แสนร้าย แสนรัก
ผู้เขียน:Adolf Dunne
หมวดหมู่โรแมนติก
แสนร้าย แสนรัก
“น้าหลิว ทำไมเหรอ? ไม่ได้เจอฉันนาน เลยไม่รู้ว่า ฉันเป็นใครแล้วเหรอ?” ชิงซูพูดด้วยใบหน้าเย็นชา
น้าหลิวกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ และไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่เพิ่มขึ้นมาจากฝ่าเท้าของเธอ
เธอขยับริมฝีปาก แล้วเริ่มพูดว่า “คุณหนู คุณกลับมาแล้ว”
ชิงซูก้าวไปข้างหน้า “ฉันกลับมาแล้ว และฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้วทั้งนั้น น้าหลิวเตรียมทำความสะอาดห้องนอนของฉันไว้ได้เลย”
น้าหลิวหรี่ตาลง และเม้มปากแน่น เธอไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ห้องนอนเหรอ? ที่นี่ยังมีห้องนอนของชิงซูอยู่อีกได้อย่างไร ห้องนอนที่เคยเป็นของเธอถูกเฉียนเฉียนยึดครองมาตั้งนานแล้ว
น้าหลิวไม่กล้าพูดออกไปตรง ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงไม่ลังเลใจ แต่ในตอนนี้ออร่าของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นคนละคน มันเปลี่ยนไปจนน่ากลัวมาก
“ใครอยู่ที่บ้าน?” ชิงซูเงยหน้าขึ้นมองดู ในสองปีที่ผ่านมานี้ การตกแต่งสวนไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด และต้นไม้ใบหญ้าที่นั่นก็ยังคงเป็นแบบเดิม
“คุณท่าน คุณผู้หญิงและคุณหนูรอง อยู่บ้านกันหมดค่ะ” น้าหลิวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ดีเลย อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพอดี ประหยัดเวลาได้เยอะเลย” ชิงซูยิ้มยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้น เธอก็เดินผ่านสวนหน้าบ้าน และเดินตรงเข้าไปในบ้านทันที
ภายในห้องนั่งเล่น
“แม่คะ แม่ว่า หนูใส่สร้อยเส้นนี้สวยกว่าหรือว่า สร้อยเส้นเมื่อกี้สวยกว่าเหรอ?” เฉียนเฉียนถือสร้อยในมือเส้นหนึ่ง และสวมสร้อยบนคออีกเส้นหนึ่ง แล้วถาม
“เด็กโง่ สร้อยเส้นเมื้อกี้แพงกว่า ถ้าลูกอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงกับคุณซือซั่ว แน่นอนว่า ยิ่งใส่แพงมากเท่าไรก็ยิ่งดีมากเท่านั้น” ในขณะที่พูด หญิงวัยกลางคนก็หยิบสร้อยเพชรสีน้ำเงินที่อยู่บนกลางโต๊ะขึ้นมา สร้อยคอที่เธอหยิบขึ้นมามีราคาแพงกว่า และดูประณีตกว่าสร้อยคอในมือของเฉียนเฉียน เธอหยิบมันขึ้นมาสวมให้เธอ
เฉินเฉียนเฉียนมองตาลง และลูบไล้เพชรสีน้ำเงินที่เป็นประกายระยิบระยับ เธอไม่สามารถที่จะหุบยิ้มของเธอได้เลย
เธอวางมือลง และเดินไปที่อีกด้านของโซฟา แล้วนั่งลงข้าง ๆ ชายวัยกลางคน จากนั้นก็เริ่มคว้าแขนของเขาขึ้นมาจับไว้อย่างกระตือรือร้น
“คุณพ่อดูนี่สิ มันสวยไหม?” ดวงตาคู่สวยของเฉียนเฉียนกระพริบ และถาม
เห็นดังนั้น ไห่เฉิงก็ขมวดคิ้ว และเขาก็ยกมือขึ้นมาลูบที่ศีรษะของเธอ “ลูกสาวของฉันสวยที่สุดในโลก ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ออกมาสวยทั้งนั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉียนเฉียนก็ขมวดคิ้ว และพูดแซวว่า “พ่อคะ ถ้าแม่ได้ยินที่พ่อพูดว่า หนูสวยที่สุด เดี๋ยวแม่จะหึงเอาได้นะ”
หม่านหลันก็ยิ้มออกมา และพูดว่า “ฉันไปหึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เด็กคนนี้ช่างรู้จักแกล้งฉันจริง ๆ ”
เมื่อไห่เฉิงได้ยินดังนี้ เขาก็จับมือของหม่านหลันไว้ และหัวเราะออกมา “เธอและแม่ของเธอ ในสายตาของฉัน พวกเธอทั้งสองต่างสวยที่สุดในโลก”
เฉียนเฉียนเอนศีรษะลงบนไหล่ของเขา และยิ้ม หม่านหลันเองก็หรี่ตาลงอย่างเขินอาย
แปะ แปะ แปะ!
ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมา และทั้งสามคนที่กำลังมีความสุขอยู่ต่างก็ตกใจ และหันมองไปทางประตูด้วยสายตาเดียวกัน
ชิงซูเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้ววางมือลง “ช่างเป็นครอบครัวที่มีความสุขเสียจริง ๆ เห็นแล้วฉันประทับใจมาก ทนายยี่ แล้วคุณล่ะ รู้สึกประทับใจบ้างไหม?”
ในระหว่างทางที่มาที่นี่ ทนายยี่เพิ่งได้รู้ว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ชิงซูมีชีวิตที่ไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้ เขาคิดมาเสมอว่า แม้ว่า หวานชิงจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ถึงยังไง ชิงซูก็ยังคงเป็นลูกสาวคนโต และเธอยังได้แต่งงานกับนักธุรกิจโดดเด่นอย่างจ่านซือซั่ว เขาเลยคิดว่า เธอคงจะมีช่วงเวลาที่ไม่แย่นัก
แต่เมื่อเห็นภาพครอบครัวสุขสันต์ที่มีกันแค่สามคนในตอนนี้ ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาในอกของเขา ใบหน้าของเขาแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่ได้พูดอะไรก็ตาม
“ยูชิงซู! เธอมาทำอะไรที่นี่?!” เฉียนเฉียนเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยาาตอบโต้เธอกลับไป และกล่าวตำหนิเธอด้วยความโกรธเคือง
ชิงซูหัวเราะเยาะ และเดินไปนั่งลงที่โซฟาด้วยท่าสบาย ๆ
ทนายยี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ เมื่อได้ยินกับคำถามที่ไม่ชอบธรรมของเฉียนเฉียน เขาก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“คุณเฉียนเฉียน ที่นี่คือ บ้านของคุณชิงซู เธอสามารถกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ตราบเท่าที่เธอต้องการ”
“แกคิดว่า แกเป็นใคร! ฉันเคยถามแกงั้นเหรอ?” เฉียนเฉียนจ้องไปที่ทนายยี่ และกล่าวตำหนิอย่างไม่พอใจ
ได้ยินดังนั้น ทนายยี่ก็กล่าวอย่างไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือหยิ่งผยองใด ๆ ว่า “ฉันเป็นทนายของคุณชิงซู”
เฉินเฉียนเฉียนพ่นหายใจออกมาอย่างดูถูก “เป็นใครถึงมากล้าเรียกตัวเองว่า เป็นทนาย! ชิงซู มันเป็นเพราะ เธอถูกคุณซือซั่วไล่ออกจากบ้าน และไม่มีที่ไป เธอเลยไปจ้างทนายมาเพื่อที่จะได้กลับไปงั้นเหรอ? เธอหยุดคิดไปได้เลย แล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ! ครอบครัวของเราไม่ต้อนรับเธอ!”
พูดจบ เฉียนเฉียนก็ก้าวไปข้างหน้า และยื่นมือออกไปเพื่อที่จะคว้าแขนของชิงซู และลากเธอออกไป
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่า ชิงซูจะหลบไปด้านข้าง ดังนั้น เธอเลยคว้าเข้ากับความว่างเปล่า และทันใดนั้น เฉียนเฉียนก็รู้สึกเจ็บที่ต้นคอของเธอ เธอจึงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย!” หลังจากสิ้นเสียงร้อง เธอก็ยกมือขึ้นมาจับที่ต้นคอของเธอไว้
ชิงซูยืนข้าง ๆ อย่างผ่อนคลาย พร้อมกับสร้อยคอในมือของเธอ ซึ่งนั่นมันเคยเป็นสร้อยคอที่เฉียนเฉียนเพิ่งสวมใส่ และถ้าหากมองใกล้ ๆ ก็จะสามารถเห็นได้ว่า สายสร้อยเส้นนั้นได้เปื้อนเลือดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ยูชิงซู เธออยากตายเหรอ !” เฉียนเฉียนโกรธจัด เธอง้างมือขึ้น และรีบเดินปรี่เข้าไปหาชิงซูทันที
ชิงซูหรี่ตาลง และมุมริมฝีปากของเธอก็ขดเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย เมื่อเห็นว่า เฉียนเฉียนกำลังจะเข้ามาตบเธอ เธอจึงคว้าข้อมือของเฉียนเฉียนเอาไว้อย่างแม่นยำ จากนั้น เธอทำการเตะเข้าที่เข่าของเฉียนเฉียนทันที พร้อมกับปล่อยมือจากเธอในเวลาเดียวกัน
ตึง!
“โอ๊ย.....” เฉียนเฉียนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยเข่าทั้งสองข้าง แล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เฉียนเฉียน!” หม่านหลันรีบเข้าไปช่วยพยุงเฉียนเฉียนให้ยืนขึ้น เธอไม่คิดว่า นังชิงซูจะกล้าทำแบบนี้
ชิงซูมองไปที่สร้อยคอในมือ และดวงตาของเธอก็หรี่ลงเล็กน้อย “ถ้าฉันจำไม่ผิด สร้อยคอเส้นนี้ควรจะเป็นของฉันใช่ไหม?”
ใบหน้าของเฉียนเฉียนขาวซีด เธอกัดฟันแน่น และพยายามเอื้อมมือไปคว้ามันกลับมา “นี่มันเป็นของฉัน!”
อย่างไรก็ตาม ชิงซูกลับดึงสร้อยคอเส้นนั้นเก็บกลับไป และหันกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง “สร้อยคอเส้นนี้มีมูลค่าหลายสิบล้าน เฉียนเฉียน เธอไม่ได้บอกฉันเหรอว่า เธอไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อเสื้อผ้าแค่หมื่นต้น ๆ และโกหกฉันให้ซื้อให้เธอเหรอ? เธอไปมีเงินมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ”
เมื่อได้ยินดังนี้ ใบหน้าของเฉียนเฉียนก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด “เธอมายุ่งอะไรด้วย! นี่มันเป็นของฉัน! คืนมันมาให้ฉัน ไม่งั้น ฉันจะแจ้งตำรวจ ข้อหาที่เธอขโมยของของฉันไป!”
ชิงซูนั่งไขว้ขา และเอนหลังพิงโซฟา โดยไม่พูดอะไร เธอเพียงจ้องมองไปที่ทั้งสามคนอย่างช้า ๆ
เมื่อมองไปที่เธอ เฉียนเฉียนก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และทันใดนั้น เธอก็นึกถึงประโยคที่ชิงซูกล่าว เมื่อสามวันก่อนได้ว่า “หนี้แค้นของฉันในวันนี้ ฉันจะต้องให้เธอชดใช้มันด้วยครึ่งชีวิตของเธอ” ประโยคนี้มันยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเธอเสมอ
“ไม่เลวนี่ เพชรสีน้ำเงินเป็นของหายาก ดังนั้น เพชรแต่ละเม็ดจึงถูกสลักด้วยเลเซอร์พร้อมหมายเลขพิเศษ เฉียนเฉียน ในเมื่อเธอบอกว่า สร้อยเส้นนี้เป็นของเธอ งั้นเธอก็คงจะรู้หมายเลขพิเศษนี้ใช่ไหม?” ชิงซูหัวเราะเยาะ
เฉียนเฉียนตัวแข็งทื่อ ‘หมายเลขพิเศษงั้นเหรอ? เพชรสีน้ำเงินนี้มีหมายเลขพิเศษด้วยงั้นเหรอ? เธอรู้ได้ยังไงว่า สร้อยคอเส้นนี้ถูกขโมยมาจากกล่องเครื่องประดับที่ชิงซูเก็บไว้ที่บ้าน’
เธอคิดในใจ และในที่สุดก็พูดปฏิเสธออกมา “ใครที่ไหนซื้อสร้อยคอ แล้วจะจำหมายเลขพิเศษได้กัน! ตัวเลขตั้งเยอะ ฉันจำไม่ได้หรอก!”
“อ่อ...เธอจำไม่ได้สินะ” ชิงซูพูดเหยียดเสียงยาวอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้น เธอก็ยิ้มออกมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กลับไปกลั้นยิ้มได้อย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า
“ไม่เป็นไร ในเมื่อเธอเป็นคนซื้อสร้อยเส้นนี้มา งั้นเธอก็คงมีใบรับรอง ซึ่งภายในนั้นน่าจะมีหมายเลขกำกับอยู่ พอถึงเวลาที่ตำรวจมา เธอก็แค่นำมันออกมาให้พวกเขาตรวจดูก็ได้แล้ว”
ได้ยินดังนั้น เฉียนเฉียนก็ตื่นตระหนก เธอขยับริมฝีปากที่สั่นเทาของเธอ แล้วพูดว่า “ฉัน...”
“เธอกำลังอยากบอกว่า ใบรับรองนั้นหายไปแล้วใช่ไหมล่ะ?” ชิงซูเม้มริมฝีปากของเธอ และเมื่อเห็นว่า เฉียนเฉียนกำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงพูดขัดคำพูดของเฉียนเฉียนออกไปตรง ๆ ว่า
“ถ้าทำหายไปแล้วก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงมันก็ยังมีประวัติการซื้อขายอยู่ ให้คุณตำรวจตรวจให้เดี๋ยวเดียวก็น่าจะรู้แล้ว”
ใบหน้าของเฉียนเฉียนบึ้งตึง และเธอก็เม้มริมฝีปากแน่น
ชิงซูรออยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเธอเห็นว่า เฉียนเฉียนเงียบไป เธอจึงก็กระพริบตาและถามอย่างไร้เดียงสาว่า “ทำไมล่ะ? ไหนบอกว่าอยากแจ้งตำรวจมาจับฉันด้วยข้อหาขโมยของไม่ใช่เหรอ? ถ้างั้น เธอก็โทรแจ้งตำรวจเลยสิ”