แด๊ดดี้หนูเป็นซีอีโอ
เฉี่ยนซีหยุดชะงักก่อนหันกลับมาอย่างช้า ๆ “ฉันได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยแมนฮัตตัน สาขาการจัดการธุรกิจแล้วนะ กำลังคิดว่า จะบอกแกยังไงดี แต่ก็ขอบคุณที่ทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น อีกอย่างที่ฉันอยากจะบอกก่อนไป...”
เฉี่ยนซีเงียบลงขณะกำลังรู้สึกสนุกกับสีหน้าอิจฉาสุดขีดของเฟยเอ๋ออยู่ “เมื่อคืนฉันอยู่ที่ห้อง ๑๑๐๑ ”
ขณะเดียวกันในห้อง ๑๑๐๑ เจ๋อข่ายก็กำลังนั่งนับเงินหน้าบูดอยู่บนเตียง
เขานับเงินอีกครั้งหนึ่ง และจำนวนเงินก็ยังเป็นหนึ่งหมื่นสองพันสี่ร้อยหกสิบสองเท่าเดิม ‘ผู้หญิงคนนั้นคงจะควักเงินทั้งหมดของตัวเองให้ผมสินะ?’ เจ๋อข่ายครุ่นคิดอย่างเหลือเชื่อ
เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนใจป้ำขนาดนี้มาก่อน เธอทิ้งเงินไว้แล้วชิ่งหายไปเฉย!
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ไฟโกรธก็ปะทุขึ้นในใจของเขา ชายหนุ่มโทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยของตนด้วยสีหน้าเเละน้ำเสียงที่เย็นชา
“ไปขอวิดีโอจากกล้องวงจรปิดจากผู้จัดการโรงแรมมาที ผมต้องรู้ให้ได้ว่า ใครมาห้องของผมเมื่อคืนนี้”
ผู้ช่วยของเขาตอบรับอย่างอ่อนน้อมขณะรับสาย เเต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนั้นดวงตาของเจ๋อข่ายกำลังมองบางอย่างที่ส่องประกายแวววาวอยู่ข้างหมอน เมื่อสังเกตให้ชัดขึ้นจึงพบว่าเป็นต่างหูข้างหนึ่ง ประกายเเววตาร้ายในดวงตาของเขาก็ปะทุขึ้นทันที
‘ถ้าเจอยัยผู้หญิงไร้ยางอายนั่นเมื่อไหร่ จะสอนบทเรียนให้เข็ด!’
หลายปีต่อมา ณ สนามบิน
เที่ยวบินล่าช้ากว่าครึ่งชั่วโมง เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จนทำให้เหล่าผู้โดยสารจำนวนมากในโถงใหญ่เริ่มทนไม่ไหว หากแต่กลับมีชายสวมเสื้อสีเทาอ่อนคนหนึ่งกลับดูใจเย็นมากกว่าใคร ๆ เขาสวมแว่นตากรอบทองเข้ากันกับใบหน้าอันหล่อเหลาเเละอ่อนโยนที่แสนดึงดูดสายตา
‘นั่น คุณจ่านโป๋ใช่มั้ย?’ สาว ๆ หลายคนจำได้ว่า สุภาพบุรุษสุดหล่อคนนี้เป็นทายาทของ ฟางซื่อ กรุ๊ป บริษัทใหญ่อันดับสองของเมือง กล่าวได้ว่า ทั่วทั้งเมืองแล้วตระกูลฟางก็เป็นรองแค่กับตระกูลกู้เท่านั้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ได้สำคัญอะไรเพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็รวยล้นฟ้าอยู่ดี “กรี๊ด! เขาหล่อจังเลย!” หญิงสาวคนหนึ่งร้องขึ้นเสียงเเหลม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จ่านโป๋เป็นที่รักที่เอ็นดูสำหรับคนพบเห็นมากกว่าผู้ชายเย็นชาอย่างเจ๋อข่ายขนาดไหน!
ไม่ใช่ใคร ๆ จะสามารถเจอจ่านโป๋ได้ทุกวัน ผู้หญิงคนหนึ่งจึงฉวยโอกาสนี้เข้าหาเขา แม้ในคราแรกหญิงสาวจะลังเลอยู่สักพัก แต่ก็มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งสวมชุดเดรสวาเลนติโน่ที่งดงามเข้ากับเธอเป็นอย่างดี เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมด แล้วก็เดินยิ้มเข้าไปหาชายหนุ่มก่อนจะแนะนำตัวด้วยความระมัดระวัง
“สวัสดีค่ะ คุณจ่านโป๋ ไม่ทราบว่า คุณพอจะมีเวลาไปดื่มกาแฟกับฉันสักหน่อยมั้ยคะ?”
“เป็นเกียรติกับผมจริง ๆ ที่ได้รับคำชวนจากสาวสวยอย่างนี้”
จ่านโป๋เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แต่ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่า คนที่ผมรออยู่เขามาถึงแล้ว”
ทุกคนหันไปทางปลายนิ้วที่ชายหนุ่มชี้ตรงไปยังหญิงสาวสวยสะพรั่งอายุราว ๆ ๒๐-๓๐ ปี ที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา ผมดำขลับของเธอยาวประบ่า ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นกลับไม่ได้เติมแต่งใด ๆ แม้แต่เสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่ก็ดูเรียบง่าย สะอาดสะอ้าน เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินซีดเท่านั้น ทว่าความเรียบง่ายของเธอก็กลับโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางฝูงชน เธอคือเฉี่ยนซีนั่นเอง
แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าคนมุงรู้สึกแปลกใจก็คือ เธอหิ้วกระเป๋าด้วยมือข้างหนึ่ง... ขณะนั้นก็มีเด็กชายตัวน้อยเดินเตาะแตะลากกระเป๋าใบเล็ก ๆ อยู่ที่ข้างหลังของเธอ
ทันทีที่เฉี่ยนซีเดินออกมา ก็สัมผัสได้ถึงรังสีริษยาเกลียดชังที่แผ่ออกมาจากสายตาของสาวน้อยเหล่านั้นที่จ้องมองเธออยู่ ‘ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้เอาฉันมาเป็นไม้กันหมาอีกแล้ว!’
แม้เธอสบถสาปจ่านโป๋ในใจที่กำลังทำให้หงุดหงิดเหลือทน แต่ก็แสร้งทำเป็นภรรยาแสนอ่อนหวานและแม่ที่ดีพร้อมโปรยรอยยิ้มตามบทบาทที่ชายหนุ่มยื่นให้ต่อไป หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาจ่านโป๋ แล้วจับมือของเขาพร้อมพูดกับเขาด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน