อะไรนะ! เจ้าอยากเป็นเซียนอย่างงั้นเหรอ!?
จะพบพวกมันออกมาหากินใกล้กับหมู่บ้าน เหตุที่มันได้รับชื่อนี้ก็เพราะพฤติกรรมการกินของมันและไม่เคยมีคนรอดชีวิตมาบอ
๊า
ใหญ่เสี่ยงสูงที่เก็บน้ำผึ้งป่าเสร็จแล้วก็ต้องถึงกับส
ียกแล้วยังไม่มาหาภายใน10ลมหายใจล่ะก็ฟันธงได้เลยว่าจื่อหมิงแอบหนีไปเที่ยวเล่นคนเดียวไกลโขแล้วแน่ แล้วสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่ที่สุดคือลางสังหรณ์และสัญชาตญาณของเขาบอกว่าเสียงคำรามของอสูรร้ายต้องเกี่ยวกับจื่อหมิงแน่ๆ บวกกับความเร็วฝีเท้าที่คนในบ้านต่างรู้กันว่าจื่อหมิงวิ่งได้
้วหยิบอาวุธเท่าที่หาได้ ณ ตอนนั้นแล้วรีบวิ่งไปในทิศทางเดียวกับเสียงคำรามทันที "ได้โปรด ทั้งสองคนอย่าพึ่งเป็นอะไรไปเลยนะ ครั
ำให้ความเร็วลดลงอย่างน่าตกใจ เรียกได้ว่าประตูมรณะจ่อติดหลังเขาเต็มที่แล้วก็ว่าได้ ในขณะที่ควา
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่น จื่อหมิงจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับตัวกินสมองที่ตามล่าเขามาตลอดครึ่งชั่วยาม ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะลองสู้ตายดูซักตั้ง แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้เ
ต่น้อย แต่เดิมหน้าของจื่อหมิงก็ซีดอยู่แล้วภาพตรงหน้าที่เข้าเห็นก็ยิ่งทำให้เขาแทบอยากจะช๊อคตายคาที่ซะตรงนั้น "บัดซบที่สุด" ในวินาทีนั้นเองตัวกินสมองก็ตวัดเคียวหมายจะตัดหัวของจื่อหมิงมากินเป็นอาหาร จื่อหมิงที่อยู่ในอาการตกตะลึงก็ไม่อาจตอบสนองได้ทัน ในตอนที่จื่อหมิงกำลังจะถูกตัดหัวนั้น ก็มีเสียงตะโกนดังลั่นมาจากด้านหลังของตัวกินสมอง "ตายซะเถอะไอ้เวร แกกล้ามากนะที่ทำให้น้องชายของข้
วยแล้วก็รวบรวมความกล้าที่มีกำมีดในมือแน่นแล้วพุ่งตัวเข้าไปแทงไปที่ข้อต่อขาบริเวรใต้ท้องของอสูรตัวกินสมองเพื่อตัดขามะนทันที อสูรตั๊กแตนตำข้าวที่กำลัง
รรึเปล่า"พี่ใหญ่เอ่
เอายังไงกันต่อดีขอรับ..."จื่อหม
รธเกรี้ยว ตลอดชีวิตตั้งแต่มันเกิดมาเกือบร้อยปีนั้นมันไม่เคยบาดเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน เรียกได้ว่าสองพี่น้องตรงหน้าได้ยั่วโทสะของมันอย่างแท้จริงแล้
จับจื่อหมิงเหวี่ยงออกไปด้านข้าง ส่วนตนก็อาศัยการกลิ้งหลบจนสามารถรอดชีวิมาได้ ส่วนจื่อหมิงที่ถูกเหวี่ยงกระเด็
นพัลวันส่วนเสี้ยวสนงก็เคลื่อนตัวหล