แด๊ดดี้หนูเป็นซีอีโอ
ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงของเจ๋อข่ายดังขึ้นใกล้ ๆ กับบริเวณที่เธอกำลังยืนอยู่
“มีลูกงั้นหรอ” เขาหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะของเขากลับฟังดูน่ากลัว “เธอคิดว่า เธอจะเอาเด็กคนหนึ่งมาขู่ผมได้งั้นเหรอ” เขาถามคนที่พูดด้วยในสาย
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉี่ยนซีจึงหันไปตามเสียง เธอเห็นเขากำลังยืนคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่ใต้ต้นฟีนิกซ์
เธอมองไม่เห็นสีหน้าของเขาเพราะด้านนอกตึกโรงแรมค่อนข้างมืด แต่เท่าที่ฟังจากน้ำเสียง เธอก็สัมผัสได้ถึงการดูถูกเหยียดหยามคนปลายสายที่เขาคุยด้วยอย่างชัดเจน
‘ให้ตายสิ! เขาเป็นคนที่สารเลวจริง ๆ เขาทำผู้หญิงท้องแต่กลับไม่รับผิดชอบด้วย’ เฉี่ยนซีคิดในใจอย่างโกรธเคือง และรู้สึกขยะแขยงคนประเภทนี้
เจ๋อข่ายยังพูดต่ออีกว่า “อย่าฝันว่าจะได้อะไรจากผมอีกเลย ผู้ช่วยของผมจะโอนเงินห้าสิบล้านไปให้เธอภายในห้านาที เธอรู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้ และผมขอเตือนเธอว่า อย่าคิดทำอะไรที่งี่เง่านะ เพราะผมจะไม่รับประกันถึงผลที่ตามจะมา”
แม้สายลมยามค่ำคืนจะพัดมาที่เธออย่างโหมกระหน่ำ แต่เธอกลับได้ยินเสียงของเขาที่พูดประโยคต่อไปนี้อย่างชัดเจน
“ไปทำแท้งซะ” ในที่สุดเขาก็พูดประโยคนี้ออกมา
‘ไอ้บ้าเอ้ย! เป็นอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ด้วย กู้เจ๋อข่าย ไอ้คนเจ้าชู้ คุณช่างสมกับฉายาคนโหดเหี้ยมจริง ๆ !’ เฉี่ยนซีบ่นกับตัวเองในใจ
จากนั้น เจ๋อข่ายที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จ และวางสายลงเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามาหาเธอ ในความมืดยามค่ำคืน เธอมองเห็นเพียงร่างสูงของเขาที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้เธอ หัวใจของเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้น ๆ แล้วก็มีภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเธอ วินาทีนั้น เจ๋อข่ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอพอดี จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ทำไมคุณถึงมายืนอยู่ที่นี่” เจ๋อข่ายถามขึ้น
“ข้างในมันร้อนมาก ฉันเลยออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย” เฉี่ยนซีโกหกโดยไม่สบตาเขา เมื่อเธอกล่าวจบ เจ๋อข่ายก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของเขาครู่หนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ได้สนใจว่า เธอจะได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ของเขาหรือไม่
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมจะพาคุณไปส่งที่บ้าน” เขากล่าว
และเฉี่ยนซีก็พยักหน้าตอบรับทันที ตราบใดที่เธอจะได้กลับถึงบ้านได้โดยเร็ว เธอก็ยอม เเม้ว่าจะต้องนั่งในรถคันเดียวกันกับเจ๋อข่ายก็ตาม
“รบกวนพาฉันไปส่งที่อพาร์ทเม้นหูจิ่งหน่อยนะคะ คุณเจ๋อข่าย”
“สวนปิงเจียงหรอ”
เจ๋อข่ายพอจะจำได้เลือนลางว่า บ้านที่บริษัทเตรียมให้เธอไม่ได้อยู่ที่นั่น
เมื่อสังเกตเห็นความสับสนที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา เฉี่ยนซีจึงบอกกับเขาอย่างไม่มีอะไรต้องปิดบังว่า “เนื่องจากฉันต้องมางานในคืนนี้ ฉันเลยฝากลูกชายไว้ที่บ้านเพื่อน ดังนั้นฉันจึงต้องไปรับเขาก่อนค่ะ”
เจ๋อข่ายพยักหน้า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากลับรู้สึกกระตุกวูบในหัวใจเล็กน้อย
‘เธอแต่งงานแล้วเหรอ? แล้วสามีของเธออยู่ที่ไหนล่ะ’ เจ๋อข่ายตั้งคำถามขึ้นในใจ
ทั้งสองคนขึ้นไปนั่งในรถอย่างเงียบ ๆ ทันทีที่เขานั่งลงเรียบร้อยแล้ว เจ๋อข่ายก็บอกให้คนขับรบปิดไฟในรถทันที จากนั้นเขาก็เอนตัวพิงเบาะ และหลับตาพักผ่อน เฉี่ยนซีที่นั่งอยู่ข้างเขารู้สึกเหมือนกับกำลังถูกเข็มและหมุดจำนวนมากทิ่มแทงตัวเธออยู่ ยิ่งเธอนึกถึงเจ๋อข่ายมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกถึงชายแปลกหน้าในคืนนั้นมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือท่าทางของเขา ก็เหมือนกับผู้ชายที่เธอเคยเจอเมื่อเจ็ดปีก่อนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน!
เธอจำได้ว่า ชายแปลกหน้าคนนั้นมีไฝสีดำเล็ก ๆ อยู่ที่ติ่งหู เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉี่ยนซีก็กลืนน้ำลายลงคออย่างรู้สึกประหม่า เธอเปิดกระจกรถ และจ้องไปที่ดวงไฟที่กระพริบอยู่ด้านนอกรถ
จากนั้นเธอก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปทางเจ๋อข่าย เขายิ่งดูหล่อมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก เมื่อหลับตาลงแบบนี้ ท่าทางของเขาดูผ่อนคลาย ถึงแม้จะยังเย็นชาอยู่บ้างก็ตาม แล้วก็… ไฝสีดำขนาดเล็กบนติ่งหูของเขา!
เฉี่ยนซีถึงกับชะงัก เมื่อเห็นไฝเล็ก ๆ นั่น เธอไม่เคยคิดว่า เจ๋อข่ายจะเป็นชายแปลกหน้าคนนั้นเมื่อเจ็ดปีก่อน!
ในที่สุด เธอก็หาสาเหตุของความคุ้นเคยและความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นกับเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ได้ แม้เธอจะจำใบหน้าของชายคนนั้นไม่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อเธอจ้องไปที่เจ๋อข่าย เธอกลับมั่นใจได้ว่า ต้องใช่เขาแน่ ซึ่งนั่นหมายความว่า… พ่อของซีเจ๋ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น…เจ๋อข่าย!
ถ้าเฉี่ยนซีเคยใฝ่ฝันที่จะตามหาชายแปลกหน้าเมื่อเจ็ดปีก่อนเพื่อที่ซีเจ๋จะได้ความรักจากพ่อ ความคิดนั้นก็คงหายไปจากใจของเธอทันทีในเวลานี้