อนุชายาบรรณาการ(Boy Love)
บทที่ 3
“ชุนฮัวกับชิวฮัวทำงานหนักอยู่ที่เรือนข้าทาส น้อยครั้งนักที่จะได้พบหน้ากับจ้าวอี๋เหนียง เมื่อสิบวันก่อนไม่ทราบว่าจางจงทำอะไรขัดเคืองใจพระชายา เขาถูกลงโทษให้ลงไปแช่ตัวอยู่ในสระน้ำทั้งคืน รุ่งขึ้นก็ล้มป่วย เป็นจ้าวอี๋เหนียงไปขอยาจากห้องยามาต้มให้เขากิน...ส่วนชิวฮัวนางสนิทสนมกับอาถงคนทำสวนไม่น้อย”
“หรือเด็กในครรภ์ชิวฮัวจะเป็นบุตรของอาถง...ไม่ถูก ไม่ถูก” องครักษ์ซ้ายเฉินกุ่ยเอ่ยแล้วส่ายหน้า
“อะไรไม่ถูก?” องครักษ์ขวาซือหมิงกอดอกถาม
“ถ้าชิวฮัวตั้งครรภ์กับอาถง นางจะใส่ร้ายจ้าวอี๋เหนียงกับชุนฮัวทำไมกัน?” องครักษ์ซ้ายเฉินกุ่ยลูบคางอย่างครุ่นคิด
“ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วท่านองครักษ์เฉิน อาถงกับชิวฮัวลักลอบได้เสียกันย่อมมีความผิด และความผิดของพวกเขาก็ถูกพระชายาล่วงรู้เข้า พระชายาจึงใช้เป็นข้อต่อรองให้ชิวฮัวใส่ร้ายจ้าวอี๋เหนียง โดยให้สัญญาว่าจะปล่อยอาถงกับชิวฮัวไปจากจวนแห่งนี้และให้เงินพวกเขาไปตั้งตัวด้วย แต่พองานสำเร็จ พระชายาไม่เพียงไม่ปล่อยคนซ้ำยังสั่งขังอาถงกับชิวฮัวไว้อีก ทั้งสองกลัวจะถูกฆ่าปิดปากจึงพยายามหลบหนี แต่ก็หนีไม่รอด...ชิวฮัวบาดเจ็บสาหัสมาซ่อนตัวที่พุ่มไม้ใกล้ตำหนักใหญ่และสิ้นใจในที่สุด ส่วนอาถงถูกจับกลับไปขังไว้...เขาถูกทรมานตัดเอ็นมือเอ็นเท้า ตัดลิ้นควักลูกตา กลายเป็นคนพิการจะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้” พ่อบ้านเหลียงรายงาน “เขาถูกขังเอาไว้ทิ้งให้ตายในคุกหลังจวน ข้าน้อยตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดแล้ว เห็นอาถงขาดหายไป จึงให้ทหารไปค้นหา พบเขาที่คุกจึงนำเขามาสอบสวน โดยให้อาฉีอ่านปากของเขาขอรับท่านอ๋อง”
“อืม” ชินอ๋องรับคำในลำคอ “อาฉีผู้นี้มีความสามารถดียิ่ง อาจจะมีประโยชน์ในภายภาคหน้า พื้นเพของเขาเป็นเช่นไร?”
“เขาเป็นเด็กรับใช้ทั่วไป อายุสิบหก บิดามารดาตายไปตั้งแต่สิบปีที่แล้ว เขาถูกน้าสาวนำมาขายให้จวนนี้เมื่อสี่ปีก่อนขอรับ ส่วนความสามารถในการอ่านปาก เขาฝึกด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กขอรับ” พ่อบ้านเหลียงตอบ
“ซือหมิงทดสอบดูซิว่าอาฉีพอใช้การได้หรือไม่ ถ้าใช้การได้ก็รับเขาเข้ามาฝึกฝนเป็นองครักษ์”
“ขอรับ” ซือหมิงรับคำ
“เช่นนี้...จ้าวอี๋เหนียงก็ถูกใส่ร้าย” ซือหมิงกล่าว “แต่ผู้ที่ใส่ร้ายคือพระชายา...หากเป็นอนุให้ร้ายภรรยาเอกย่อมมีโทษหนัก แต่ภรรยาเอกให้ร้ายอนุนั้นไม่มีโทษระบุเอาไว้ เพียงถูกติฉินนินทาว่าริษยาเท่านั้น”
“แต่จ้าวอี๋เหนียงเป็นองค์ชายแคว้นเป่ยนะ” เฉินกุ่ยแย้ง ก่อนจะนึกได้ว่า...แคว้นเป่ยล่มสลายไปแล้ว
เป็นองค์ชายแล้วจะอย่างไร!
ยิ่งสูงศักดิ์ยิ่งไม่ปลอดภัย!!
“อืม” ชินอ๋องทำเสียงในลำคอ “เรื่องนี้ข้าจะหาวิธีคืนความเป็นธรรมแก่เขาเอง”
“ท่านอ๋อง...ข้าน้อยเกรงว่า...” พ่อบ้านเหลียงพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “พระชายาเป็นน้องสาวของตู้กุ้ยเฟย(เจ้าจอมแซ่ตู้ หรือพระสนมเอกแซ่ตู้) เป็นธิดาของราชครู...”
“แล้วไง...” ชินอ๋องขัดขึ้น
ทำให้พ่อบ้านเหลียงทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “มิใช่ว่าท่านอ๋องต้องการให้พระชายาลงมือกับจ้าวอี๋เหนียงหรอกหรือ?”
ชินอ๋องมิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงเคาะนิ้วมือสองสามที แล้วกล่าวว่า “นับแต่นี้ไปให้ปฏิบัติต่อจ้าวชิงเฟิงให้ดี...ดียิ่งกว่าปฏิบัติต่อพระชายา...เพราะข้าจะแต่งตั้งเขาเป็นพระชายารอง!”
*
*
“อือ...” เสียงครางในลำคอแผ่วเบา แล้วดวงตาของร่างบอบบางบนเตียงนอนก็ค่อยๆ ลืมขึ้น
“คุณชาย ท่านฟื้นแล้ว!” จางจงอุทานอย่างยินดี เขารีบรินน้ำมาให้จ้าวชิงเฟิงดื่ม โดยมีสาวใช้อีกสองนางกุลีกุจอเข้ามาช่วยพยุงให้ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียง
คุณชายมองสองนางอย่างงุนงง “พวกเจ้าคือ ...?”
“พวกเราคือสาวใช้ของฟูเหรินเจ้าค่ะ” ทั้งสองสาวตอบพร้อมเพรียง
“บ่าว...เสี่ยวชุ่ยเจ้าค่ะ” แม่นางชุดสีเขียวยอบกายคารวะ
“บ่าว...เสี่ยวหงเจ้าค่ะ” แม่นางชุดสีฟ้าแนะนำตัวเองพร้อมกับยอบกายอย่างอ่อนช้อย
สองสาวมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับคุณชาย ล้วนหน้าตารูปร่างหมดจดงดงาม กิริยามารยาทเรียบร้อยนุ่มนวล น่าจะผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดี
“ฟูเหริน...” เสียงหวานๆ ของเสี่ยวชุ่ยเรียกหา ดวงหน้าจิ้มลิ้มยิ้มแย้ม แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ...
คุณชายก็ถามอย่างสงสัย “เจ้าเรียกใครว่าฟูเหริน?”
“เรียกท่านเจ้าค่ะ”
“เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ข้าเป็นแค่อนุเท่านั้น”
“เวลานี้ไม่เหมือนเดิมแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องแต่งตั้งท่านเป็นพระชายารองแล้วเจ้าค่ะ” ว่าแล้วเสี่ยวชุ่ยก็ยกแขนเสื้อขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคักเบาๆ
คุณชายเหลียวมองจางจง
“ขอรับ...คุณชาย ท่านอ๋องแต่งตั้งคุณชายเป็นพระชายารอง”
สีหน้าคุณชายเต็มไปด้วยคำถาม
“ท่านอ๋องสืบทราบความจริงแล้วว่าคุณชายถูกใส่ร้าย”
เลยชดเชยด้วยการแต่งตั้งให้เป็นพระชายารองอย่างนั้นหรือ?
“เสี่ยวหง เสี่ยวชุ่ย อย่าเรียกข้าว่าฟูเหรินเลยนะ เรียกข้าว่าคุณชายก็พอ”
“ทำไม?”
เสียงทุ้มเปี่ยมอำนาจ แต่ไม่คุ้นหูคุณชายดังแทรกขึ้น แล้วชายร่างสูงใหญ่แข็งแรงกำยำในชุดสีกรมท่าที่หรูหราคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องนั้นด้วยทีท่าสบายๆ อย่างเดินในบ้านของตนเอง
จางจงและสองสาวใช้รีบคุกเข่าลงคำนับ และเรียกขานพร้อมกัน
“ท่านอ๋อง”
ชินอ๋องโบกมืออนุญาตให้ทุกคนลุกขึ้น แล้วตำหนิว่า “พระชายารองเพิ่งฟื้น พวกเจ้ายังไม่รีบปรนนิบัติอีก”
สองสาวกับจางจงรีบน้อมคำนับแล้วออกไป
ชินอ๋องเดินมานั่งลงที่ขอบเตียง เอื้อมมือแตะหน้าผากของคุณชาย
“ไข้ลดลงแล้ว”
“ขอบคุณท่านอ๋อง และขออภัยที่ข้าน้อยไม่สามารถลุกขึ้นคารวะได้” คุณชายกล่าวเสียงแผ่วเบา
“มิเป็นไรฟูเหริน”
คำเรียกหาของชินอ๋องทำเอาคุณชายนึกอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเสียเดี๋ยวนั้นเลย!