แสนร้าย แสนรัก
ผู้เขียน:Adolf Dunne
หมวดหมู่โรแมนติก
แสนร้าย แสนรัก
เมื่อเฉียนเฉียนได้ยินคำพูดนั้น เธอก็โกรธมาก เธอกำมือแน่นจนเล็บของเธอจิกลงบนฝ่ามือ จากนั้น เธอก็ง้างมือขึ้น แล้วเหวี่ยงไปที่ใบหน้าด้านขวาของชิงซู
เพียะ!
เธอตบหน้าของชิงซูอย่างเสียงดังฟังชัด
เลือดไหลออกมาจากมุมปากของชิงซูในทันที ดังนั้น จึงสามารถจินตนาการได้ว่า เฉียนเฉียนจะต้องออกแรงเพื่อตบเธอมากเพียงใด
เฉินเฉียนเฉียนกัดฟัน และสั่งคนใช้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป “พวกเธอสองคนยกเธอขึ้นมาสิ!”
เมื่อเห็นว่า ชิงซูถูกตบเช่นไร เหล่าคนใช้จึงไม่กล้ารอช้า พวกเขารีบเข้าไปยกตัวเธอขึ้นมา โดยที่คนหนึ่งคว้าเเขนของเธอ และอีกคนหนึ่งคอยจับเธอรั้งเอาไว้
ดวงตาของเฉียนเฉียนขุ่นมัว เธอเข้าไปบีบคางของชิงซูไว้ และบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น
รอยถูกตบบนใบหน้าด้านขวาของชิงซูยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน มันกลายเป็นสีแดง และบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เฉียนเฉียนง้างมือขึ้นอีกครั้ง และพูดอย่างโกรธเคืองว่า
“เธอปากดีนักไม่ใช่เหรอ? พูดต่อสิ! ”
“เฉินเฉียนเฉียน เธอรู้ไหมว่า คติประจำชีวิตของฉันคืออะไร?” ชิงซูถุยเลือดออกมาจากปาก และพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
“ถ้าใครมาล่วงเกินฉัน ฉันจะให้คนนั้นชดใช้คืนเป็นสิบเท่า” ชิงซูยิ้มเยาะ “ดังนั้น ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่า เธอจะหนีไปจนสุดขอบโลก หนี้แค้นในวันนี้ ฉันจะต้องให้เธอชดใช้มันด้วยครึ่งชีวิตของเธอ”
เฉียนเฉียนถูกสายตาของเธอจ้องมองมาอย่างเอาจริงเอาจัง เธอเลยเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นาน เธอก็กลับมามีสติขึ้นอีกครั้ง พลางกัดฟันแน่น และพูดไปว่า
“ชิงซู เธออย่ามาขู่ให้ฉันกลัวด้วยคำพูดเหล่านี้เลย! เธอคิดว่า ฉันจะกลัวไอ้เศษสวะที่ไร้ค่าอย่างเธอหรือไง! ”
พูดจบ เธอก็ตบไปที่ใบหน้าของชิงซูหลายต่อหลายครั้ง และไม่นาน ใบหน้าของชิงซูก็บวมขึ้นมากไปอีก
หลังจากตบเธอไปหลายครั้ง ในที่สุด เฉินเฉียนเฉียนจึงรู้สึกพอหายโกรธ เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง แล้วพูดกับคนใช้ว่า “เมื่อกี้ที่คุณซือซั่วสั่ง พวกเธอได้ยินกันแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ นายน้อยบอกว่า ให้พวกเราถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมด แล้วไล่เธอออกไป” คนรับใช้หลับตาลง แล้วพูดทวนสิ่งที่ซือซั่วพูด
เฉินเฉียนเฉียนลูบข้อมือที่เจ็บของเธอ ความพึงพอใจก็ปรากฏอยู่ที่ริมฝีปาก และเธอก็เดินจากไป
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง และชิงซูก็ถูกคนใช้จับถอดเสื้อผ้าออกหมด จนเหลือเพียงชุดชั้นในผ้าไหมเพียงชุดเดียวที่ติดตัวมากับเธอ มันแทบจะป้องกันอากาศที่หนาวเย็นไม่ได้เลย
ชิงซูทำได้เพียงก้มศีรษะ และหลับตาลง ในเมื่อเธอไม่สามารถต่อสู้อะไรได้อีก ดังนั้นเธอจึงหยุดดิ้นรน และปล่อยให้คนใช้เหล่านั้นจัดการกับเธอ เธอรู้ดีว่า การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
คนใช้ต่างช่วยพยุงเธอไว้ทั้งสองฝั่ง แล้วพาเธอเดินไปที่ประตู เพราะถึงยังไง เธอก็คือ ผู้หญิงของนายน้อยของพวกเขา ดังนั้น ถึงแม้ว่า คนใช้จะเกลียดชังเธอมากแค่ไหน พวกเขาก็ยังช่วยพยุงเธอออกไป และทิ้งเธอไว้ ระหว่างทาง นอกจากสาวใช้สองคนที่คอยพยุงเธอก่อนหน้านั้นแล้ว เธอก็ไม่เห็นใครเข้ามาช่วยเธออีกเลย
ในขณะเดียวกันนั้น แม่บ้านก็เคาะประตูห้องหนังสือ จากนั้นเสียงทุ้มของซือซั่วก็ดังขึ้นมาจากข้างใน
“เข้ามา”
ได้ยินดังนั้น แม่บ้านก็ผลักประตู และเดินเข้าไปข้างใน “นายน้อย ตอนนี้คุณผู้หญิง...คุณชิงซูได้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดทิ้งตามที่คุณสั่งแล้ว”
ซือซั่วมองดูเอกสารสัญญาในมือ โดยไม่มองขึ้นไป และพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอไม่ได้พูดอะไรเหรอ?”
“ไม่ค่ะ” แม่บ้านก้มศีรษะลง แล้วตอบ
ซือซั่วถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา และเมื่อนึกถึงสิ่งที่ชิงซูพูด ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็ขุ่นเคืองด้วยความโกรธ จากนั้น เขาก็ปิดแฟ้มเอกสาร และออกคำสั่ง
“ไปบอกพวกเขาว่า ทิ้งนังผู้หญิงคนนั้นไว้ไกล ๆ หน่อย และอย่ามาทำให้ประตูบ้านต้องแปดเปื้อน”
เมื่อได้ยินดังนั้น แม่บ้านก็สะดุ้งตกใจ และตอบออกไปทันที “ค่ะ”
......
ทางใต้ของเมือง ณ ห้องใต้ดินคับแคบ
“อย่านะ!” ชิงซูตกใจตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอลุกขึ้นนั่ง และพยายามหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้น มองไปโดยรอบด้วยความหวาดกลัว
ประตูห้องนอนถูกผลักเปิดออกจากด้านนอก และเมื่อเห็นชิงซูตื่นขึ้น เขาก็วางยาจีนที่เพิ่งต้มมา และเดินไปที่เตียง
“คุณชิงซู คุณตื่นแล้ว” เขาดูเป็นกังวล
ชิงซูมองดูเขาอย่างระมัดระวัง และไม่ช้า เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว จากนั้น เธอก็ขมวดคิ้ว และพยายามครุ่นคิด เธอเพียงรู้สึกว่า คนตรงหน้าเธอนั้นช่างรู้สึกคุ้นเคย แต่เธอกลับจำไม่ได้ว่า คนคนนี้เป็นใคร
เธอก้มลงมองร่างกายของตัวเอง เธอจำได้ว่า ก่อนหน้านี้ เธอถูกเปลื้องผ้า และถูกไล่ออกมาจากตระกูลจ่านตอนหมดสติ แต่ในขณะนี้ เธอกลับสวมชุดเดรสลายดอกไม้ และปรากฏตัวขึ้นที่นี่
“คุณเป็นใคร?” ซิงซูถามขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง ด้วยท่าทีวิตกอย่างมาก
“คุณชิงซูเคยเจอฉันแล้ว แต่ว่า มันเป็นตอนที่คุณยังเด็กมาก ดังนั้น ที่คุณจำฉันไม่ได้ มันก็ถือว่า เป็นเรื่องปกติ นามสกุลของฉันคือ ยี่ และฉันเป็นทนายส่วนตัวของคุณแม่ของคุณ ตลอดช่วงเวลาที่เธอยังมีชีวิตอยู่” ทนายยี่ยิ้ม
ทนายยี่? ทนายของแม่งั้นเหรอ?
เขาดูเหมือนคนที่เธอรู้จัก ชิงซูพยายามครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะถามเขาว่า “คุณ... ช่วยฉันไว้เหรอ? ”
“ใช่ ตอนที่ฉันโทรไปหาคุณ มีคนรับโทรศัพท์ และบอกฉันว่า คุณเป็นลม แต่คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันไม่เห็นอะไรเลย เพราะผู้คนแถวนั้นได้นำเสื้อมาคลุมคุณเอาไว้ และฉันก็แค่อุ้มคุณขึ้นรถ และพากลับไปก็เท่านั้น” ทนายยี่อธิบาย
“แล้วเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวของฉันล่ะ?”
“อ้อ ฉันขอให้คุณยายที่อาศัยอยู่บ้านข้าง ๆ มาเปลี่ยนเสื้อให้คุณ”
ได้ยินดังนั้น ชิงซูก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่คิ้วของเธอก็ยังคงขมวดติดกันอยู่ “คุณบอกว่า คุณโทรหาฉัน มันเกิดอะไรขึ้น?”
แม่ของชิงซูเสียชีวิต ตอนที่เธออายุได้เพียงสิบสามปี และถึงแม้ว่า ทนายยี่ จะเป็นคนรู้จักเก่าของแม่ของเธอ แต่กระนั้น เธอก็ไม่เคยพบเจอกับเขามานานหลายปีแล้ว แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้ มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง
ทนายยี่ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป แต่ไม่นาน เขาก็เดินกลับมา พร้อมกับเอกสารในมือ แล้วยื่นให้เธอ
“นี่คือ พินัยกรรมของคุณแม่คุณ” เขาพูด
“พินัยกรรมงั้นเหรอ?” แววตาของชิงซูเบิกกว้างขึ้นด้วยความสงสัย เพราะถ้าหากเธอจำไม่ผิด แม่ของเธอได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน และไม่มีเวลาได้ทำพินัยกรรมใด ๆ
มิฉะนั้น พ่อของเธอกับเมียน้อยของเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขนาดนั้นได้อย่างไร
“ใช่ คุณแม่ของคุณมอบหมายให้ฉันเป็นพยานในการทำพินัยกรรมในครั้งนี้ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต และกำหนดให้เปิดมันเผยต่อสาธารณะ และส่งมอบให้กับคุณ ในวันเกิดปีที่ยี่สิบสี่ของคุณ”
หลังจากได้ฟังทนายยี่พูดดังนั้น ชิงซูก็นึกขึ้นได้ว่า วันที่เธอหย่ากับจ่านซือซั่ว วันนั้นเป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบสี่ปีของเธอพอดี
“สิ่งนี้ระบุว่า คุณแม่ของคุณได้มอบทรัพย์สินที่อยู่ในนามของเธอทั้งหมดให้กับคุณ รวมถึงส่วนการถือหุ้น 15% ของตระกูลยู และวิลล่าที่เธออาศัยอยู่ตลอดช่วงชีวิตของเธอ” ทนายยี่พูดต่อ
ชิงซูหันไปจ้องมองที่เอกสาร และก็พบกับลายมือเขียนที่ลงชื่อไว้ว่า “ยูหวานชิง” ที่คอลัมน์ลายเซ็นด้านล่างขวาของเอกสารหน้าสุดท้าย
“ทนายยี่ ฉันอยู่ในอาการโคม่ามากี่วันแล้ว?” ชิงซูหรี่ตาลงเล็กน้อย และถาม
“สามวัน”
ชิงซูปิดแฟ้มพินันกรรม และลุกขึ้นจากเตียง ด้วยดวงตาเย็นชาของเธอ เธอกล่าวว่า “พวกเขามีวันเวลาอย่างสงบสุขไปตั้งสามวัน แค่นี้มันก็พอสำหรับพวกเขาแล้ว”
เมื่อพูดจบ เธอก็ก้าวออกไปจากห้องทันที
เห็นดังนั้น ทนายยี่จึงรีบถามขึ้นมาว่า “คุณชิงซู คุณกำลังจะไปไหน?”
ชิงซูเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู แล้วหันมาเหลือบมองไปที่พินัยกรรมที่เธอถืออยู่ในมือ พลางเลิกคิ้ว และกระตุกริมฝีปากบางขึ้น
“ไปไหนงั้นเหรอ? แน่นอนว่า ต้องกลับบ้านไปจัดการพวกขยะ และลูกสาวของพวกเขานะสิ” เมื่อชิงซูพูดจบ เธอก็ผลักประตูเปิด และก้าวออกไปทันที
เมื่อทนายยี่ได้ยินสิ่งที่ชิงซูพูด เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่า เขาเห็นเข้ากับยูหวานชิงครั้งยังมีชีวิตอยู่ คนที่มีความกระตือรือร้นและความมั่นใจ
เมื่อเห็นชิงซูเริ่มเดินออกไปไกล ทนายยี่จึงรีบสวมเสื้อสูท และเดินตามเธอไปเช่นกัน
......
ทางเหนือของเมือง ณ ริเวอร์ไซด์วิลล่าของตระกูล ยู
ชิงซูและทนายยี่ยืนอยู่หน้าประตู และพยายามกดกริ่งที่หน้าประตูหลายสิบครั้ง ราวกับมีเรื่องรีบร้อนอย่างไรอย่างนั้น
ไม่นาน แม่บ้านก็วิ่งเหยาะ ๆ ออกมา และตะโกนว่า “มาแล้ว มาแล้ว ใครมากัน! กดกริ่งตั้งหลายที น่ารำคาญ!”
เมื่อสิ้นเสียง แม่บ้านก็รีบมาเปิดประตูทางด้านข้าง และมองไปยังบุคคลที่มาเยือน ด้วยสีหน้างุนงง และเมื่อเห็นเข้ากับคนที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ต้องตกตะลึงทันที
ชิงซูเม้มปาก และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฉันมาที่นี่ เพื่อมาเอาชีวิตของพวกแก”
“คุณ คุณ คุณ……” ใบหน้าของแม่บ้านเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธอตัวแข็งทื่อ เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากตัวของชิงซู