พระชายาสารพัดพิษ
มู่หว่านซีมองด้วยสายตาเย็นชา นางมองซิ่วเหอถูกโบยสามสิบไม้จนสลบไปกับตาของตัวเอง ถึงได้สั่งให้คนโยนนางเข้าไปไว้ในห้องเก็บฟืน ก่อนจะเดินนำชิงจู๋ไปยังห้องโถงด้านหน้า
ลวี่อินมองแผ่นหลังที่ห่างออกไปของมู่หว่านซีแล้วก็กัดฟันกรอด นางมุ่งหน้าไปที่เรือนของมู่เสวี่ยโหรว นางต้องบอกให้คุณหนูรองได้ทราบว่าคุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งยังเปลี่ยนไปอย่างประหลาดยิ่งนัก
ทันทีที่มู่หว่านซีเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า ก็เห็นเสนาบดีมู่กับอนุซูนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่อยู่ก่อนแล้ว จึงเข้าไปคารวะอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล “ลูกคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“หว่านซี เจ้าไปไหนมา เหตุใดถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้?” อนุซูถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทว่าในรอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยความร้ายกาจ
มู่หว่านซีส่งยิ้มละไมให้กับอนุซู ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเสนาบดีมู่ “ท่านพ่อ ลูกออกไปนอกจวนมาเจ้าค่ะ”
“บังอาจนัก เจ้าจะเข้าพิธีปักปิ่นอยู่แล้ว และตัวเองก็เป็นถึงลูกสาวผู้ดีมีตระกูล จะออกไปเพ่นพ่านนอกจวนตามใจชอบ เผยโฉมให้คนเห็นหน้าค่าตาได้อย่างไร จวนเสนาบดีเรามีกฎระเบียบเข้มงวด จะยอมให้เจ้าทำเรื่องกำเริบเสิบสานเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” เสนาบดีมู่ตบโต๊ะดังฉาดแล้วตวาดลั่นด้วยความเดือดดาล
ทว่ามู่หว่านซีกลับไม่โกรธ และไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด นางกลับเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ท่านพ่อ ลูกก็กำลังเตรียมตัวเข้าพิธีปักปิ่นอยู่อย่างไรเล่าเจ้าคะ ลูกอยากจะปักผ้าลายใหม่ ถึงได้ไปเรือนเย็บปักเพื่อเลือกลายปักเท่านั้น”
เสนาบดีมู่ขมวดคิ้วแน่น อนุซูเห็นเข้าจึงรีบเอ่ยขึ้น “หว่านซี ท่านพ่อของเจ้าก็เพียงเป็นห่วงเจ้าเท่านั้น จวนเสนาบดีของเรามีกฎระเบียบเข้มงวด เจ้าเป็นถึงบุตรีภรรยาเอกของจวนเสนาบดี เป็นหน้าเป็นตาของจวนเสนาบดีเรา มิใช่ท่านพ่อเจ้าอยากจะตำหนิเจ้าหรอกนะ”
“ท่านป้า” มู่หว่านซียิ้มกว้างให้อนุซู “นายหญิงของจวนเสนาบดียังอยู่ แต่ท่านกลับนั่งในตำแหน่งของท่านแม่ หากให้ใครเห็นเข้าคงคิดว่าท่านพ่อโปรดปรานอนุจนไม่ไว้หน้าภรรยาเอก และก็คงคิดว่าจวนเสนาบดีของเราไม่มีกฎระเบียบ ท่านป้ารีบลงมาจะดีกว่านะเจ้าคะ จะได้ไม่ทำให้ท่านพ่อต้องขายหน้า และพลอยทำให้จวนเสนาบดีของเราต้องขายหน้าไปด้วย”
อนุซูพลันหน้าซีดเผือด นางชี้หน้ามู่หว่านซีมือสั่นเทิ้ม หมายจะกราดด่าให้ลั่น ทว่ามู่หว่านซีกลับเข้าไปประคองนางให้ลงมาจากตำแหน่งที่นั่งของนายหญิงของจวนมานั่งตรงที่นั่งด้านข้างเสียก่อน “ท่านป้าช่างให้ความสำคัญกับหน้าตาของจวนเรายิ่งนัก ท่านแม่ข้าสุขภาพไม่ดี งานต่าง ๆ ในจวนล้วนต้องพึ่งท่านป้าให้ช่วยจัดการแทน หว่านซีขอขอบคุณท่านป้าไว้ ณ ที่นี่ด้วยเจ้าค่ะ ทว่าบัดนี้ท่านป้าเองก็กำลังตั้งครรภ์ ต้องระวังให้มากนะเจ้าคะ”
เสนาบดีมู่ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก ได้แต่มองบุตรสาวที่อ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไรด้วยความข้องใจ ที่ผ่านมาแค่นางเห็นเขาก็ออกอาการกลัวเสียแล้ว แต่เหตุใดบัดนี้ถึงได้กลายเป็นคนใจกล้า ถึงขนาดกล้าเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่กริ่งเกรงเช่นนี้
“ท่านพ่อเจ้าคะ อีกเจ็ดวันลูกก็จะเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว พรุ่งนี้ลูกอยากจะไปเยี่ยมท่านตากับท่านยาย ไม่ทราบว่าท่านพ่อคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ?” มู่หว่านซีเห็นเสนาบดีมู่กำลังจะเอ่ยปากก็รีบเข้าไปเอ่ยตรงหน้าเขา
“ท่านตากับท่านยายก็อายุมากแล้ว ท่านแม่ก็กำลังตั้งครรภ์ ไม่อาจแสดงความกตัญญูต่อพวกท่านได้ ลูกอยากแสดงความกตัญญูต่อพวกท่านแทนท่านแม่เจ้าค่ะ ขอท่านพ่อได้โปรดสงเคราะห์ลูกด้วยเถิดเจ้าคะ”
เสนาบดีมู่ลุกพรวดขึ้น แต่ทันใดนั้นเองเขาก็กลับรู้สึกว่าตัวเองออกจะหุนหันเกินไป จึงค่อย ๆ นั่งลง “เจ้าอยากไปเยี่ยมท่านตาท่านยายจริง ๆ น่ะหรือ?”
“เจ้าค่ะ ลูกไม่ได้ไปเยี่ยมท่านตาท่านยายหลายปีแล้ว สมควรจะต้องไปเยี่ยมพวกท่านสักหน่อย” มู่หว่านซีเอ่ยพลางยิ้มแย้ม สีหน้าท่าทางของนางดูใสซื่อจริงใจยิ่งนัก
เสนาบดีมู่พลันตาเป็นประกายขึ้นมา “ข้าเองก็บอกท่านแม่เจ้าตั้งนานแล้วว่าให้นางกลับไปเยี่ยมฉินกั๋วกงกับกั๋วกงฮูหยินบ่อย ๆ แต่นางร่างกายอ่อนแอ ออกจากจวนไม่ไหว เจ้าไปเยี่ยมพวกท่านแทนนางก็นับว่าเป็นเรื่องดียิ่งนัก เจ้าจงเตรียมของขวัญไปให้พวกท่านด้วย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน วันนี้เจ้าพาโหรวเอ๋อร์ไปด้วย นางไม่ค่อยได้ออกจากจวน เจ้าก็พานางไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็แล้วกัน”
“จริงด้วย หว่านซี เจ้าพาโหรวเอ๋อร์ไปจวนฉินกั๋วกงด้วยก็แล้วกัน หากมีเรื่องอันใดโหรวเอ๋อร์จะได้คอยเป็นลูกมือช่วยเหลือเจ้าได้” อนุซูก็เอ่ยเสริมคล้อยตามไปด้วย จวนฉินกั๋วกงมีฐานะสูงส่ง หากโหรวเอ๋อร์สามารถทำให้ท่านฉินกั๋วกงผู้เฒ่าโปรดปรานนางได้ เช่นนั้นโหรวเอ๋อร์ก็จะมีคนหนุนหลังเพิ่มขึ้นอีกคน อนุซูลูบท้องที่เริ่มโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัดของตัวเอง นัยน์ตาฉายแววประหลาด จวนเสนาบดีไม่ได้มีสามาชิกใหม่มานมนาน แล้วเหตุใดต้องจำเพาะเจาะจงเป็นฉินเยว่หย่าด้วยที่ตั้งครรภ์
มู่หว่านซียิ้มบาง ๆ “เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
เสนาบดีมู่เห็นมู่หว่านซีเต็มใจพามู่เสวี่ยโหรวไปจวนกั๋วกงด้วย โทสะทั้งหมดทั้งมวลก็พลันมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ก็ใช่ว่าเขาจะลืมเรื่องทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ไม่อาจรื้อฟื้นเรื่องที่นางออกจากจวนขึ้นมาให้เป็นเรื่องเป็นราวได้อีก “หว่านซี ต่อไปเจ้าอย่าได้ออกจากจวนไปตามใจชอบอีก ข้างนอกนั่นมีคนไม่ดีมากมาย เจ้ายังไร้เดียงสายิ่งนัก ระวังจะถูกคนรังแกเอาได้”
“เจ้าค่ะ ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ” มู่หว่านซีตอบรับอย่างว่าง่าย ท่าทางอ่อนแอยอมให้คนรังแกได้โดยง่ายเหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด ทำให้เสนาบดีมู่สิ้นสงสัยไปอย่างสิ้นเชิง
“เอาล่ะ เจ้าไปเตรียมพิธีปักปิ่นของเจ้าเถิด เจ้าเป็นบุตรสาวคนโตของภรรยาเอกแห่งจวนเสนาบดี จะให้ขายหน้าจวนเสนาบดีเราไม่ได้”
“รับทราบเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกขอตัวก่อน”
“ไปเถิด”