ฉันนี่แหละเศรษฐี
ผู้เขียน:Abelard Evans
หมวดหมู่สมัยใหม่
ฉันนี่แหละเศรษฐี
ตลอดทาง หวังเฉียนเอาใจซานซานมาก เขาคงคิดจะจีบเธอ
กัวเถาพูดกับเฉินฝานว่า "นี่คือหวังเฉียน ลูกชายของเจ้าของโรงแรม ฮัวฝู ถ้าไม่มีเขานายคงจะเข้ามาในสนามเทนนิสหรู ๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก!"
หวังเฉียนมองฝานตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามว่า “นี่ใคร?”
“เขาคือฝาน ไอ้ไส้แห้งที่เห็นแฟนตัวเองกำลังเล่นเสียวกับเหวินเซิงไง!”
“ที่แท้ก็แกนี่เอง ฉันได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของนายมานานละ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...” เสียงหัวเราะของหวังเฉียนนั้นเต็มไปด้วยความดูถูก
“หวังเฉียน นายหมายความว่าไง!” เฉินฝานที่อดทนมาตลอดกำหมัดแน่น
ที่แรกหวังเฉียนกะจะพูดจาเหยียดเขาต่อ แต่ก็โดนซานซานห้ามไว้ซะก่อน “พอได้แล้ว พวกนายจะทะเลาะกันในวันเกิดของฉันรึไง!”
“เห็นแก่โค้ชเซียว อย่าไปถือคนอย่างนี้เลย เราเข้าไปตีเทนนิสกันเถอะ”
หวังเฉียนจ้องฝานอย่างเย็นชา ก่อนจะหยิบบัตรสมาชิกออกมา เพื่อพาทุกคนเข้าไปข้างใน
เฉินฝานได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้ เพราะเขาไม่อยากให้ซานซานลำบากใจ แต่ความแค้นของเขาที่มีต่อหวังเฉียนเขาไม่มีทางลืม!
ทุกคนเดินเข้าไปในสนามเทนนิสที่ตกแต่งอย่างหรูหรา คนที่เดินเข้าออกนั้นก็แต่งกายหรูหราเช่นกัน
ยวี่ถิงตะลึง จนพูดออกมาว่า “ฉันได้ยินมาว่า ฟู่เย่ว เทนนิส คลับ นั้นเป็นสนามกีฬาสำหรับคนรวย ที่มีราคาแพงมาก และต้องมีบัตรสมาชิกถึงจะเข้ามาได้”
“ก็ไม่แพงเท่าไรหรอก วันนี้ฉันเช่าสนามเทนนิสกลางแจ้ง ระดับไฮคลาสไว้สองสนาม ราคาแค่แสนบาทเอง”
หวังเฉียนยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ เพราะสำหรับเขาแล้วเงินหนึ่งแสนนั้นถือว่าน้อยมาก
“หรูหราสมกับที่เป็นคุณชายหวังจริง ๆ นะครับ!” ลูกน้องของกัวเถาพูดเอาใจ
พอยวี่ถิงเห็นหวังเฉียนใช้เงินอู้ฟู่แบบนี้ เธอก็รู้สึกใจเต้น แถมเขายังหน้าตาหล่อเหลา ทำให้เธอยิ่งชอบเข้าไปใหญ่
เมื่อเห็นทุกคนชื่นชมหวังเฉียน เฉินฝานก็คิดในใจว่า ‘ธุรกิจที่อยู่แถววิลเลจนั้นเป็นของตระกูลเฉินทั้งหมด ฟู่เย่ว เทนนิส คลับนี่ ถ้าฉันบอกพี่สาวแค่คำเดียวก็สามารถเข้าไปเล่นฟรีได้แล้ว’
แต่เฉินฝานไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น เขาแค่เดินตามคนอื่น ๆ ไปเงียบ ๆ
กัวเถาพูดกับพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ข้างหน้าว่า “เราต้องการไม้แร็กเก็ตแบรนด์เนมแปดอัน และเราต้องการไม้ของวิลสันรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วก็ไม้เทนนิสโนเนมสำหรับไอ้กระจอกนั่นอันนึง”
วิลสันเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และได้รับการยอมรับจากนักกีฬาที่ได้รับแชมป์โอลิมปิกหลายต่อหลายคน ไม้แต่ละอันนั้นผ่านการผลิตมาเป็นอย่างดี คอยผ่อนซับแรงกระแทก ป้องกันความร้อน และมีการออกแบบที่ทันสมัยและมีระดับ
ส่วนไม้เทนนิสโนเนมนั้น เป็นของที่มีขายทั่วไปตามตลาด
“ค่ะ คุณผู้ชาย กรุณารอสักครู่นะคะ”
พนักงานต้อนรับมองเฉินฝานที่สวมเสื้อผ้าเก่า ๆ อย่างดูถูก และรีบยื่นไม้เทนนิสโนเนมให้
“เฉินฝาน คนจน ๆ อย่างแกไม่เหมาะกับไม้เทนนิสแบรนด์เนมหรอก ที่ให้ใช้ไม้เทนนิสห่วย ๆ นั้นก็เพื่อตัวนายเอง แล้วที่นายเข้ามาได้เนี่ยก็เพราะว่าพวกเราพาเข้ามาหรอกนะ”
กัวเถาหัวเราะ และรูดบัตรให้พนักงานเสิร์ฟเป็นเงิน แปดหมื่นหนึ่งพันบาท
ไม้เทนนิสแบรนด์เนมนั้นราคาไม้ละหมื่นส่วนไม้โนเนมนั้นราคาแค่หนึ่งพัน
ไม้เทนนิสแบรนด์เนมแปดอันถูกแบ่งไปอย่างทั่วถึง แม้แต่คนติดตามของกัวเถาสองคนก็ได้ใช้มันด้วย
เฉินฝานหยิบไม้เทนนิสโนเนมมาอย่างไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้แสดงออกเพราะไม่อยากให้ซานซานรู้สึกแย่
กัวเถาส่งสายตาใหหวังเฉียน หวังเฉียนก็รู้ได้ทันทีและพูดขึ้นมาว่า "เฉินฝาน ฉันกับกัวเถาจ่ายเงินแล้ว ในฐานะผู้ชาย นายก็ควรจะจ่ายค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อยเช่นกัน นายไปซื้อน้ำมาล่ะกัน"
“ขอน้ำหกขวดครับ”
เฉินฝานนั้นรู้ว่ากัวเถากับหวังเฉียนนั้นคิดอะไรอยู่ พวกเขาอยากให้เขาใช้เงิน แค่น้ำไม่กี่ขวด เขามีปัญญาซื้ออยู่แล้ว
“คุณลูกค้าคะ ทั้งหมดหกพันบาทค่ะ จะรูดบัตรหรือชำระเป็นเงินสดดีคะ?”
พนักงานหยิบน้ำหกขวดออกมาจากตู้เย็นแล้ววางลงบนโต๊ะ
พอเฉินฝานได้ยินราคาก็ตกใจขึ้นมาทันที น้ำราคาขวดละพัน แพงกว่าน้ำมันซะอีก มิน่าล่ะ กัวเถาถึงได้ให้เขาเป็นคนซื้อ
พอเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักของฝาน ซานซานไม่อยากให้เขาต้องขายหน้าเลยพูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวฉันเลี้ยงน้ำทุกคนเอง”