมินตรา

“พระองค์จะทรงมารักดิฉันทำไมกัน ในเมื่อพระองค์ทรงมีรักเดียว แล้วก็ไม่ทรงรู้จักดิฉันด้วย”

คำตอบของมินตราทำให้รอยยิ้มยินดีของชนะชนจางลงในทันที ตรงข้ามกับเซเรียที่ยิ่งหัวเราะขบขันเหมือนได้ฟังเรื่องตลก เสียดแทงใจชนะชนจนเขาต้องกำหมัดแน่น เพื่อระงับอารมณ์โกรธและเจ็บแค้นที่พลุ่งพล่าน ขณะที่คนอื่นๆ พากันงุนงงกับอาการแปลกๆ ของเซเรีย

“แล้วมัวยืนเฉยกันทำไม อยากสำรวจอะไรก็เชิญนะคะ หรือถ้าไม่อยากสำรวจแล้วก็เชิญด้านนอกค่ะ จะได้ให้ทีมอื่นเข้ามาต่อ” เซเรียบอกคณะนักโบราณคดีจากประเทศไทยเป็นภาษาอังกฤษ ท่าทางหยิ่งจองหองได้อย่างน่าหมั่นไส้ แต่เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจึงไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างทนเก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ กระทั่งทั้งหมดกลับออกมาถึงด้านนอกพีระมิด

“แย่จริงๆ เลยนะคะ ทางเราอุตส่าห์ช่วยแท้ๆ พอใช้เสร็จก็ถีบหัวส่งกันเลย!” เจ๊แหม่มบ่นขึ้นเป็นคนแรก ด้วยอาการโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง

“ทางเขาเองก็แปลก เหมือนไม่กล้าตำหนิคนของตัวเองเท่าไหร่ คงเป็นพวกลูกเศรษฐีหรือไม่ก็ลูกเจ้าใหญ่นายโตล่ะมั้ง เฮ้อ! เป็นแบบนี้ทุกประเทศเลยสินะ” ป๋าวิบูลย์ส่ายหน้าอย่างปลงๆ

“แถมยังมาหาเรื่องมินด้วยนะคะ พูดอะไรแปลกๆ ด้วยก็ไม่รู้ อาจจะเป็นโรคจิตเลยไม่มีใครกล้าว่าอะไรก็ได้ค่ะ” เกสรีออกความเห็นบ้าง

“อย่าไปว่าเขาแบบนั้นสิเกด เดี๋ยวเขารู้ก็โกรธเอาหรอก” มินตราปรามเพื่อน “เขาอาจจะเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วก็ได้”

“เธอก็มองโลกในแง่ดีแบบนี้เสมอแหละ มีเรื่องอะไรก็ยอมเขาตลอด พวกนั้นเลยยิ่งได้ใจ" สาวหมวยเปลี่ยนมาบ่นเพื่อนสนิทของตัวเองบ้าง แต่เพราะคำพูดของเกสรีนั่นเองที่ทำให้ชนะชนถึงกับยืนนิ่งอึ้ง

“ประวัติศาสตร์จะต้องไม่ซ้ำรอย เพราะคราวนี้ฉันจะปกป้องเธอด้วยชีวิตที่ฉันมี!” ชนะชนพึมพำ มือที่กำหมัดสั่นระริกจนจตุรงค์นึกสงสัยในอาการแปลกๆ ของเพื่อน

“เอ่อ... เชิญทีมต่อไปเลยนะครับ” จอมกะล่อนหันไปบอกบรรดานักโบราณคดีจากประเทศอื่น ซึ่งต่างกำลังปัดทรายออกจากผมและเสื้อผ้า บ้างก็กำลังใช้น้ำล้างนัยน์ตาที่มีทรายปลิวเข้าไป สร้างความงุนงงให้แก่พวกชนะชนเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะท้องฟ้าที่กลับมาแจ่มใสเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ผิดกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ลิบลับ

“ภายในพีระมิดมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นบ้างไหมครับ?” นักโบราณคดีจากประเทศอเมริกาคนหนึ่งตรงเข้ามาถามป๋าวิบูลย์และเจ๊แหม่ม ด้วยท่าทีที่ยังตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกตนเมื่อครู่ และไม่มีนักโบราณคดีจากประเทศไหนยอมเข้าไปภายในพีระมิดเป็นคณะต่อไปแม้แต่คนเดียว

“เอ... ไม่มีนะครับ ทุกอย่างปกติดีครับ” ป๋าวิบูลย์ตอบงงๆ

“นั่นสิคะ ทุกอย่างก็ปกตินะคะ หรือด้านนอกมีอะไรเกิดขึ้นคะ?” เจ๊แหม่มตั้งคำถามกลับ

“เกิดพายุทรายเฉพาะในรัศมีพีระมิดครับ พวกเราก็นึกว่าเกิดอะไรในพีระมิดด้วยเสียอีก”

“ใช่ค่ะ ท้องฟ้าก็ดำทมิฬ น่ากลัวมาก” นักโบราณคดีจากประเทศออสเตรเลียเข้ามาช่วยพูดเสริมด้วยอีกคน ถึงอย่างนั้นสองนักโบราณคดีอาวุโสจากประเทศไทยก็ยังยืนยันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในพีระมิด

...แต่คนที่รู้ดียิ่งกว่าใครๆ ว่าแท้จริงแล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นก็คือ ชนะชน!!

“เซเรีย... นี่คิดจะทำอะไรอีกกันแน่!?” ชายหนุ่มพึมพำหน้าเครียด

...สิ่งหนึ่งที่รู้แน่ชัดก็คือ การที่เซเรียจงใจให้เขาอ่านจารึกภายในพีระมิด มันไม่ใช่เพราะเธอไม่สามารถแปลความหมายของอักษรทั้งหมดได้ แต่เป็นเพราะเธอต้องการให้เขาได้อ่านมัน เพื่อกระตุ้นความทรงจำในอดีตชาติซึ่งอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นให้ฟื้นคืนมาทั้งหมด เช่นเดียวกับตัวเธอที่สามารถ ‘ระลึกชาติ’ ได้แล้วก่อนหน้านี้จากพีระมิดแห่งนี้ แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นเพื่ออะไรกัน นั่นคือสิ่งที่อดีตฟาโรห์อย่างเขายังไม่สามารถคาดเดาได้ เพียงรู้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ โดยเฉพาะกับมิราหรือมินตราในปัจจุบัน

“เป็นอะไรหรือเปล่าชนม์ สีหน้าไม่ดีเลยนะ?” จตุรงค์อดรนทนไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง อาจดูเป็นความห่วงใยที่มากเกินกว่าความเป็นเพื่อน แต่นั่นก็เป็นเพราะความเคยชินที่ฝังแน่นสืบต่อกันมาทุกภพทุกชาติ

“ไม่มีอะไรหรอก อย่าห่วงเลย” ชนะชนตอบยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มอย่างจริงใจที่มีให้กับคนที่เป็นทั้งผู้ติดตามและสหายเพียงคนเดียวของเขา

“แน่นะ นายน่ะชอบเก็บไปคิดมากอยู่คนเดียวเรื่อยแหละ บอกว่าไม่มีอะไร ไม่ได้เป็นอะไร แต่ข้างในใจน่ะมีเต็มไปหมดจนแทบระเบิดออกมานอกอกใช่ไหมล่ะ มีอะไรก็บอกสิ จะได้ช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไข คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย แล้วฉันก็พร้อมจะเป็นเพื่อนตายของนายอยู่แล้ว ไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ ฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็น...” จตุรงค์บ่นเพื่อนเสียยืดยาวเป็นตาแก่ จนชนะชนอดขำไม่ได้

“ฉันเชื่อ ไม่ต้องพิสูจน์หรอก” ชายหนุ่มตอบพลางหัวเราะขบขัน แม้คำพูดของจตุรงค์จะแทงใจดำหลายอย่าง แต่นั่นก็แสดงถึงความเป็นเพื่อนแท้ที่รู้จักรู้ใจกันเป็นอย่างดี สมกับช่วงเวลายาวนานในความเป็นเพื่อน

แน่นอน... เขาเองก็รู้จักจตุรงค์เป็นอย่างดี และรู้ว่าเพื่อนแท้คนนี้ยินดีจะตายแทนเขาได้ เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาครองบัลลังก์ฟาโรห์แห่งอียิปต์แล้ว แต่ในเวลานี้ ปัญหาและความกังวลในใจยังคงเป็นแค่สิ่งที่อยู่ในความนึกคิด ยังไม่มีสิ่งใดปรากฏชัดเจนว่าจะเป็นเช่นนั้น มันอาจจะเบาบางกว่าหรือร้ายแรงยิ่งกว่าก็ได้ แล้วก็คงจะมีแค่เพียงเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งที่อยู่ในหัวใจและความคิดของเซเรีย ผู้หญิงที่ไม่มีใครอ่านความคิดของเธอออก จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย ! !

หลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมชมพีระมิดแห่งใหม่แล้ว คณะนักโบราณคดีจากทุกประเทศก็เดินทางออกจากพื้นที่เขตทะเลทรายด้วยรถโฟร์วีล และเพราะเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี ทั้งหมดจึงแวะพักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตทะเลทราย ก่อนเข้าเขตเมืองเล็กน้อย

“เชิญเลยค่ะ ยินดีต้อนรับนะคะ” เจ้าของร้านสาวสวยในชุดแบบสาวพื้นเมืองอาหรับ ออกมาต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ประจำวันนี้ ด้วยภาษาประจำชาติของลูกค้าจากต่างประเทศ ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาอิตาเลียน และแม้แต่ภาษาไทย

“ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ คุณเจ้าของร้านพูดภาษาไทยได้ด้วยหรือคะเนี่ย?” เจ๊แหม่มถามหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น

“ก็... นิดหน่อยค่ะ” เธอยิ้มแย้มตอบ แล้วหันไปยิ้มให้คณะนักโบราณคดีจากประเทศไทยทุกคน กระทั่งได้สบตากับชนะชน และต่างคนต่างชะงักไป

...สำหรับหญิงสาว เขาเป็นเหมือนรักแรกพบที่ทำให้หัวใจดวงเล็กของเธอสั่นไหว และเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน แต่สำหรับชนะชนแล้ว เธอคือหญิงสาวผู้มีชีวิตอยู่เมื่อหลายพันปีก่อนในครั้งที่เขาครองบัลลังก์ฟาโรห์ ผู้ที่เขาไม่อาจลืมได้ พอๆ กับที่เขาไม่สามารถลืมสิ่งที่เซเรียทำไว้กับเขาได้

ไม่ผิดแน่ ! ชนะชนบอกตัวเองระหว่างที่ยังคงจ้องมองเธอ เจ้าของนัยน์ตาสีนิล กับประกายตาที่ดูเหมือนบริสุทธิ์ใสซื่อ ใบหน้ารูปไข่ จมูกเล็กเชิดรั้น ริมฝีปากบาง รวมทั้งผมดำขลับที่ปล่อยยาวเกือบถึงกลางหลังเช่นเดียวกับเซเรีย และผิวที่ขาวกว่าใครในบรรดา 3 พี่น้อง ผู้ที่ทำให้เซเรียย่ามใจจนวางแผนฆ่ามิราในที่สุด ! !

“ขอโต๊ะที่นั่งแล้วมองเห็นทิวทัศน์นอกร้านนะคะคุณน้อง”

เสียงพูดของเจ๊แหม่มที่ดังขึ้นปลุกคนทั้งคู่ให้ตื่นจากภวังค์ หญิงสาวเจ้าของร้านรีบกุลีกุจอจัดหาที่โต๊ะและที่นั่งสำหรับนักโบราณคดีจากประเทศไทยตามที่ถูกร้องขอ ขณะที่ชนะชนหันขวับไปจ้องหน้าเซเรียซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะของคณะนักโบราณคดีชาวอียิปต์

“เซเรีย เธอนี่มัน...” เขากำหมัด กัดฟันกรอด ตรงข้ามกับเซเรียที่เชิดหน้ายิ้มเยาะ พร้อมๆ กับที่ลุกขึ้นประกาศ

“ร้านนี้เป็นร้านของพี่สาวดิฉันเอง เพราะฉะนั้นขออนุญาตเป็นเจ้ามือนะคะ เชิญทุกท่านรับประทานอาหารกันได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ” เธอพูดพลางกวาดตามองทุกคนในร้าน ก่อนจะจบลงที่การสบตายิ้มเยาะท้าทายชนะชนอีกครั้ง

“เธอมันงูพิษจริงๆ” ชายหนุ่มพึมพำ ความเจ็บปวดและเจ็บแค้นเต้นเร่าในดวงตา ถึงยังไงเขาก็ไม่มีวันยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน!

เปิดรับโบนัส

เปิด
1 บทที่ 1 หญิงสาวในความฝัน2 บทที่ 2 ดินแดนทะเลทราย3 บทที่ 3 ดินแดนทะเลทราย (จบตอน)4 บทที่ 4 เงาที่เริ่มปรากฏ5 บทที่ 5 วันแรกที่อียิปต์6 บทที่ 6 อดีตชาติ7 บทที่ 7 อดีตชาติ (จบตอน)8 บทที่ 8 จารึก9 บทที่ 9 ห้วงคำนึง10 บทที่ 10 ห้วงคำนึง (จบตอน)11 บทที่ 11 ความทรงจำที่หวนคืน12 บทที่ 12 พีระมิดแห่งกิซาห์13 บทที่ 13 พีระมิดแห่งกิซาห์ (จบตอน)14 บทที่ 14 สำนึกแห่งฟาโรห์15 บทที่ 15 ความอาฆาตของสองพี่น้อง16 บทที่ 16 ความอาฆาตของสองพี่น้อง (จบตอน)17 บทที่ 17 ภาพลวงตาของความจริงใจ18 บทที่ 18 วันสุดท้ายของการเดินทาง19 บทที่ 19 วันสุดท้ายของการเดินทาง (จบตอน)20 บทที่ 20 อีกคนจากอดีตชาติ21 บทที่ 21 อีกคนจากอดีตชาติ (จบตอน)22 บทที่ 22 พันธนาการแห่งอดีต23 บทที่ 23 วันพักผ่อนของทั้งคู่24 บทที่ 24 เรื่องเข้าใจผิด25 บทที่ 25 เรื่องเข้าใจผิด (จบตอน)26 บทที่ 26 ความอาฆาตจากอดีตชาติ27 บทที่ 27 ความอาฆาตจากอดีตชาติ (จบตอน)28 บทที่ 28 ทางเลือก29 บทที่ 29 การมาของสองพี่น้อง30 บทที่ 30 การมาของสองพี่น้อง (จบตอน)31 บทที่ 31 แผนการ32 บทที่ 32 ความพยายามของเพื่อน33 บทที่ 33 แผนการของเซรี34 บทที่ 34 การร่วมมือกันของสองพี่น้อง35 บทที่ 35 การร่วมมือกันของสองพี่น้อง (จบตอน)36 บทที่ 36 เสียงร่ำไห้ในสายหมอก37 บทที่ 37 สองสาวอียิปต์ในป่าเขาใหญ่38 บทที่ 38 สองสาวอียิปต์ในป่าเขาใหญ่ (จบตอน)39 บทที่ 39 ภาพอดีต40 บทที่ 40 คำสารภาพ41 บทที่ 41 คำสารภาพ (จบตอน)42 บทที่ 42 การตัดสินใจ43 บทที่ 43 การตัดสินใจ (จบตอน)44 บทที่ 44 งานแต่งงานของทั้งสอง45 บทที่ 45 ความตายที่เฝ้าติดตาม46 บทที่ 46 ความตายที่เฝ้าติดตาม (จบตอน)47 บทที่ 47 คำพิพากษาสุดท้ายของความอาฆาต48 บทที่ 48 บทส่งท้าย