วิวาห์พรางรัก
ตอนที่ 9
การเปิดตัวคุณนายแฮมมิลตัน
เทรย์เวอร์ถอนหายใจเบาๆ เมื่อเฟื่องฟ้าตามมาถึงที่ทำงาน เขาไม่รู้ว่าเธอแอบเข้ามาในรถตั้งแต่ตอนไหน มารู้ตัวอีกทีก็เห็นเธอนั่งยิ้มให้เสียแล้ว สาวแสบยืนยันจะรอจนกว่าจะทำงานเสร็จแล้วพาเธอไปลองชุดด้วยกัน
ที่น่าปวดหัวไปกว่านั้นคือการแต่งตัวที่ดูช่างขัดหูขัดตา เฟื่องฟ้าใส่เสื้อเปิดไหล่สีขาวปักลายดอกไม้เล็กๆ ตรงหน้าอกกับกางเกงยีนส์สีซีดขาสั้นแถมยังขาดในหลายจุด สวมรองเท้าผ้าใบเสริมส้นสีขาว
ถึงจะรู้ว่าเป็นแฟชั่นแต่เขาไม่ชอบเอาเสียเลยไม่ชอบให้เธอเปิดเผยเนื้อหนังมังสามากจนเกินไป ชุดที่ใส่นั้นทำให้เห็นผิวเนียนสวยที่ไร้ตำหนิใดทั้งสิ้น และเห็นขาที่เรียวสวยอีกต่างหาก
“ผมคิดว่าการนั่งรอมันจะทำให้คุณเสียเวลา”
“ไม่เลยค่ะ” เฟื่องฟ้าละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่ และตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“คุณจะให้ผมพาคุณไปให้ได้สินะ” ให้ตายเถอะ ไม่มีใครดื้อเท่าเธออีกแล้ว
“ผมถามอะไรหน่อย หนังสือที่คุณอ่านเมื่อคืนรู้เรื่องไหม ท่าทางคุณไม่น่าจะชอบอ่านหนังสือแนวนี้”
“คุณคิดว่าฉันจะอ่านแต่หนังสือแฟชั่นสินะ หรือไม่ก็ไม่อ่านอะไรเลย”
“คงงั้นมั้ง” คนถามยักไหล่เบาๆ
“หนังสือ The Interpretation of Dreams เป็นการปฏิวัติความคิดอ่าน ความเข้าใจที่มนุษย์มีต่อตัวเองและธรรมชาติ มันเหมือนเป็นเรื่องทันสมัย แต่มันก็ล้าสมัยที่สุดในเวลาเดียวกัน อ่านแล้วสนุกดี” เฟื่องฟ้าพูดด้วยท่าทีที่เป็นการเป็นงานมากขึ้น
“คุณเรียนจบทางด้านไหนมา” เฟื่องฟ้าประชดเล็กน้อย
“ผมรู้แค่เรื่องพฤติกรรมของคุณ ไม่ได้สืบเรื่องอื่น”
“นั่นไง ยอมรับออกมาแล้วว่าคุณสืบเรื่องของฉัน” เฟื่องฟ้ายิ้มเมื่อเขาตกหลุมพรางที่ดักรอเอาไว้
“มันไม่ใช่เรื่องผิด ผมควรจะต้องรู้ที่มาที่ไปของคนที่จะแต่งงานด้วย ทีนี้เลิกพูดเล่นและตอบคำถามผมได้แล้ว คุณเรียนจบอะไรมา” แม้จะรู้ว่าตกหลุมพราง แต่เทรย์เวอร์ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่ในใจเริ่มรู้สึกว่าเฟื่องฟ้าฉลาดไม่น้อย
“จิตวิทยาคลินิกและชุมชน ตอนเรียนปริญญาตรี จากนั้นก็มาเรียนต่อด้านธุรกิจจัดเลี้ยงที่นิวซีแลนด์ แล้วก็กลับไปทำธุรกิจแล้วเจ๊ง ก็มีแค่นี้”
“เดี๋ยวนะ มันไม่เห็นจะเข้ากันเลยกับวิชาที่คุณเรียนมาตอนปริญญาตรี”
“ตอนนั้นที่เลือกเรียนเพราะอยากประชดพ่อ พ่ออยากให้เรียนบัญชีหรือไม่ก็บริหาร แต่ฉันไม่ต้องการทำตามเลยเลือกเรียนด้านจิตวิทยา พอเรียนไปก็ชอบ ชอบมากด้วยนะ คิดจะไปทำงานที่โรงพยาบาลแบบจริงจัง แต่พอพ่อกับเมียใหม่สนับสนุนก็เลยเปลี่ยนใจ”
“เด็กมีปัญหา” เขาแกล้งว่า
“ก็ไม่เชิง แค่ชอบทำอะไรที่ขัดใจคนเท่านั้น สนุกดี” คนพูดไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ทั้งสิ้น
“คุณก็เลยทำทุกอย่างที่ผมไม่ต้องการและไม่ชอบงั้นสิ”
“ฉันว่าคุณน่าจะสืบเรื่องของฉันให้มากกว่านี้เสียหน่อยะ รู้แค่เรื่องความลั้นลาของฉันด้านเดียวไม่สนุกหรอก ฉันมีอีกหลายด้านที่ทำให้คุณประหลาดใจได้” เฟื่องฟ้ายิ้มยั่ว
“แค่ด้านเดียวก็พอจะรู้แล้วว่า คุณเป็นคนแบบไหน”
“มันก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดเสมอไป คุณไม่คิดบ้างหรือว่าบางทีฉันอาจจะเป็นผู้หญิงขี้อายก็ได้”
“ถ้าคุณขี้อายจริงๆ คุณคงไม่พยายามยั่วยวนผมแบบที่ทำทุกวันนี้หรอก”
“แหม คุณนี่หาเรื่องต่อว่าฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ นิสัยคุณกับนกที่คุณเลี้ยงช่างเหมือนกันจริงๆ จิกกัดได้ตลอดเวลา ว่าแต่คุณจะชวนคุยอีกนานไหม ทำงานให้เสร็จแล้วเราจะได้ไปกันเสียที” เฟื่องฟ้าเร่งให้เขาทำงานเพื่อที่จะได้ไปลองชุด
“คุณนี่เปลี่ยนเรื่องได้ตลอดเวลาจริงๆ นะ”
“ฉันแค่ไม่อยากถูกคุณหลอกด่าอีกก็เท่านั้น ทำงานของคุณเถอะ ส่วนฉันจะนั่งอ่านหนังสือรอ” เธอตัดบทและก้มหน้าอ่านหนังสือทันที ส่วนเขาก็ก้มหน้าทำงานต่อเงียบๆ เช่นกัน
เฟื่องฟ้าเดินเข้ามาในห้องพักที่อยู่ด้านหลังห้องทำงานของสามี มองและสังเกตอยู่เงียบๆ มันเป็นห้องชุดขนาดใหญ่ที่มีพร้อม ไม่ว่าจะเป็นครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ห้องออกกำลังกายก็มีอยู่ในนี้
“ทำไมไม่บอกแต่แรกว่าคุณมีห้องพักอยู่ด้วย ฉันจะได้ไม่ต้องไปนั่งรอที่ห้องทำงาน” สาวแสบหันมาถามหลังจากเดินสำรวจรอบๆ แล้ว
“ถ้าทำแบบนั้นคุณจะรอด้วยความสบายมากจนเกินไป ในเมื่อคุณอยากตามผมมา ผมก็ต้องให้คุณรู้ว่าผมทำงานอย่างไร” เขาตอบพร้อมทั้งเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร
“ผมสั่งอาหารไว้ เดี๋ยวเขาคงเอาเข้ามาให้ นั่งสิ”
“ฉันคิดว่าคุณจะทำให้กินเสียอีก”
“ผมทำไม่เป็น”
“แต่ฉันทำเป็นนะ อยากลองไหม”
“ท่าทางคุณไม่น่าจะทำเป็น”
“อย่าดูถูกฉันเชียว เห็นฉันแบบนี้ก็มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนอยู่บ้างนะ”
“ถ้าคุณพูดจาดีๆ ด้วยก็จะดีมาก”
“ฉันแค่พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเท่านั้น ว่าแต่วันนี้คุณสั่งอะไร หวังว่าคงไม่ใช่แบบมื้อค่ำที่เราเจอกันวันแรกหรอกนะ”
“คุณหมายถึงฮักกิสเหรอ”
“ใช่ มันอร่อยก็จริง แต่พอรู้ว่าทำมาจากอะไรก็กินไม่ลง”
“ผมคิดว่าคุณชอบ เพราะวันนั้นคุณกินหมด”
“ก็ตอนนั้นไม่รู้นี่ว่ามันทำมาจากอะไร ถ้ารู้ฉันคงไม่กินมันแน่”
“คุณวางใจได้ วันนี้เป็นอาหารอิตาเลี่ยนง่ายๆ เท่านั้น” เขาพูดจบได้ไม่นาน อาหารก็ถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะทันที
“กินกันแค่สองคน ทำไมสั่งเยอะจังคะ” เฟื่องฟ้ามองอาหารที่วางเต็มโต๊ะคงกินสองคนไม่หมดแน่
“ผมชอบอะไรที่มันหลากหลาย”
“แล้วคุณฌอนกับคุณสตีเฟ่นล่ะ เขาไม่มากินกับเราเหรอ” เธอคิดว่าถ้ามีสองคนนั้นมาช่วยน่าจะกินหมด
“ไม่ สองคนนั้นไม่ชอบอาหารอิตาเลี่ยน และป่านนี้พวกเขาคงหาอะไรกินแล้ว” ว่าแล้วเทรย์เวอร์ก็ลงมือรับประทานอาหารทันที
สายตาของผู้ชายอื่นที่มองเฟื่องฟ้าทำให้เทรย์เวอร์ไม่พอใจ เพราะแม่เจ้าประคุณเล่นแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้เหลือเกิน
“ขอร้องนะ คราวหลังถ้าจะออกจากบ้านช่วยแต่งตัวให้มันสุภาพกว่านี้หน่อย ตั้งแต่คุณเข้ามาที่บริษัทจนมาถึงตอนนี้ มีสายตาหลายคู่มองมาทางคุณและผมไม่ชอบ”
“หึงเหรอคะ” สาวแสบย้อนถามหน้าเป็น
“อายต่างหากที่มีเมียแต่งตัวไม่รู้จักกาลเทศะ” เทรย์เวอร์ต่อว่าหนักขึ้นไปอีก
“อายทำไมคะ หรือคุณว่าไม่สวย”
“สวย แต่มันไม่ใช่ชุดที่จะใส่ออกนอกบ้าน”
“จริงๆ แล้วฉันจะสวยกว่านี้ถ้าไม่ใส่อะไรเลย” เฟื่องฟ้ายั่วโมโหเข้าไปอีก
“ให้ตายสิ เฟื่องฟ้า ทำไมคุณถึงเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจแบบนี้นะ เข้าไปลองชุดซะก่อนที่ผมจะหมดความอดทนกับคำพูดของคุณ” ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด ส่วนคนที่ถูกดุนั้นยิ้มระรื่น
การลองชุดเป็นไปด้วยความราบรื่น เฟื่องฟ้าไม่ออกไปให้เขาดูว่าใส่แล้วเป็นเช่นไร เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินออกมาหาสามีที่ตอนนี้กำลังคุยโทรศัพท์สั่งงานอยู่ ไว้วันงานจะตะลึงว่าเธอสวยแค่ไหน
เทรย์เวอร์ยืนนิ่งราวกับถูกมนต์สะกดเมื่อศรีภรรยาก้าวลงมาจากด้านบน วันนี้เฟื่องฟ้าแต่งหน้าโทนหวาน แต่แฝงด้วยความเซ็กซี่และเปรี้ยวจี๊ดด้วยการทาลิปสติกสีแดง ทรงผมที่ยาวสลวยถูกจัดแต่งอย่างบรรจง ยิ่งทำให้สวยจับใจจนไม่อยากที่จะละสายตา ปกติตอนที่ใส่ชุดอยู่บ้านธรรมดาเธอก็สวยมากอยู่แล้ว แต่วันนี้พอแต่งตัวแบบจัดเต็มยิ่งดูสวยมากเข้าไปอีก
“ยื่นมือมา” เขาออกคำสั่งแต่น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง
“ทำไมคะ”
“ทำตามที่ผมบอก ยื่นมือมาแล้วคุณจะรู้เอง”
สาวแสบมองหน้าเขาอย่างชั่งใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตาม สิ่งที่เขาทำคือบรรจงสวมกำไลเพชรรูปดอกไม้ให้ เฟื่องฟ้ามองการกระทำของสามีด้วยความแปลกใจแต่ก็รู้สึกดี เทรย์เวอร์จับมือซ้ายที่เพิ่งสวมกำไลให้เมื่อสักครู่ต่อยังไม่ยอมปล่อย ดวงตาสีเข้มสบตาคู่หวานปานหยดน้ำผึ้งนิ่งและค่อยๆ สวมบางสิ่งลงไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
“นี่มัน” เฟื่องฟ้าแปลกใจเมื่อเห็นสิ่งนั้น
“แหวนเพชรสีชมพู มันเป็นเพชรที่หายากและแพงมาก” เขาบรรยายถึงมูลค่าของมัน
“คุณเอาของแบบนี้มาให้ฉันทำไมคะ ไม่กลัวว่าฉันจะทำหายเหรอ”
“ตั้งแต่แต่งงานกันมาผมไม่ได้ให้อะไรคุณเลย เราไม่เคยมีการแลกแหวนแต่งงานกัน การให้แหวนวงนี้กับคุณก็สมควรแล้ว” ดูเหมือนว่าวันนี้เทรย์เวอร์จะใจดีเป็นพิเศษ
“แต่ราคามันสูงมาก”
“เพราะราคาที่สูง มันอาจจะทำให้คุณตระหนักได้ว่าควรทำตัวให้เหมาะสมกับมูลค่าของมัน” เฟื่องฟ้าเม้มปากเล็กน้อย เกือบจะดีอยู่แล้วเชียวพ่อคุณ
“ฉันเองก็มีแหวนจะให้คุณนะคะ” พูดจบเฟื่องฟ้าก็เปิดกระเป๋าถือของตัวเองออก
“มันเป็นแหวนแต่งงานที่แม่ของฉันให้พ่อ เท่าที่รู้แม่ซื้อมันตอนที่ยังไม่มีเงินมากนัก แต่มันเป็นแหวนที่มีคุณค่าทางจิตใจของฉันมาก พ่อให้ฉันตอนที่ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และฉันก็เก็บมันติดตัวตลอดเวลา ฉันจะสวมมันให้คุณนะ”
เฟื่องฟ้าเอื้อมมือไปจับมือของเขาและสวมแหวนนั้นใส่ไปที่นิ้วนางข้างซ้าย แต่มันใส่ไม่ได้เพราะแหวนวงเล็กจนเกินไป เธอเลยเปลี่ยนไปใส่ที่นิ้วก้อยของเขาแทน เทรย์เวอร์มองการกระทำของภรรยาด้วยความพอใจ
“มันอาจจะราคาไม่มากเท่ากับแหวนเพชรที่คุณให้ฉัน แต่ของบางอย่างมันมีค่าทางใจ และมันจะทำให้คุณตระหนักอยู่เสมอว่า คุณได้ผู้หญิงที่ราคาไม่แพงมาเป็นภรรยา” เฟื่องฟ้ายิ้มหวานให้เขา
“คุณนี่มันช่างประชดประชันเป็นที่หนึ่ง” เทรย์เวอร์รู้ความหมายของคำพูดเธอดี
“เหมือนกับคุณไงคะ” สาวน้อยย้อนกลับทันควัน
“คุณควรจะเรียนรู้ที่จะสงบปากสงบคำมากกว่านี้”
“เช่นเดียวกันกับคุณที่จะต้องเรียนรู้เรื่องของการเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าที่เป็นอยู่ อย่างน้อยก็ไม่ควรจะจิกกัดสุภาพสตรีไร้ทางสู้แบบฉัน”
“คุณไม่ใช่สุภาพสตรีที่ไร้ทางสู้ แต่คุณเป็นผู้หญิงพูดมาก”
“ถือว่าเป็นคำชมนะคะ”
“ผมไม่อยากเถียงกับคุณ เราควรจะออกเดินทางไปกันได้แล้วในตอนนี้” เทรย์เวอร์ตัดบทเพราะไม่อยากทะเลาะด้วยอีก ในขณะที่เฟื่องฟ้ายิ้มอย่างผู้ชนะ อย่างน้อยก็เอาคืนได้ครั้งหนึ่งละ
การเปิดตัวเฟื่องฟ้าในคืนนี้ได้รับความสนใจจากแขกที่มาร่วมงานมาก เนื่องจากเขาเป็นนายกสมาคมของธุรกิจด้านพลังงาน ดังนั้นใครก็ตามที่เข้ามาเป็นคุณนายแฮมมิลตันย่อมต้องได้รับความสนใจมากตามไปด้วย ความน่ารัก สดใส และเฉลียวฉลาดในการพูด
บวกกับความรู้ที่เธอสามารถตอบหรือพูดคุยกับบรรดานักธุรกิจคนอื่นๆ ได้ ทำให้เฟื่องฟ้าได้รับการชื่นชม แต่ก็มีสายตาของบรรดาภรรยานักธุรกิจหลายคน ที่เหมือนจะหมั่นไส้ในความสวยและฉลาดมากเกินไปของเธอ
“คุณได้ผู้หญิงที่เพียบพร้อมมากมาเป็นภรรยาเลยนะครับ เธอสวย ฉลาด และมีความรู้ บุคลิกและมารยาทก็เป็นเลิศ ไม่มีที่ติเลยสักนิดเดียวสำหรับคุณนายแฮมมิลตัน” แขกที่มาร่วมงานคนหนึ่งกล่าวชมเฟื่องฟ้าจากใจจริงกับเทรย์เวอร์
“ขอบคุณครับ” เทรย์เวอร์เอ่ยคำขอบคุณตามมารยาท
ถึงจะมีเสียงชื่นชมมากแค่ไหน แต่ก็มีเสียงติมาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเปรี้ยวเกินไป เป็นผู้หญิงเอเชีย ท่าทางดูจัดจ้าน แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบและมองคนที่กำลังนินทาภรรยาของตัวเองด้วยสายตา อำมหิต
ซึ่งมันก็ได้ผล บรรดาคนที่นินทาหยุดคำพูดของตัวเองทันที เป็นที่รู้กันดีว่าไม่ควรทำให้ผู้ชายตาสีไวโอเลตคนนี้โกรธ เพราะมันจะไม่ส่งผลดีต่อตนเองในอนาคต