คนทั้งโลกกำลังตกหลุมรักภรรยาผม
ผู้เขียน:กฤษฎิ์ แสนชล
หมวดหมู่โรแมนติก
คนทั้งโลกกำลังตกหลุมรักภรรยาผม
หยุนซีมีโรคประจำตัวคือ โรคชอบง่วงนอน
หยุนหลงซานไม่รู้เรื่องนี้ และหยุนซีก็ไม่ได้พูดอะไร
โรคที่เป็นอยู่นี่ ทำเอาเธอนอนเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงได้สบาย ๆ
สิ่งที่ร้ายแรงของอาการง่วงนอนก็คือ หยุนซีอาจจะผล็อยหลับไปตอนไหน เวลาไหน หรือที่ไหนก็ได้ ทั้งยังอาจมีอาการหยุดหายใจชั่วขณะในเวลานอนก็ได้
ซึ่งทั้งสองนี้ก็อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ทั้งนั้น
ตอนแรกที่หยุนซีมานอนในบ้านตระกูลหยุน อาการของเธอก็กำเริบขึ้นอีกครั้ง
ตื่นอีกทีเวลาก็ล่วงเลยไปเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
ไม่มีใครมาปลุกเธอ หยุนซีจึงอดทั้งข้าวเช้าและข้าวเที่ยง
“คุณน้าหลี่ มีอะไรให้หนูกินไหมคะ? หนูหิว”
หยุนซีเดินไปถามแม่บ้านห้องข้าง ๆ
“หืม? ตื่นได้แล้วเหรอ?”
หน้าของคุณน้าหลี่ไม่รับแขกเลยสักนิด
“นายท่านพาคุณหนูไปดูคอนเสิร์ต ฉันเองก็มีงานอย่างอื่นให้ไปทำ ไม่มีเวลามาทำอาหารให้เธอกินหรอก มีบะหมี่ ผัก กับเนื้อสัตว์อยู่ในตู้เย็น เธอเองก็มาจากบ้านนอกคอกนา คงทำบะหมี่กินบ่อย ๆ อยู่แล้ว”
สาวบ้านนอกไม่เคยเห็นโลกกว้าง แต่อย่างน้อยก็คงทำครัวเป็น
นั่นเป็นสิ่งที่คุณน้าหลี่คิด
ว่าแต่ น้าแกยุ่งจริง ๆ เหรอ?
ก็ตอนที่หยุนซีมาหา คุณน้าหลี่ก็นั่งแทะเมล็ดแตงโมอยู่ในห้องนั่งเล่นเฉย ๆ นี่
ดูจากเปลือกของเมล็ดแตงโมกองโตที่สุมอยู่บนโต๊ะกาแฟแล้ว หยุนซีต้องตาบอดเท่านั้นแหละ ถึงจะเชื่อคำพูดนั่นได้
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หยุนซีหันหลังกลับแล้วเดินเข้าห้องครัว
ขณะมองเธอที่กำลังเดินจากไป ในหน้าของคุณน้าหลี่ก็เผยให้เห็นรอยยิ้มย่อง
คุณหนูปลอม ๆ ที่นายท่านพามาจากบ้านนอกก็ยังคิดจะเรียกใช้เธอเหรอ??
“ถ้าไม่เล่ห์เหลี่ยม คนธรรมดา ๆ คงจะเป็นแม่บ้านให้คนรวยไม่ได้หรอก”
จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากห้องครัว
น้าหลี่เงี่ยหูฟังเสียงมีดที่สับรัว ดูเหมือนว่าหยุนซีจะชำนาญเรื่องการใช้มีดมากกว่าเธออีกเสียด้วยซ้ำ
“หา? เป็นไปได้ยังไง?”
ไม่กี่นาที กลิ่นหอมก็โชยออกมาจากห้องครัว
คุณน้าหลี่ที่ได้สูดกลิ่นหอม ๆ นั่นเข้าไป ถึงกับต้องแอบกลืนน้ำลายเลยทีเดียว
แม่นั่นทำอะไรอยู่ในครัวกันแน่?
นี่แค่กลิ่นบะหมี่จริง ๆ น่ะหรือ?
จู่ ๆ คุณน้าหลี่ก็คิดขึ้นมาว่า หรือหยุนซีจะมีฝีมือรังสรรค์กลิ่นหอม ๆ นี่ติดมาจากบ้านนอก? บางทีถ้าได้ไปเรียนทำด้วยแล้ว คุณท่าน คุณนายและคุณหนูคงจะพอใจจนยอมขึ้นเงินเดือนให้ก็ได้?
คิดได้ดังนั้น แม่บ้านอย่างเธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เธอแอบรอด้วยความหวังล้นปรี่ พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกมาจากห้องครัวแล้ว เธอถึงกับแอบยิ้ม
“ทำอะไรอร่อย ๆ กินเหรอ? เอามาให้ดูหน่อยได้ไหม?”
คุณน้าหลี่พยายามใช้น้ำเสียงเป็นมิตร แต่หยุนซีกลับเดินออกมามือเปล่า
“ต้มบะหมี่ค่ะ” หยุนซีกล่าวเสียงเบา
“ไหนล่ะบะหมี่? !” คุณน้าหลี่ถามอย่างปะหลาดใจ
“กินหมดแล้วค่ะ” หยุนซีตอบ แล้วก้าวไปทางประตู “หนูจะไปเดินย่อยหน่อย”
คุณน้าหลี่มัวแต่อึ้งจนไม่รู้ตัวว่าเธอเดินออกไปแล้ว
เธอหน้าไม่หนาพอจะเอ่ยปากถามหยุนซี ว่าทำยังไงให้ต้มบะหมี่ได้หอมขนาดนั้น จึงรีบวิ่งเข้าไปดูสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในห้องครัว
แต่แล้วก็ต้องใจแป้วเมื่อเห็นห้องครัวอยู่ในสภาพเดิม เพราะกินเสร็จหยุนซีก็ล้างหม้อ ชาม กระทะ จนสะอาดเอี่ยมอ่องหมดแล้ว
“ฮึ! ถ้ามีรอบหน้าอีกต้องถามให้รู้เรื่อง ดูสิจะกล้าปิดปากไม่พูดอีกหรือเปล่า!” คุณน้าหลี่รู้สึกไม่ชอบใจอยู่นิด ๆ
กลิ่นบะหมี่ที่หยุนซีทำยังคงลอยอบอวลอยู่ในคฤหาสน์
ไม่นานประตูก็เปิดออกอีกครั้ง ปรากฎเป็นหยุนเวยเวยที่ก้าวเท้าเข้ามา
“กลิ่นอะไร? หอมมาก! ”
เธอมองไปทางพี่เลี้ยงด้วยแววตาประหลาดใจ
“คุณน้าหลี่ ทำอะไรทานเหรอคะ? เอามาให้ฉันชิมบ้างสิ!”
คุณน้าหลี่รู้สึกชาไปทั้งหน้า ถ้าหยุนเวยเวยรู้ว่าหยุนซีเป็นคนต้มบะหมี่นั่น แม่บ้านอย่างเธอเธอคงได้ขายหน้าแน่ ๆ
“ดิฉัน… หิวน่ะค่ะ เลยต้มบะหมี่กิน แต่กินหมดแล้ว” เธอพูดอย่างกระอักกระอ่วน
“งั้นก็ไปทำให้ฉันอีกชาม!” หยุนเวยเวยออกคำสั่ง
คุณน้าหลี่รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันใด
นี่เธอเผลอขุดหลุมฝังตัวเองหรือเปล่าเนี่ย?
เธอรู้วิธีต้มบะหมี่ แต่จะทำยังไงให้มันส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายได้แบบนี้กันล่ะ?
โชคดีที่คุณผู้หญิงผู้สง่างาม อารมณ์เย็นเยียบ แบบมาดผู้ดี เดินตามเข้ามา และแตะไหล่หยุนเวยเวยเบา ๆ
“ห้ามกินอาหารรอบดึกนะ”
ได้ยินดังนั้น หยุนเวยเวยก็พูดออกมาอย่างขัดใจ “ค่ะ คุณแม่”