พระชายาสารพัดพิษ
“ท่านตาท่านยาย อย่าเพิ่งโมโหไปเลยเจ้าค่ะ นี่น้องหญิงเรือนเล็ก นางเป็นบุตรีของอนุซู นางยังไม่รู้ความเท่าใดนัก โปรดยกโทษให้นางด้วย”
“ข้าก็สงสัยอยู่แล้วเชียวว่านางเป็นผู้ใดกัน ที่แท้ก็เกิดจากอนุไม่มีหัวนอนปลายเท้า มิน่านางจึงหยาบคายได้ถึงเพียงนี้” ฮูหยินท่านกั๋วกงผู้เฒ่าเอ่ยตำหนิด้วยความไม่พอใจยิ่งนักท่านกั๋วกงผู้เฒ่ามีฮูหยินเพียงผู้เดียว จวนกั๋วกงจึงไม่มีบุตรอนุ และตัวของนางเองก็รังเกียจอนุของมู่ป๋อเยวี่ยนเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาของมู่เสวี่ยโหรวแดงก่ำไปด้วยความโกรธเนื่องจากคำพูดของฮูหยินท่านกั๋วกงผู้เฒ่า ภายในจวนเสนาบดี มีอนุซูคอยเป็นผู้ดูแล นางจึงเป็นดุจดวงแก้วมาตั้งแต่ยังเล็กยังน้อย การดูแลเอาใจใส่นั้นก็ดีกว่ามู่หว่านซีผู้เป็นบุตรีของภรรยาเอกทุกด้าน แต่บัดนี้นางถูกกล่าวขานราวกับเป็นสิ่งของไร้ราคา ดวงตาของนางจึงยิ่งแดงก่ำขึ้น
“ไม่มีมารยาท!” เฝิงซูอิ่งเกือบจะตะคอกตำหนินาง “เพราะเกิดจากอนุนี่เองจึงไม่รู้จักมารยาท เจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ใดกัน คิดว่าเป็นที่ที่เจ้าสามารถทำตัวหยาบคายได้ตามต้องการรึ!”
เมื่อมู่เสวี่ยโหรวถูกตำหนิเช่นนี้ นางก็ยกมือขึ้นปิดปากของตนเองแล้วรีบวิ่งออกไปโดยไม่สนใจต่อคำกล่าวของอนุซูอีกที่สั่งเสียไว้กับนาง นางรีบวิ่งหนีออกจากจวนกั๋วกงทันที
เมื่อมู่เสวี่ยโหรวออกไป มู่หว่านซีก็มีท่าทีผ่อนคลายขึ้น “ท่านตา ท่ายาย ท่านแม่คิดถึงท่านทั้งสองเป็นอย่างมาก ใช่ว่าท่านแม่ไม่อยากกลับมาพบหน้าท่านทั้งสอง เพียงแต่นางไม่สามารถเดินทางมาได้ โปรดอภัยให้นางด้วย”
“เด็กโง่ พวกเราล้วนรู้ดี” ฮูหยินท่านกั๋วกงผู้เฒ่าลูบศีรษะของมู่หว่านซีไปมา “นางเป็นบุตรีของข้า เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ ๆ ของข้า เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ใจนางหรือ?”
“พวกเราบอกนางไปตั้งแต่ต้นแล้วว่ามู่ป๋อเยวี่ยนนั้นหาใช่คนดี หากแต่นางก็ไม่คิดจะเชื่อ…”
“ท่านผู้เฒ่า!” ฮูหยินท่านกั๋วกงผู้เฒ่ากล่าวขึ้นเสียงดัง ท่านกั๋วกงผู้เฒ่าจึงปิดปากลง “มานี่มาซีเอ๋อร์ เจ้าใกล้จะต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว นี่เป็นของขวัญที่ตามอบให้เจ้า”
“ขอบคุณท่านตาเจ้าค่ะ”