อนุชายาบรรณาการ(Boy Love)
บทที่ 5
เมื่อหมดคนนอกแล้ว...พระชายาก็กล่าวกับสาวใช้คนสนิท “ตงเหมย เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?”
“พระชายาอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลยเจ้าค่ะ” ตงเหมยกล่าวปลอบใจผู้เป็นนาย
“มิให้ข้าร้อนใจ?” พระชายาเสียงสะบัด “คืนวันวิวาห์ ท่านอ๋องก็เลือกไปอยู่กับเจ้าคนสารเลวจากแคว้นเป่ย แทนที่จะมาเข้าห้องหอของข้าผู้เป็นพระชายาเอก จากนั้นก็ไปอยู่เสียที่ค่ายทหาร”
“หรือท่านอ๋องจะชมชอบบุรุษเจ้าคะ?”
“ข้าเคยส่งบ่าวชายอายุเยาว์หน้าตาดีไปรับใช้ท่านอ๋องถึงที่ค่ายทหาร ก็ถูกไล่ตะเพิดกลับมา พอท่านอ๋องกลับมาคราวนี้ ข้าก็ส่งสาวใช้หน้าตางดงามไปอุ่นเตียง ก็ถูกท่านอ๋องไล่ออกจากตำหนักอย่างไม่ใยดี”
“หรือท่านอ๋องจะ...” ตงเหมยขมวดคิ้วครุ่นคิด “ถือสาเรื่องชาติกำเนิด”
“เช่นนั้นก็ลำบาก...คุณชายหนุ่มน้อยงดงามใช่ว่าจะหาไม่ได้ แต่ตระกูลไหนจะยอมให้คุณชายของตนต้องมาเป็นภรรยาน้อยเล่า?”
พระชายาถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวต่อ
“อย่าว่าเป็นภรรยาน้อยเลย แม้แต่เป็นภรรยาเอก ถ้าไม่หมดสิ้นหนทางจริงๆ ก็ไม่มีตระกูลผู้ดีตระกูลไหนยินยอมให้บุตรชายแต่งออกมาเป็นภรรยาผู้อื่น”
“นั่นก็จริงเจ้าค่ะ...แต่ถ้ามิใช่คุณชายจริง เป็นเพียงคุณชายบุญธรรมหรือคุณชายที่แอบรับสมอ้างเข้าตระกูลละเจ้าค่ะ?”
มุมปากของพระชายายกยิ้มขึ้นมาทันที ดวงตางามเป็นประกายวาววับ
“เห็นทีข้าจะต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านพ่อเสียแล้ว”
*
*
จ้าวชิงเฟิงวางตะเกียบในมือลง
ชินอ๋องก็ทักว่า “ทำไมกินน้อยนัก อาหารไม่ถูกปากหรือ?”
“มิได้ขอรับ เพียงแต่ข้าน้อยอิ่มแล้ว”
ชินอ๋องพยักหน้า
“กระเพาะอาหารของเจ้าถูกทารุณมาเนิ่นนาน อยู่ๆ จะให้เป็นปกติคงเป็นไปไม่ได้ คงได้แต่ค่อยๆ ฝึกฝนให้ดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย”
“ขอบคุณขอรับ” คุณชายค้อมศีรษะ
“แต่รังนกตุ๋นโสมชามนี้ เจ้าดื่มเสียสิ”
แม้ชามรังนกตุ๋นโสมจะเล็กกว่าชามข้าว แต่ก็มากเกินไปสำหรับจ้าวชิงเฟิง
“ข้าน้อยอิ่มแล้วจริงๆขอรับ” คุณชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
“เช่นนั้นรออีกหนึ่งชั่วยามค่อยกินเป็นของว่าง” ชินอ๋องกล่าวเรียบๆ “สุขภาพของเจ้ามิค่อยแข็งแรง ควรจะบำรุงให้มากไว้...แล้วต่อไปไม่ต้องเรียกตนเองว่าข้าน้อยอีก จงพูดกับข้าอย่างธรรมดาๆ ก็พอ”
“ขอรับ”
หลังอาหารเย็น...ชินอ๋องชวนคุณชายไปนั่งสนทนากันต่อที่ห้องโถงพักผ่อน พลางเล่นหมากล้อม โดยท่านอ๋องใช้เม็ดหมากสีดำให้คุณชายใช้เม็ดหมากสีขาว...เดินหมากได้เพียงหนึ่งเค่อ(สิบห้านาที) คุณชายก็พ่ายแพ้ยับเยิน
“ฟูเหริน เจ้าเดินหมากไม่เป็นหรือ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
“ข้า...ไม่ทราบ” คุณชายเม้มริมฝีปากนิดหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “เมื่อก่อนข้าอาจจะเดินหมากเป็น”
คุณชายพยายามคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในสมองก็เหมือนมีคมมีดหมุนคว้าง สีหน้าจึงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ยกสองมือขึ้นกุมศีรษะ ส่งเสียงร้องครวญคราง
“อ๊าาาาา...”
ชินอ๋องรีบเข้ามาโอบกอดร่างคุณชายเอาไว้แน่น เอ่ยเสียงดังว่า “ไม่ต้องคิดแล้ว เดินหมากไม่เป็นก็ไม่เป็นไร”
แต่อาการปวดศีรษะพอกำเริบขึ้นมาแล้ว แม้จะเลิกใช้ความคิด ความเจ็บปวดก็ไม่ได้หายไปในทันที
เสี่ยวชุ่ยที่ยืนรอรับใช้อยู่ห่างๆ เห็นดังนั้นก็รีบนำยาในขวดกระเบื้องเคลือบที่เป็นยาผงไปละลายน้ำมาให้อย่างไม่รอช้า
“ฟูเหริน ดื่มยานี่เจ้าค่ะ”
คุณชายดื่มยาลงไปครู่หนึ่ง...อาการปวดศีรษะก็ค่อยๆ บรรเทาเบาบางลง
แต่ชินอ๋องยังคงไม่วางใจ ใช้ให้บ่าวไปตามตัวท่านหมอมา
ท่านหมอจับชีพจรคุณชายแล้วเอ่ยว่า
“ข้าน้อยเห็นว่า...อาการปวดศีรษะของฟูเหริน หากดื่มยาอีกสักเก้าเทียบ คงจะหายดีขอรับ”
“ดื่มยาอีกแล้วหรือ?”
สีหน้าคุณชายไม่สู้ดีนัก
“กลัวขมใช่หรือไม่?” ชินอ๋องถามก่อนจะยกยิ้มมุมปาก “ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยป้อนยาให้เจ้าเอง”
ช่วยป้อนยา...ปากต่อปากนะหรือ!
“มะ ไม่ต้องขอรับ” คุณชายรีบปฏิเสธทันทีด้วยสีหน้าย่ำแย่
“เป็นไร...หรือเจ้ารู้สึกรังเกียจข้า?” ชินอ๋องถามตรงๆ
ทำให้จ้าวชิงเฟิงต้องครุ่นคิด...
รังเกียจหรือ...
เขามีสิทธิ์จะรังเกียจชินอ๋องด้วยหรือ?
เขาเป็นเพียงของบรรณาการชิ้นหนึ่ง ที่แคว้นหนานจะหยิบวางไว้ตำแหน่งไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น...ตัวประกัน นักโทษ บ่าว ทาส หรือแม้แต่ชายบำเรอ!
*
*
ในขณะที่จางจงกำลังให้คำแนะนำคุณชายเรื่องวิธีปรนนิบัติสามีบนเตียงอยู่ที่ห้องโถงพักผ่อน...ชินอ๋องก็นั่งคุยกับขันทีเจียงจ้านอยู่ที่ห้องหนังสือ
ขันทีเจียงจ้านยืนอยู่ไม่ห่างจากผู้เป็นเจ้านายนัก เขามีอายุมากกว่าชินอ๋องหกปี ชินอ๋องให้เกียรติเขาราวกับเป็นพี่ชายคนหนึ่ง มักจะปรึกษาเรื่องที่ละเอียดอ่อนกับเขาเสมอ
“ข้าคิดว่า...จ้าวชิงเฟิงรังเกียจข้า” ชินอ๋องกล่าวตรงๆ “เขามีท่าทางอึดอัดเวลาข้าเข้าใกล้ และมีสีหน้าย่ำแย่มากเมื่อรู้ว่าข้าจะป้อนยาเขาด้วยปาก”
“บ่าวคิดว่านั่นก็ยังไม่แน่นัก” ขันทีเจียงจ้านออกความเห็น “ฟูเหรินอาจจะเพียงแค่ไม่คุ้นชินเท่านั้น ด้วยอายุเพียงสิบสี่ในขณะที่มาเป็นบรรณาการ ฟูเหรินอาจจะไม่เคยมีสัมพันธ์รักใคร่กับผู้ใดเลย แม้แต่กับสตรี พอท่านอ๋องแสดงความใกล้ชิด ฟูเหรินอาจจะหวาดกลัวก็เป็นได้”
“เป็นเช่นนี้เองหรือ...แล้วข้าควรจะทำอย่างไร?”
“เรื่องนี้...ขึ้นอยู่กับว่า คุณค่าของฟูเหรินในใจของท่านอ๋องมีความหมายมากน้อยแค่ไหน!”
“เมื่อห้าปีก่อน ข้าตั้งใจจะตอบแทนน้ำใจของเขา ด้วยการละเว้นชีวิตเขา และดูแลเขาให้ดี” ชินอ๋องกล่าวเสียงเรียบๆ ทว่าจริงจัง “แต่พอรู้ว่า เขาอยู่ในจวนของข้าในฐานะอนุชายา ข้าก็ตั้งใจจะยกย่องเขาเป็นภรรยา และจะทำหน้าที่สามีที่ดี...หากข้ายังมิได้แต่งพระชายาเอกอยู่ก่อน ข้าคงขอพระราชทานตำแหน่งพระชายาเอกให้แก่เขาแล้ว”
“ถ้าฟูเหรินในใจของท่านอ๋องล้ำค่าเช่นนี้ ท่านอ๋องก็ต้องอดทนค่อยๆ เข้าใกล้ฟูเหรินทีละนิดทีละน้อย” ขันทีเจียงจ้านแนะนำ “สร้างความคุ้นเคยให้แก่ฟูเหริน จนกระทั่งฟูเหรินถูกท่านอ๋องเข้าครอบครองจิตใจโดยไม่ทันรู้ตัว”
ทั้งสองนายบ่าวสบตากันอย่างเข้าใจความหมาย
ชินอ๋องยกยิ้มมุมปาก “จากนั้น...ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
*
*