พระชายาสารพัดพิษ
ซ่งอิงเจี๋ยสะบัดมือมู่หว่านซีออกอย่างไร้เยื่อใย ก่อนที่มู่เสวี่ยโหรวจะเดินยิ้มกริ่มเข้ามา “พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
มู่หว่านซีมองมู่เสวี่ยโหรวที่สวมชุดแต่งงานสีแดงตลอดทั้งตัว แล้วหันไปมองซ่งอิงเจี๋ยที่ใส่ชุดแต่งงานอยู่เหมือนกัน ต่อให้นางโง่งมกว่านี้นางก็พอจะรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางทอดสายตามองไปยังซ่งอิงเจี๋ย ด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงต้องทำกับนางเช่นนี้
“เพราะเหตุใดกัน?” มู่หว่านซีมองเขาด้วยสายตารวดร้าว บุรุษผู้นี้เคยบอกว่าจะรักนางคนเดียวตราบชั่วชีวิต ทั้งยังบอกว่าชาตินี้จะไม่มีวันยอมแต่งอนุเข้าเป็นอันขาด แต่ยามนี้เขากลับกำลังสวมชุดแต่งงานสีแดงสะดุดตาถึงเพียงนั้น
“พี่ใหญ่ จวิ้นอ๋องบอกว่าตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยรักท่านเลยสักนิด” มู่เสวี่ยโหรวยิ้มหวานหยาดเยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น “คนที่จวิ้นอ๋องทรงรักและชอบพอมาตลอดก็คือน้อง เพียงแต่เขาต้องการการสนับสนุนจากตระกูลท่านตาของท่าน บัดนี้ผลัดแผ่นดิน ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ จวิ้นอ๋องมีตำแหน่งสูงส่ง และได้ทุกอย่างที่ปรารถนาแล้ว เพราะฉะนั้นท่านที่หมดหน้าที่แล้วก็ควรถอยออกไปเสียที”
มู่หว่านซีราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางคัน ได้แต่มองซ่งอิงเจี๋ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ ราวกับว่าต้องการให้เขายืนยันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงหรือไม่ “อิงเจี๋ย นี่ไม่ใช่เรื่องจริง...”
“ฮึ ๆ พี่หญิง ท่านคงยังไม่ทราบกระมัง อิงเจี๋ยเป็นคนพาคนไปบุกค้นจวนฉินกั๋วกงเองนั่นแหละ” ใบหน้าของมู่เสวี่ยโหรวเต็มไปด้วยความสุขที่ผู้อื่นได้รับเคราะห์ “และเขาก็ยังเป็นคนพบหลักฐานที่แสดงว่า สกุลฉินสมคบกับศัตรูคิดกบฏอีกด้วย”
“ข้าไม่เชื่อ”
“พี่ใหญ่ ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ที่สำคัญก็คือท่านต้องดื่มยาถ้วยนี้ลงไปเสีย” รอยยิ้มบนใบหน้ามู่เสวี่ยโหรวพลันเปลี่ยนเป็นสีหน้าอำมหิต
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” มู่หว่านซีใจคอไม่ดี ทว่ายามนี้ร่างทั้งร่างของนางนั้นไร้เรี่ยวแรง ไม่อาจขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อย
“ห้ามแตะต้องพระชายาของข้านะ!” ชิงจู๋รีบโผเข้าไปปกป้องมู่หว่านซี “จวิ้นอ๋อง คุณหนูรอง พระชายาช่วยเหลือพวกท่านเอาไว้มากมาย เหตุใดพวกท่านถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้”
“นังขี้ข้าสารเลว ไสหัวไป!” มู่เสวี่ยโหรวฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าชิงจู๋ แต่น่าเสียดายที่นางไม่ถอยห่างแม้แต่คืบเดียว ซ่งอิงเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบชิงจู๋จนกระเด็น ศีรษะนางชนเข้ากับขอบโต๊ะอย่างแรงจนหัวแตกเลือดไหล ก่อนจะแน่นิ่งไป ชิงจู๋ก็เป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง ไหนเลยจะทนรับแรงถีบของซ่งอิงเจี๋ยได้
“ชิงจู๋!”
“พี่หญิง ท่านจะดื่มเอง หรือจะให้น้องเรียกคนมาป้อนท่านดีเล่า?” มู่เสวี่ยโหรวถามพลางแสยะยิ้ม
“อิงเจี๋ย เด็กคนนี้ก็เป็นลูกท่านเหมือนกันนะ!” มู่หว่านซีเอ่ยวิงวอนขอร้อง
ซ่งอิงเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบคางมู่หว่านซีไว้แน่น “กรอกยาใส่ปากนาง”
“เจ้าค่ะ จวิ้นอ๋อง”
ซิ่วเหอถือถ้วยยาไว้ ส่วนลวี่อินกับชุ่ยฟูก็คอยจับตัวมู่หว่านซีไว้ทั้งสองข้างไม่ให้นางดื้นขัดขืน จากนั้นซิ่วเหอก็กรอกยาเข้าปากมู่หว่านซีจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวอย่างไม่ปราณี ในใจก็พลางคิดว่า‘ พระชายาท่านอย่าได้โทษข้าเลย หากจะโทษก็ต้องโทษตัวท่านเองที่โง่งมเกินไป!’
สายตาที่มู่หว่านซีมองซ่งอิงเจี๋ยค่อย ๆ สิ้นหวังขึ้นทุกที บุรุษผู้นี้คือคนที่นางทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้เขา ทว่าสุดท้ายแม้กระทั่งลูกของนางตัวเองก็ยังไม่ละเว้น!
“เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดกัน?” มู่หว่านซีกรีดร้องอย่างเดือดดาล นางเจ็บปวดจนแทบขาดใจ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าลูกในท้องค่อย ๆ หลุดออกไป ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของนางพลันเย้นเยียบ “เพราะเหตุใด เพราะเหตุใด?”
“เจ้าคิดว่าข้าแต่งงานกับเจ้าเพราะความรักจริง ๆ น่ะหรือ? เฮอะ ข้าก็แค่ต้องการความช่วยเหลือจากสกุลฉินของเจ้าก็เท่านั้น และตอนนี้ข้าก็ได้ทุกอย่างที่ตัวข้าต้องการแล้ว เจ้าคงยังไม่รู้สินะว่าจวนฉินกั๋วกงถูกประหารล้างตระกูลด้วยข้อหากบฏไปเรียบร้อยแล้ว กระทั่งเด็กทารกที่เพิ่งเกิดก็ถูกตัดหัวไปแล้ว”