แด๊ดดี้หนูเป็นซีอีโอ
เฉี่ยนซีค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอรู้สึกว่า เธอคุ้น ๆ ชายหนุ่มคนนี้ที่ช่วยเธอไว้…
ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นใบหน้าที่สุขุมและเย็นชาของเขา ซึ่งดูสมบูรณ์แบบราวกับรูปปั้นที่ถูกแกะสลักโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญการ ขณะที่เธอพยายามนึกให้ออกว่า เธอเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน เขาก็ค่อย ๆ ปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนของเขาอย่างช้า ๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นว่า เธอกำลังเธอจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างจริงจัง เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกล่าวกับเธอว่า
“คุณจะจ้องผมอีกนานมั้ย”
‘เอ๊ะ! ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย!’ เฉี่ยนซีงุนงงกับตัวเอง ว่าเธอทำแบบนั้นทำไม เธอเรียกสติกลับคืนมา ยืดตัวตรง จัดเสื้อผ้าของเธอให้เข้าที่ และส่งยิ้มให้เขาอย่างสง่างาม
“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะคะ”
‘หึ… ผู้หญิงคนนี้ตั้งสติได้เร็วมาก’
เขาคิดในใจพร้อมกับหรี่ตาลง เขารู้สึกเหมือนว่า เขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน เขาขมวดคิ้วแล้วหันไปหาผู้ช่วยของเขา
“เธอเป็นใคร?”
เขาถามผู้ช่วยคนนั้น
ด้วยเสียงเบา ๆ “คุณเจ๋อข่ายครับ นี่คือคุณนิ่งเฉี่ยนซีครับ เธอ เพิ่งจบปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยแมนฮัตตัน เมื่อเดือนที่เเล้ว เธอเป็นผู้อำนวยการที่ได้รับการว่าจ้างมาจากต่างประเทศครับ”
คำอธิบายของผู้ช่วยทำให้ทั้งสองคนแสดงความประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจ๋อข่ายเลิกคิ้วของเขาขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เฉี่ยนซีเกือบจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า มันจะเกิดเรื่องน่าอายเเบบนี้ ต่อหน้ากู้เจ๋อข่าย นักธุรกิจในตำนานตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ลูกชายพูดกับเธอเมื่อเช้านี้ เธอก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากจนเกือบจะร้องไห้ออกมา ‘ซีเจ๋ลูกรัก ดูเหมือนว่าแม่จะรักษางานนี้ไว้ไม่ได้เเล้ว!’
ตามที่คาดไว้ เจ๋อข่ายมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยท่าทางเยาะเย้ย
“ผู้อำนวยการงั้นหรอ” เขาพูดด้วยท่าทีเฉยเมย
แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เฉี่ยนซีดูออกว่า เขากำลังดูถูกเธออยู่ เฉี่ยนซีกัดฟันของเธอแน่น แล้วเอ่ยกับเขาว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่า ฉันคู่ควรกับงานนี้ คุณเจ๋อข่ายคะ
ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ ฉันทราบดีว่า ความซุ่มซ่ามของฉันคงทำให้คุณรู้สึกไม่ประทับใจทันทีที่คุณพบฉัน แต่ฉันเชื่อว่า คุณเป็นคนมีเหตุมีผลมากพอที่จะแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร ฉันไม่คิดว่า การที่ฉันก้าวเข้ามาทำงานที่ที่นี่ในวันแรกจะทำให้เห็นถึงหลักจรรยาบรรณในการทำงานของฉันได้มากเท่าไหร่นักหรอกนะคะ”
‘ผู้หญิงคนนี้ช่างพูดซะจริง!’ เจ๋อข่ายคิด แล้วยักไหล่อย่างไม่แคร์อะไร
“ผมหวังว่า คุณจะทำได้อย่างที่พูดนะ”
หลังจากพูดทิ้งท้ายเอาไว้เเล้ว เจ๋อข่ายก็เดินเข้าไปในบริษัทโดยไม่หันกลับมามองเธออีกเลย เฉี่ยนซีรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งที่เขาไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น จากนั้นเฉี่ยนซีจึงเดินบนพื้นกระจกด้วยความระมัดระวัง และก้าวเข้าไปข้างในบริษัทด้วยความมั่นใจ
เธอไม่รู้ว่า ทำไมทันทีที่เธอเจอเจ๋อข่าย หัวใจของเธอถึงเต้นเร็วขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เธอรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็เหมือนจะคุ้นเคย แต่เนื่องจากเธอเป็นผู้อำนวยการ จึงมีงานมากมายที่กำลังรอเธออยู่ ดังนั้นเวลาทั้งหมดของเธอจึงมีเพียงการทุ่มเทให้กับการทำรายงานและการทำสัญญาทางธุรกิจเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรนอกจากนี้อีกแล้ว
แม้ว่าเฉี่ยนซีจะเป็นคนที่ชอบยึดความคิดเป็นของตัวเองเป็นหลัก แต่เธอก็มีวิธีที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ลุล่วงไปได้อย่างเเน่นอน ในเช้าวันเดียวกัน เธอศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจทั้งหมดของแผนกการตลาดที่เธอรับผิดชอบได้อย่างชัดเจนและละเอียดถี่ถ้วน เธอเรียกประชุมพนักงานทุกคน และทำให้พวกเขาประทับใจในตัวเธอได้ ไม่นาน ทุกคนในบริษัทก็รู้เรื่องของผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดคนใหม่ที่ทั้งสวยและเก่งกาจ
ด้วยวิธีนี้ เฉี่ยนซีจึงได้รับความเคารพและมีที่ยืนอย่างมั่นคงในบริษัทนี้ เธอโชคดีมากที่ได้รับงานใหญ่หลังจากที่เธอเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน เธอมีความแน่วแน่ในการทำธุรกิจ และประสบความสำเร็จในการคว้ารางวัลใหญ่ตั้งแต่เดือนแรกที่เธอเข้ามาทำงาน ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนในบริษัทต่างพากันชื่นชมเธอ แม้แต่เจ๋อข่ายเองก็ยังประทับใจในตัวเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ๋อข่ายจองโรงแรมเพื่อจัดงานเลี้ยงบริษัทเพื่อเป็นเกียรติแก่เธอ
ท่ามกลางความหรูหราของงานฉลองความสำเร็จ และคำชมเชยจากคนอื่น ๆ กลับทำให้เฉี่ยนซีรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เพราะเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ บริษัทของเขาก็เคยเจริญรุ่งเรืองแบบนี้ ในเวลานั้น เฉี่ยนซีในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลนิ่งมักพูดคุยด้วยรอยยิ้มกับผู้คนมากมาย เธอต้องออกงานสังคม เหมือนกับที่เธอทำอยู่ตอนนี้ แทนที่พ่อของเธอจะอยู่ข้าง ๆ เธอ เเต่กลับเป็นเจ๋อข่ายที่อยู่ข้าง ๆ เธอแทน
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ วงดนตรีที่อยู่ในห้องจัดงานก็เริ่มบรรเลงเพลงขึ้น เหล่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างพากันเต้นรำอยู่บนฟลอร์ เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉี่ยนซีก็ยกมือขึ้นลูบขมับของเธอที่กำลังปวดตุ้บ ๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ
ทุกคนดูตื่นเต้นกับงานเลี้ยงฉลองครั้งนี้มาก เฉี่ยนซียังต้องคงความกระตือรือร้นของเธอเอาไว้ เพราะงานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เธอโดยเฉพาะ เธอแอบชำเลืองมองเจ๋อข่ายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย จากนั้นเธอก็หายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้ง พร้อมกับยื่นมือออกไปข้างหน้า แล้วเอ่ยชวนเขาว่า “คุณเจ๋อข่ายคะ เต้นรำกับฉันไหมคะ