พระชายาสารพัดพิษ
ตอนที่มู่เสวี่ยโหรวร้องไห้ออกไปจากจวนกั๋วกง ก็นำรถม้าของจวนเสนาบดีไปด้วย เมื่อถึงคราวมู่หว่านซีจะกลับจวน ก็ไม่เห็นรถม้าของจวนเสนาบดีมารับเสียที
“เป็นพวกต่ำต้อยอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่สามารถพาออกมาพบปะผู้คนได้” ฉินกั๋วกงฮูหยินพูดเย้ยหยันออกมา จากนั้นก็สั่งให้พ่อบ้านเตรียมรถม้าส่งมู่หว่านซีกลับจวนเสนาบดี
“ซีเอ๋อร์ หากเจ้าอยู่ที่จวนเสนาบดีแล้วลำบากใจ ก็กลับมาเถอะ ตระกูลฉินของเราแม้จะไม่ใช่ตระกูลร่ำรวย แต่ก็สามารถเลี้ยงดูเจ้าสองแม่ลูกได้ ใครกล้ารังแกพวกเจ้าสองแม่ลูก จวนฉินกั๋วกงก็จะไม่ยอมเด็ดขาด! ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้าสะใภ้ ซีเอ๋อร์ทราบแล้วเจ้าค่ะ” มู่หว่านซีพยักหน้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นชิงจู๋ก็ประคองนางขึ้นรถม้า
“พ่อบ้าน เจ้าไปส่งคุณหนูกลับจวนเสนาบดี” ฉินกั๋วกงยังคงไม่สบายใจจึงรับสั่งออกไป
“ขอรับ นายท่าน”
ฉินกั๋วกงฮูหยินมองรถม้าที่เคลื่อนออกไปไกล ก็ขมวดคิ้วแน่น หลานสาวคนโตคนนี้ของนางเกรงว่าจะใช้ชีวิตในจวนเสนาบดีไม่มีความสุขสักเท่าไหร่ แล้วก็น้องสะใภ้คนนั้นของนางด้วย เสนาบดีมู่เป็นคนยังไง นางก็รู้ดี แต่น่าสงสารที่น้องสะใภ้มองคนไม่ออก จึงได้ทำลายความสุขตลอดชีวิตของตัวเอง
“ซูอิ่ง เป็นอะไรไป?”
“ท่านพี่ ข้าเป็นห่วงซีเอ๋อร์เจ้าเด็กคนนี้” ฉินกั๋วกงฮูหยินถอนหายใจ “เด็กคนนี้ช่างทำให้คนรู้สึกสงสารจริง ๆ ”
ฉินกั๋วกงถอนหายใจ “เรื่องของเรือนหลัง เราไม่สะดวกที่จะเข้าไปยุ่ง เจ้าเด็กคนนั้น คงต้องลำบากเจ้าช่วยดูแลแล้ว น้องสาวก็มีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว แต่น้องสาวก็ยังเป็นคนที่อนทนอดกลั้นอีก เกรงว่าหากได้รับความลำบากใจแล้วก็ไม่ยอมพูดออกมา”
“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลนางให้มากขึ้น”
มู่เสวี่ยโหรวร้องไห้จนกลับมาถึงจวนเสนาบดี เมื่ออนุซูเห็นแล้ว ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันโกรธมาทันที มู่หว่านซีช่างกล้ามากเกินไปแล้ว กล้าทำให้ลูกสาวสุดที่รักของนางร้องไห้