แด๊ดดี้หนูเป็นซีอีโอ
ระหว่างทาง จ่านโป๋พูดเรื่องตลก ๆ เเถมยังหัวเราะอยู่ตลอดเวลาด้วย มันทำให้เฉี่ยนซีรู้สึกสบายใจขึ้น ก่อนกลับบ้าน เฉี่ยนซีได้สมัครงานไว้อยู่ก่อนเเล้ว เเละบริษัทที่เธอกำลังจะเข้าไปทำงานก็ได้จัดหาที่พักไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้วด้วย จ่านโป๋จึงมารับเฉี่ยนซีกับซีเจ๋ที่สนามบิน เเล้วพาพวกเขาไปส่งยังที่พักนั่น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพาสองแม่ลูกแวะไปซื้อของใช้ที่จำเป็นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วย ในขณะที่พวกเขากำลังเดินซื้อของอยู่นั้น จ่านโป๋ก็มองไปที่เฉี่ยนซีด้วยสายตาที่มีนัย พร้อมกล่าวกับเธอว่า
“เฉี่ยนซี เธอรู้อะไรไหม ผมเคยบอกเธอไว้ว่า ตราบใดที่ผมยังทำงานอยู่ที่ฟาง กรุ๊ป ผมสามารถฝากเธอให้เข้าทำงานที่นั่นได้ง่าย ๆ เลย ฉันล่ะ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงต้องไปสมัครงานที่กู้ซื่อ กรุ๊ปด้วย เธอไม่รู้หรอว่า กู้เจ๋อข่าย ท่านประธานของกู้ซื่อ กรุ๊ปนั้น น่ากลัวจะตาย” จ่านโป๋กล่าวทีเล่นทีจริง
“ไม่เอาน่า! ถ้าฉันทำอย่างนั้น นายคงใช้ฉันเป็นไม้กันหมาจนคุ้มพอดี”
เฉี่ยนซีล้อเล่นด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอเข็นรถเข็นช็อปปิ้งไปตามทางเดิน
“อีกอย่าง นี่ก็ถึงเวลาที่นายควรจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนได้แล้วนะ ฉันเป็นไม้กันหมาให้นายจนเหนื่อยแล้ว” เธอกล่าวต่อ
‘ก็ถ้าเธอเหนื่อยที่จะเป็นแฟนปลอม ๆ ของผมแล้ว เธอมาเป็นแฟนตัวจริงของผมแทนดีไหมล่ะ…’
จ่านโป๋ได้แต่กล่าวคำพูดนั้นในใจ เขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกความจริงกับเฉี่ยนซีว่า เขารู้สึกกับเธออย่างไร และเขาก็เกลียดตัวเองที่เอาแต่ขี้ขลาดอยู่แบบนี้ พอคิดได้ดังนั้น จ่านโป๋ก็ยิ้มให้กับตัวเองอย่างขมขื่น แล้วรีบเดินตามเฉี่ยนซีไป
หลังจากที่พวกเขามาถึงบ้านหลังใหม่ เฉี่ยนซีและซีเจ๋ต่างก็รู้สึกอ่อนล้าจากการเดินทาง ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเข้านอนทันที เช้าวันรุ่งขึ้น เฉี่ยนซีได้ติดต่อไปยังครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งใหม่ของซีเจ๋ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าพวกเขามาถึงแล้ว ครูใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงยินดีว่า อีกเดี๋ยวจะมีคุณครูคนหนึ่งจากโรงเรียนของพวกเขาแวะมารับซีเจ๋ที่บ้าน เมื่อพวกเขาทราบว่า กำลังจะมีเด็กที่มีความสามารถเช่นนี้เข้าเรียนที่โรงเรียน พวกเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข
เฉี่ยนซีรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่า ลูกชายของเธอจะเข้ากับโรงเรียนใหม่ได้หรือไม่ แต่ถึงยังไงเขาก็มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เกินอายุของเขาไปมาก เขาช่วยเฉี่ยนซีจัดกระเป๋า พร้อมกล่าวกับเธอว่า
“แม่ครับ แทนที่แม่จะมัวแต่เป็นห่วงผม แม่ห่วงตัวเองดีกว่านะครับ วันนี้เป็นวันทำงานวันเเรกของเเม่ แม่ควรทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะผมไม่อยากอดตาย!”
“เจ้าเด็กดื้อ!”
ได้ยินดังนั้น เฉี่ยนซีก็หัวเราะเสียงดังแล้วจ้องมองไปที่เด็กชายตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างเอ็นดู หลังจากที่รถโรงเรียนมารับซีเจ๋ไปเรียบร้อยแล้ว เฉี่ยนซีก็นั่งแท็กซี่ไปที่กู้ซื่อ กรุ๊ป เมื่อถึงที่นั่น เฉี่ยนซีก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นใจในว่า ประธานบริษัทผู้มีชื่อเสียงคนนี้มีรสนิยมที่ดีเหลือเกิน เพราะพื้นทั้งหมดของชั้นล๊อบบี้ทำด้วยกระจก เเม้ว่าจะดูเรียบง่ายแต่ดูสง่างามมาก แต่ติดอยู่ที่ปัญหาเดียวเท่านั้น…
‘ฉันจะเดินบนพื้นนี่ได้ยังไง ! ?’
เฉี่ยนซีคิดพร้อมก้มมองรองเท้าส้นสูงแปดซม. ที่เธอสวมอยู่อย่างช่วยไม่ได้ เธอแอบชื่นชมสาว ๆ ทั้งหลายตรงหน้าเธอ ที่กำลังเดินอยู่บนพื้นกระจกนั้นอย่างรวดเร็วราวกับบินได้ เธอจึงกัดฟันแน่นและพยายามก้าวไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น แต่ขณะที่เท้าของเธอเหยียบลงไปได้เพียงก้าวเดียว เธอก็รู้สึกทันทีว่า ตัวเองกำลังจะลื่นลงไปที่พื้นกระจกนั่น
‘บ้าชะมัด! ต้องเกิดสิ่งนี้ขึ้นกับฉันในวันทำงานวันเเรกของฉันจริง ๆ หรอ !?’
แต่ถึงจะคิดได้ดังนั้น มันก็ไม่ช่วยอะไร เพราะเธอกำลังจะหงายหลังลงไปนอนที่พื้น เฉี่ยนซีหลับตาแน่นและเตรียมพร้อมที่จะลงไปกระแทกกับพื้น แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา ก็มีแขนอันแข็งแกร่งคู่หนึ่งเข้ามาดึงตัวเธอเอาไว้ได้ทัน