พระชายาสารพัดพิษ
“ของดีอันใดกัน เอามาให้ข้าดูหน่อยสิ” มู่หว่านซีรีบสงบอารมณ์ของตัวเองแล้วรับด้ายไหมจากมู่เสวี่ยโหรวมาส่องดูใกล้ ๆ ตะเกียง ถึงได้พบว่าด้ายไหมนั้นเมื่ออยู่ใต้แสงตะเกียงสีของมันจะเปลี่ยนไป เมื่อมองจากภายนอกจะเห็นเป็นเพียงสีสันธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่เมื่อต้องแสงตะเกียงกลับพลันเปลี่ยนเป็นสีสันพร่างพราว งดงามยิ่งนัก ฮึ ๆ ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ชาติที่แล้วมู่เสวี่ยโหรวมอบด้ายไหมนี้ให้กับนาง และด้ายไหมนี้เองที่มันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนางจนย่อยยับ
“ด้ายไหมนี้ช่างงดงามยิ่งนัก โหรวเอ๋อร์ เจ้าได้มันมาจากที่ใดหรือ?” มู่หว่านซีเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ข้าชอบมันยิ่งนัก โหรวเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามาก”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกเจ้าค่ะ ขอแค่พี่ใหญ่ชอบก็ดีแล้ว ถึงอย่างไรอีกเจ็ดวันพี่ใหญ่ก็ต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว ส่วนโหรวเอ๋อร์ต้องรอถึงปีหน้าถึงจะเข้าพิธี โหรวเอ๋อร์หวังเพียงว่าพี่ใหญ่จะโดดเด่นสะดุดตา เป็นที่จับตามองของทุกคน” มู่เสวี่ยโหรวเอ่ยด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย
สายตามู่หว่านซีมีประกายเย้ยหยันวูบผ่าน โดดเด่นสะดุดตางั้นหรือ ย่อมต้องโดดเด่นสะดุดตาแน่ เพราะด้ายไหมนี้นางถึงต้องอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนตอนเข้าพิธีปักปิ่น ทั้งยังทำให้มารดาของตัวเองต้องตาย “ขอบใจน้องหญิงมาก พี่จะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”
“อืม พี่ใหญ่ ท่านรีบปักเถิดเจ้าค่ะ ฝีมือเย็บปักของพี่ใหญ่ กระทั่งนางกำนัลห้องเย็บปักในวังยังเทียบไม่ติด พอถึงตอนนั้น ทุกคนต้องตกตะลึงเป็นแน่” มู่เสวี่ยโหรวเห็นสีหน้าของมู่หว่านซียามที่ลูบไล้ด้ายไหมนั้นด้วยความชื่นชอบจนตัดใจวางมันไม่ลง มุมปากของนางก็หยักยิ้มอย่างร้ายกาจ มู่หว่านซี เจ้าเป็นบุตรีภรรยาเอกมาตั้งสิบสี่ปีแล้ว เจ้าก็ควรพอได้แล้ว!
มู่หว่านซีที่เดิมทีกำลังมองด้ายไหม จู่ ๆ ก็พลันหันกลับมามองและเห็นรอยยิ้มร้ายกาจนั้นของมู่เสวี่ยโหรว ทำเอามู่เสวี่ยโหรวตกใจจนต้องก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความละอายของตน “พี่ใหญ่ ท่านแม่คงตามหาข้าแย่แล้ว ข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ”
“อืม ไปเถิด” มู่หว่านซีพยักหน้าแล้วส่งมู่เสวี่ยโหรวกลับไปด้วยสายตา รอยยิ้มนั้นค่อย ๆ ฉีกกว้างขึ้น ก่อนจะกลายเป็นยิ้มที่เย็นยะเยือกชวนให้สะท้านเฮือก “มู่เสวี่ยโหรว ซูผิง สิ่งที่พวกเจ้าติดค้างข้า ข้าจะเอาคืนพวกเจ้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”
“คุณหนู ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?” ชิงจู๋ถามด้วยความประหลาดใจ
มู่หว่านซีหันมาทำท่าทางอ่อนโยนนุ่มนวลอีกครั้ง “ชิงจู๋ เจ้าคงเหนื่อย อยากจะพักแล้วกระมัง เจ้าเองก็ไปพักผ่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” ชิงจู๋ตั้งท่าจะไปเก็บตะกร้าเย็บปักให้เรียบร้อย ทว่ากลับถูกมู่หว่านซีห้ามไว้เสียก่อน “เอาวางไว้ตรงนี้แหละ ไม่ต้องเก็บ”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
มู่หว่านซีนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ โต๊ะ ขณะที่สายตาก็มองไปยังผ้าปักกับด้ายไหมในตะกร้า นางแค่นหัวเราะเย้ยหยัน “ในเมื่อพวกเจ้ามอบของขวัญล้ำค่าถึงเพียงนี้ให้ข้า ข้าก็ควรจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่ตอบแทนพวกเจ้าเสียหน่อย น้องหญิง ท่านป้า หวังว่าพวกท่านจะชอบของขวัญที่ข้ามอบให้นะเจ้าคะ”
มู่หว่านซีหยิบด้ายไหมนั้นขึ้นมาส่องดูใกล้ ๆ ตะเกียงให้ดี ๆ อีกครั้ง ด้ายไหมนี้เป็นกับดักที่ถูกวางเอาไว้แล้ว แม้เมื่อส่องดูใต้ไฟตะเกียงจะมีสีสันแวววาวระยับงามตา แต่พอผ่านไปพักหนึ่งแล้วเอากลับมาส่องดูใต้ไฟตะเกียงอีกครั้ง ก็จะเห็นว่ามันสกปรกน่ารังเกียจยิ่งนัก ลูกไม้เดิม ๆ นางไม่มีทางตกหลุมพรางของคนพวกนั้นอีกเป็นแน่!
รุ่งเช้าวันต่อมา มู่หว่านซีออกไปจากจวนเพียงลำพังอย่างเงียบ ๆ นางเป็นถึงบุตรีภรรยาเอกของจวน ย่อมมีสิทธิ์จะเข้าออกจวนได้ตามใจชอบ วันนี้นางจึงออกจากจวนเพื่อไปจัดการธุระเรื่องหนึ่ง
เรือนเย็บปักหนีฉางเป็นเรือนเย็บปักที่ดีที่สุดในแคว้นตงสวิน มู่หว่านซีมาที่นี่เพื่อหาคนผู้หนึ่ง เพราะไม่แน่ว่าคนผู้นี้อาจจะเห็นกลไกที่ซ่อนอยู่ในด้ายไหมนี้ก็เป็นได้
“ไม่ทราบว่าแม่นางจิ่นอยู่หรือไม่?” มู่หว่านซีในเสื้อคลุมตัวยาวเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ
“แม่นางต้องการให้แม่นางจิ่นปักผ้าให้หรือ?”
“มิได้” มู่หว่านซีหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมามอบให้เถ้าแก่ “ขอท่านโปรดนำผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไปมอบให้แม่นางจิ่นด้วยเถิด ข้าจะรออยู่ตรงนี้”