แด๊ดดี้หนูเป็นซีอีโอ
ยังไงคุณก็ต้องรับมือกับพวกเขาอีก งั้นคุณมาเต้นรำกับฉันสักเพลงเป็นไง”
เจ๋อข่ายจ้องเธอด้วยดวงตาสีเข้มของเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็จับมือเธอและพาเธอไปที่กลางฟลอร์เต้นรำ
พวกเขาเต้นรำโดยที่ร่างกายเเนบชิดกัน และนั่นก็ทำให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นในใจของเฉี่ยนซีอีกครั้ง เธอสามารถเต้นรำกับเจ๋อข่ายได้อย่างคล่องแคล่วและสง่างาม
แต่ใครจะรู้ล่ะ… หากเธอทำให้เจ๋อข่ายเสียหน้าในที่เเบบนี้ เขาอาจจะฆ่าเธอทิ้งได้เลยด้วยซ้ำ!
หลังจากที่เธอใช้เวลาร่วมกันกับเขาอยู่หลายเดือน เฉี่ยนซีก็รู้จักเขามากขึ้นในระดับหนึ่ง แม้ว่าเขาจะหล่อเหลาและร่ำรวยมากแค่ไหน แต่เขาก็เป็นผู้ชายที่น่ากลัว เขามีทั้งอำนาจและอิทธิพลมากมายเหนือรัฐบาล หรือแม้แต่กลุ่มอาชญากร สรุปแล้ว เขาน่ากลัวเกินกว่าที่ทุกคนจะมองเห็นเขาได้จากภายนอก
ยังไงซะ ผู้ชายที่สีหน้าไร้อารมณ์อย่างเขาก็ถูกกำหนดให้เป็นคนไร้ความปรานี เเล้วจะไม่ให้กลัวคนเเบบนี้ได้ยังไง?
ถึงเขาจะเป็นคนที่น่ากลัว เเต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเฉี่ยนซี เพราะเธอเป็นคนมองโลกในเเง่ดี ยังไงซะด้านมืดของเขาก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธออยู่เเล้ว เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงเจ้านายคนหนึ่งของเธอเท่านั้น ตราบใดที่เธอทำงานดี เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเขา
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่” จู่ ๆ เสียงทุ้มของเจ๋อข่ายก็ดังขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เฉี่ยนซีรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา และเห็นว่าเขากำลังจ้องเธออยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เธอมองค้อนเขาอยู่ในใจ จากนั้นเธอก็ส่งยิ้มหวานให้เขา “ฉันกำลังคิดอยู่ว่า ฉันแค่ได้ทำสัญญากับบริษัทธุรกิจเล็ก ๆ เท่านั้น คุณก็ดีกับฉันได้ขนาดนี้ ฉันรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ แต่ยังคงความสุภาพและอ่อนโยนไว้ เจ๋อข่ายรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที เมื่อร่างกายของเธอเข้ามาใกล้ตัวเขา
แต่ถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาที่ใช้พูดกับเธอก็ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม “มันเป็นแค่ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการให้รางวัลกับการลงโทษเท่านั้นเอง”
ทันทีที่เจ๋อข่ายพูดจบ เพลงบนฟลอร์ก็จบลงพร้อมกับคำพูดของเขา ยังไม่ทันที่เฉี่ยนซีจะได้ตอบอะไร เจ๋อข่ายก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากเสื้อสูท เขาขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีที่เห็นหน้าจอมือถือ จากนั้นเขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่า เขาเดินจากไปอย่างกะทันหัน เฉี่ยนซีก็ได้แต่ยักไหล่อย่างไม่คิดอะไร และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทุกวันที่มาทำงาน เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกทรมานด้วยจอมมารเลือดเย็นอย่างเจ๋อข่าย
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว แต่ภายในงานยังคงเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ และดูเหมือนว่า พวกเขาจะยังไม่ทยอยกลับกันไปง่าย ๆ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับซีเจ๋ เฉี่ยนซีจึงแอบออกมากดโทรศัพท์หาจ่านโป๋ที่ด้านนอกตึกของโรงแรม
“เธอวางใจได้เลย! ซีเจ๋เป็นเด็กที่เข้าใจอะไรได้ง่าย ตอนนี้เขากำลังอ่านหนังสือสมัยมัธยมของผมอยู่ในห้องทำงาน! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของจ่านโป๋ เฉี่ยนซีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“อย่าลืมชงนมร้อนเเก้วหนึ่งให้ซีเจ๋ดื่มตอนสามทุ่มครึ่งนะ แล้วพาเขาเข้านอนด้วย” เธอกำชับจ่านโป๋ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“จ้า ผมรู้แล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมดูแลเขาสักหน่อย!” จ่านโป๋ตอบกลับทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ตอนนี้ก็ดึกมากเเล้ว จะให้ผมออกไปรับเธอ แล้วไปส่งเธอกับซีเจ๋กลับบ้านไหม”
เฉี่ยนซีปฏิเสธข้อเสนอของจ่านโป๋ทันทีโดยไม่ลังเล จากนั้นเธอก็วางสายจากเขา เพราะไม่ว่าเธอจะสนิทกับเพื่อนของเธอแค่ไหน เเต่เธอก็ไม่อยากให้เขาต้องมาลำบากเพราะเธอ ตอนที่เธอคุยโทรศัพท์อยู่กับจ่านโป๋ เธอก็เดินเล่นมาจนถึงลานน้ำพุ และนั่งอยู้ข้าง ๆ น้ำพุนั่น ในตอนนี้ มีสายลมเย็น ๆ พัดมาทำให้เธอเริ่มสั่นสะท้าน เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินกลับไปที่ห้องโถงแสนอบอุ่นภายในโรงแรมให้เร็วที่สุด