แสนร้าย แสนรัก
ผู้เขียน:Adolf Dunne
หมวดหมู่โรแมนติก
แสนร้าย แสนรัก
ตำรวจขมวดคิ้ว แล้วหยิบเอกสารในมือขึ้นมาดู และเมื่อเห็นเนื้อหาในนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เมื่อเห็นท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไป หม่านหลันก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบมองเอกสารในมือของตำรวจ และสัญชาตญาณก็บอกกับเธอว่า เอกสารนี้อาจไม่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขา ดวงตาของเธอสั่นไหว และมองไปที่ไห่เฉิง “ไห่เฉิง นี่...”
“ยูชิงซู ฉันให้โอกาสเธอไปแล้ว! จะวุ่นวายไปจนถึงเมื่อไหร่! ไปให้พ้น! ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!” ไห่เฉิงก้าวไปข้างหน้า และกำลังจะลากชิงซูออกไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้จับตัวเธอ เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนก็มายืนขวางอยู่ตรงหน้าเธอไว้
ไห่เฉิงหยุดกระทันหัน
เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของหม่านหลันก็เปลี่ยนไป และเธอก็ยิ้มกว้างออกมา “คุณตำรวจทั้งสองคน นี่คือคนในครอบครัวของเรา.....”
“คุณคือ เฉินไห่เฉิงใช่ไหม?” ตำรวจที่ดูเคร่งขรึมคนหนึ่งถามขึ้นมา
ถึงยังไงเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้น เฉินไห่เฉิงจึงทำได้เพียงระงับความโกรธของเขาเอาไว้ แล้วตอบออกไป “ใช่”
“อดีตภรรยาของคุณชื่ออะไร?”
ไห่เฉิงขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่า จู่ ๆ ตำรวจจะถามคำถามนี้ขึ้นมา เขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “ยูหวานชิง เธอเป็นอดีตภรรยาของฉัน และเธอก็เสียชีวิตไปนานแล้ว”
“เธอเป็นลูกของคุณกับอดีตภรรยาของคุณใช่ไหม?” ตำรวจถามอีกครั้ง
เฉินไห่เฉิงเงยหน้าขึ้นมองตำรวจ เขาสับสนเล็กน้อยว่า พวกเขาจะถามเรื่องเหล่านี้ไปเพื่ออะไร “ใช่”
“ถ้ามันเป็นอย่างนี้นี่ ก็ไม่ผิดครับ” จากนั้น ตำรวจจึงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “พวกคุณจะเป็นคนออกไปเองหรือจะให้เราพาคุณออกไป?”
เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
หม่านหลันรีบก้าวไปข้างหน้าทันที เธอฝืนยิ้ม แล้วพูดว่า “คุณตำรวจ นี่พวกคุณกำลังหมายความว่ายังไง? มันหมายความว่ายังไงที่ให้เราออกไปจากที่นี่? เราอยู่ที่นี่มาตั้งยี่สิบปีแล้ว! พวกคุณมีเหตุผลอะไรถึง.....”
“เหตุผลงั้นเหรอ? เหตุผลก็คือ พวกคุณบุกรุกบ้านของคนอื่นยังไงล่ะ!” ตำรวจตะโกน
“บุกรุกบ้านของคนอื่นงั้นเหรอ?” หม่านหลันหน้าซีดเผือด และหันไปมองไห่เฉิง
เฉินไห่เฉิงไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงขมวดคิ้ว และพูดอย่างมั่นใจว่า “นี่คือ บ้านของฉัน มันจะเป็นการบุกรุกบ้านคนอื่นได้ยังไงกัน!”
“นี่คุณไม่รู้หรือว่า เจ้าของวิลล่าแห่งนี้คือ คุณ ยูชิงซู?” หลังจากพูดจบ เขาก็ยื่นเอกสารมาไว้ตรงหน้าของไห่เฉิง
“มันจะเป็นไปได้ยังไง!” ทันทีที่เฉียนเฉียนได้ยินดังนั้น เธอก็ตะโกนออกมาอย่างไม่เชื่อ แล้วรีบคว้าเอกสารในมือของตำรวจมาดูทันที แต่เธอไม่อยากถูกสายตาที่เย็นชาของอีกฝ่ายมองมา เธอจึงหยุดการกระทำนั้น
เอกสารนี้เป็นพินัยกรรม ถึงแม้มันจะไม่ใช่ต้นฉบับ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่า ชิงซูเป็นเจ้าของวิลล่าแห่งนี้
ถึงแม้ตำรวจจะคิดว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็ตาม แต่ตามกฏหมาย เฉินไห่เฉิงและคนอื่น ๆ กำลังบุกรุกเข้าไปในบ้านของคนอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาจริง ๆ และเธอก็มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ที่จะขับไล่พวกเขาออกไป
“มันเป็นไปไม่ได้! พ่อ พ่อพูดอะไรหน่อยสิ! บ้านหลังนี้เป็นของพ่อไม่ใช่เหรอ แล้วชิงซู เธอ.....”
ใบหน้าของไห่เฉิงซีดเผือด เขาไม่ได้พูดอะไร และสามารถเห็นได้ชัดว่า เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง
เดิมที บ้านหลังนี้เป็นของยูหวานชิงอยู่แล้ว และเธอก็เสียชีวิตลง โดยที่ยังไม่ทันได้แบ่งทรัพย์สิน ดังนั้น ตามกฎหมาย ทรัพย์สินทั้งหมดจึงต้องกลายเป็นของเขา
เขาคิดอย่างนั้นมาโดยตลอด
แต่……
ใครจะคิดว่า หวานชิงทิ้งพินัยกรรมเอาไว้! และพินัยกรรมฉบับนี้ยังถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ หลังจากผ่านไปกว่าสิบปี!
หม่านหลันกัดฟัน ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดง และเธอยังกำมือแน่น
ยูหวานชิง เธอคิดเรื่องพวกนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว!
ชิงซูเดินออกมาจากด้านหลังทนายยี่ พลางหาวฟอดใหญ่ และพูดขึ้นว่า “คุณตำรวจทั้งสองคนคะ ต้องรบกวนพวกคุณแล้ว ทนายยี่ ฉันรบกวนคุณจัดการส่วนที่เหลือด้วย ฉันง่วงแล้ว ฉันขอตัวไปนอนก่อน”
ความรู้สึกที่อยู่ภายในใจของเธอ มันราวกับเส้นด้ายที่พัวพันกันวุ่นวาย เธอไม่รู้ว่า ทำไมความรู้สึกนี้จึงยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้ในหัวของเธอวุ่นวายไปหมด
อีกทั้งนอกจากนี้ เดิมที่เธอก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ดังนั้น การกระทำเมื่อกี้นั้น ก็ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมาก
“คุณชิงซูไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เอง” ทนายยี่กล่าว
ชิงซูพยักหน้า แล้วหันไปเหลือบมองสร้อยคอในมือ เธอเม้มริมฝีปาก แล้วก้าวขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งผยองของชิงซู เฉียนเฉียนจึงรู้สึกว่า อาการบาดเจ็บของเธอก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น และเธอก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้งด้วยความโกรธ “พ่อ!”
ไห่เฉิงมองไปที่พินัยกรรมในมือของเขา ดวงตาของเขาดูสับสน แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
เห็นท่าทีของเขาดังนั้น เฉียนเฉียนก็ร้อนใจมาก ‘มีสิทธิ์อะไร! ที่นี่คือ บ้านของเธอ แล้วมันจะเป็นของชิงซูได้ยังไง! ยูชิงซูมีสิทธิ์อะไร! เห็นเห็นกันอยู่ว่า ทุกอย่างมันเป็นของเธอ!’ เฉียนเฉียนคิดในใจ
เฉียนเฉียนทำท่าจะขึ้นไปชั้นบน แต่ก็โดนตำรวจมายืนขวางอยู่ตรงหน้าเธอไว้ “คุณเฉียนเฉียน ถ้าคุณยังทำแบบนี้อีก อย่าโทษพวกเราที่จะต้องจับคุณ!”
“คุณ…… พวกคุณ! ทำไมพวกคุณต้องปกป้องเธอ! คุณไม่เห็นบาดแผลบนร่างกายของฉันเหรอ? พวกคุณเชื่อไหมว่า ฉันสามารถฟ้องร้องพวกคุณได้!” เฉียนเฉียนตะโกนออกมา ด้วยความโกรธ
ทนายยี่ก้าวไปข้างหน้า และกดเปิดวิดีโอในโทรศัพท์ “คุณตำรวจ ใครเป็นคนเริ่มลงมือก่อน และอาการบาดเจ็บของคุณเฉียนเฉียนมีสาเหตุมาจากไหน ฉันคิดว่า วิดีโอนี้น่าจะบอกพวกคุณได้”
เฉียนเฉียนได้ยินดังนั้น เธอก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจ “วิดีโออะไร?”
ทนายยี่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่กวาดสายตามองพวกเขาทั้งสามคนด้วยสายตาเย็นชา
เห็นดังนั้น เฉียนเฉียนก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น ‘หรือว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาถ่ายวีดีโอเอาไว้? ไม่ ไม่ได้ จะให้ตำรวจดูไม่ได้!’ เธอคิดอย่างร้อนรน จิตใจของเธอยุ่งเหยิง และไม่สามารถคิดอะไรต่อไปได้อีก เธอจึงพยายามเอื้อมมือออกไปคว้าโทรศัพท์เครื่องนั้น
เห็นดังนั้น ตำรวจก็พูดตักเตือนขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “คุณเฉียนเฉียน คุณกำลังพยายามขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเหรอ?”
เห็นสถานการณ์ดังนั้น หม่านหลันจึงรีบก้าวออกไปข้างหน้า และคว้าเฉียนเฉียนเอาไว้ “คุณตำรวจ เป็นลูกสาวของฉันเองที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไร...”
“ไม่รู้เรื่องจริง ๆ ” หลังจากที่ดูวิดีโอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดขัดจังหวะเธอขึ้นมา “จงใจทำร้ายผู้อื่น กระทำการใส่ร้ายป้ายสี และยังทำการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งไม่ยอมเปลี่ยนแปลงการกระทำดังกล่าว รวบรวมข้อกล่าวหาเหล่านี้ คุณเฉินเฉียนเฉียน เราต้องขอเชิญคุณไปโรงพักกับเราด้วย”
หลังจากพูดจบ ตำรวจก็ดึงกุญแจมือออกมา และไม่ทันที่เฉียนเฉียนจะมีเวลาขัดขืน เธอก็ถูกจับสวมกุญแจมือ
สีหน้าของหม่านหลัน และไห่เฉิงเปลี่ยนไปอย่างมาก
ณ ห้องทำงานประธานบริษัทของตระกูล จ่าน กรุ๊ป
“ก๊อก ก๊อก!” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำของจ่านซือซั่วดังออกมาจากข้างในห้อง
ทันทีที่เขาพูดจบ เฟินฉีก็ผลักประตูเปิดออก และเดินเข้าไป ขณะที่เขาวางเอกสารที่จะต้องถูกลงนาม โดยจ่านซือซั่ว เธอกล่าวว่า “คุณซือซั่ว ตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูล ยู”
จ่านซือซั่วไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขาพูดว่า “ยูชิงซูกับฉันหย่ากันแล้ว ถึงเธอจะตาย มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน”
“ไม่ใช่คุณชิงซู...” เฟินฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “แต่เป็นคุณเฉียนเฉียน น้องสาวต่างแม่ของคุณชิงซู”
จ่านซือซั่วที่ขณะนี้กำลังเซ็นชื่อลงบนเอกสารก็หยุดชะงักทันที จากนั้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วถามอย่างสับสนว่า “เธองั้นเหรอ?”
เฟินฉีหลับตาลง และกล่าวว่า “วันนี้ คุณชิงซูกลับไปที่วิลล่าตระกูล ยู ตั้งแต่แต่เช้าตรู่ และทำการแจ้งตำรวจให้มาขับไล่พวกเขาออกไป เนื่องด้วยข้อหาบุกรุก และระหว่างการ คุณเฉียนเฉียนน่าจะทำร้ายคุณชิงซูด้วย ดังนั้น คุณเฉียนเฉียนจึงถูกพาตัวไปโรงพัก และคุณชิงซูก็ได้ให้ทนายความของเธอทำการฟ้องคุณเฉียนเฉียน โดยบอกว่า เธอต้องการให้คุณเฉียนเฉียนขอโทษ โดยการตีพิมพ์คำขอโทษลงในหนังสือพิมพ์ และต้องมาคุกเข่าที่วิลล่าตระกูล ยูเป็นเวลาสามวันสามคืน มิฉะนั้น เธอจะไม่มีวันถอนฟ้อง และให้คุณเฉียนเฉียนติดคุก”
เส้นเลือดสีน้ำเงินของจ่านซือซั่วนูนออกมาจากหน้าผากเล็กน้อย
“คุณซือซั่ว คืนนี้ คุณเฉียนเฉียนคงไม่น่าจะไปงานเลี้ยงกับคุณได้แล้ว คุณจะให้ฉันหาผู้หญิงคนอื่นมาให้ไหม?” เฟินฉีถามด้วยความเคารพ
“ไม่ต้อง” จ่านซือซั่วพูดเสียงต่ำ เขาวางปากกาในมือลง แล้วกัดฟันพูดออกคำสั่งว่า “ส่งคนไปรับชิงซูมาหาฉัน!”
ได้ยินดังนั้น เฟินฉีก็ตกตะลึง “คุณซือซั่ว คุณหมายความว่า...”
ริมฝีปากของจ่านซือซั่วขดเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา “ที่เธอทำแบบนี้กับเฉียนเฉียนก็เพราะ ฉันพาเธอไปงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอ? เธอทำเรื่องแบบนี้ มันยังดูน้อยไปเหรอ? ฉันคิดว่า แค่ลงนามในข้อตกลงการหย่าทุกอย่างก็จะจบการเรียบร้อยแล้วซะอีก เห้อ ถ้างั้นก็พาเธอไป ทำให้เธอพอใจซะ!”
เฟินฉีใจคอไม่ดี เธอกลัวว่า คืนนี้ ยูชิงซูจะต้องโดนแน่ ๆ