กู๊ดบาย นายสุดที่รัก
ผู้เขียน:Glad Rarus
หมวดหมู่โรแมนติก
กู๊ดบาย นายสุดที่รัก
ยู่ชางเหิงขมวดคิ้วและมองไปที่เจียงหว่านฉือ เขาสงสัยว่าเขาได้ยินผิดรึป่าว จนกระทั่งได้ยินเสียงตะคอกแหลม ๆ ของหลินเยี่ยนเฟินดังขึ้นมา
“หย่า! รีบหย่าเดี๋ยวนี้เลย! ถ้าไม่ใช่เพราะความปรารถนาสุดท้ายของเจิ้งเต๋อ อาเหิงไม่มีวันแต่งงานกับแกแน่! ไม่รู้ว่าแกไปพูดจาอะไรให้เขาลุ่มหลงนัก! ดูแกสิ คู่ควรกับตระกูลยู่ของเราตรงไหนกัน? ตัวซวยเอ๊ย! ฉันว่าอาเหิงควรจะหย่ากับแกไปนานแล้ว! ต้องให้แกมาขอหย่าด้วยงั้นเหรอ?! แกกล้าดียังไงกัน!”
เจียงหว่านฉือยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
หลินเยี่ยนเฟินพูดถูกอยู่อย่างหนึ่ง ที่เธอสามารถแต่งงานกับตระกูลยู่ได้ เพราะเธอมีบุญคุณกับยู่เจิ้งเต๋อ ซึ่งเป็นพ่อของยู่ชางเหิงที่ล่วงลับไปแล้ว และพ่อของเขาก็เป็นคนขอให้เขาแต่งงานกับเธอเอง... ไม่ใช่ว่าเขาอยากแต่งงานกับเธอ!
เจียงหว่านฉือไม่สนใจ หันหลังกลับและจากไป ถ้าเธออยู่ที่นี่ต่อไปอีกเสี้ยววินาที ก็เท่ากับเธอหาเรื่องใส่ตัวเองชัด ๆ !
ไม่มีใครยื้อเธอไว้ มีแค่เสียงคำแช่งด่าของหลินเยี่ยนเฟิน ราวกับว่าคนที่จะหย่าเป็นตัวเธอเองอย่างไรอย่างนั้น
จากห้องผู้ป่วยไปที่ประตูนั้นห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เจียงหว่านฉือกลับรู้สึกมันเดินยากเย็นพิลึก เธอไม่ต้องการเผยด้านที่อ่อนแอของตัวเองต่อหน้าคนเหล่านี้ แต่ขาของเธอนั้นมันหนักมากราวกับมีก้อนหินทับไว้ หนักจนไม่อาจจะควบคุมได้
พอเดินออกมาจากประตูโรงพยาบาล ในที่สุดเจียงหว่านฉือก็กลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาของเธอไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย
เธอใช้เวลาสามปีในการพิสูจน์ว่าเธอคิดผิดไปถนัด
ถือซะว่าเลี้ยงหมามาตลอดสามปีที่ผ่านมาละกัน!
พอลมหนาวพัดมา เจียงหว่านฉือก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา เธอเดินเซและสะดุดบนถนน
แขนรู้สึกปวดมาก แต่ก็ยังเทียบกับความเจ็บปวดในใจตอนนี้ไม่ได้เลย
หัวมันเริ่มมึนขึ้นเรื่อย ๆ และสายตาก็เบลอมากขึ้นเรื่อย ๆ เจียงหว่านฉือรู้สึกว่าเธอไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยมือที่สั่นเทาและกดโทรออก
“ฉันตัดสินใจหย่าแล้ว...”
พอเสียงดังออกมา เธอถึงตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังสะอื้น
ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์จะได้ยินชัดเจนหรือไม่ แต่จู่ ๆ เธอก็หน้ามืดและโลกหมุน ก่อนเจียงหว่านฉือจะหมดสติไป
ไม่นานนักก็มีเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาในหู เฮลิคอปเตอร์บินลงมาจากท้องฟ้า และจอดอยู่ไม่ไกลจากเจียงหว่านฉือ
ประตูเฮลิคอปเตอร์เปิดออก และก็มีผู้ชายที่เหมือนกับเทพเจ้าเดินลงมาข้าง ๆ อย่างเร่งรีบแล้วอุ้มเธอขึ้น
“เด็กโง่เอ๊ย ในที่สุดก็รู้จักหันหลังกลับมาสักที”
ครู่ต่อมา เฮลิคอปเตอร์ก็บินออกไปและถนนก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
…
ณ ห้องผู้ป่วย หลินเยี่ยนเฟินดูเหมือนจะยังด่าไม่สะใจ เธอพูดกรอกหูยู่ชางเหิงไม่หยุด “อีตัวนั่นมีสิทธิ์อะไรมาขอหย่า? มีคนมากมายขนาดไหนที่ต้องการประจบประแจงตระกูลยู่ของเรา! มันคิดว่ามันเป็นใคร? อยากมาก็มา อยากไปก็ไป...”
“พูดพอรึยัง?” ยู่ชางเหิงมองหลินเยี่ยนเฟิน เสียงของเขาไม่ดัง แต่ดูมีพลังมาก
หลินเยี่ยนเฟินสบถออกมาอย่างไม่เต็มใจ กอดอกและหันหน้าไปอีกทาง
“พี่ พาแม่กลับไปพักก่อนเถอะ” ท่าทางของยู่ชางเหิงดูเย็นชาและน้ำเสียงของเขานั้นก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
“อ่อ”
พอรู้สึกถึงความไม่พอใจของยู่ชางเหิง ยู่ชิงชิงก็ลุกขึ้นยืนอย่างรู้เรื่อง แล้วหยิบกระเป๋าถือของเธอ พยุงหลินเยี่ยนเฟินและจากไป
พอทั้งคู่จากไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยนั้นเหลือแค่ยู่ชางเหิงและไป๋เสี่ยวโหรวสองคนตามลำพัง
ไป๋เสี่ยวโหรวนั่งลงบนเตียง ก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วกัดริมฝีปากเบา ๆ
“ทำไมต้องโกหกด้วย?”
“ฉันแค่กลัวว่าคุณจะไม่สนใจฉัน” ไป๋เสี่ยวโหรวเงยหน้าขึ้น น้ำตาล่อหน่วย ใบหน้าของเธอดูน่าเห็นใจมาก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ อาเหิง ฉันกลัวมากจริง ๆ ค่ะ ฉันยังอยากถ่ายหนัง ฉันเข้าคุกไม่ได้จริง ๆ ถ้าเกิดเรื่องพวกนี้ถูกเปิดเผย อาชีพของฉันต้องพังแน่ ๆ ”
เธอยื่นมือออกไปจับแขนเสื้อของยู่ชางเหิง “อาเหิง คุณเชื่อฉันสิคะ ตอนนั้นฉันเบลอมาก จริง ๆ แล้ว ฉันอยากจะตาย ๆ ไปซะ แต่ก็ทำไม่ลง ฉันยังมีลูกของเราอยู่ในท้องด้วยนะคะ อาเหิง ถ้าคุณไม่ต้องการเด็กคนนี้ ฉันตัดขาดจากคุณก็ได้ ฉันจะเลี้ยงเด็กคนนี้เองคนเดียว...”
“พอได้แล้ว!” เสียงของยู่ชางเหิงค่อนข้างดัง แสดงถึงความหงุดหงิดเล็กน้อย
ไป๋เสี่ยวโหรวตกใจจนริมฝีปากสั่น สีหน้าของเธอก็กระวนกระวายเล็กน้อย สายตาของยู่ชางเหิงนั้นน่ากลัวมาก ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุทุกสิ่งได้
จริง ๆ แล้วในคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาเลย เธอกังวลว่ายู่ชางเหิงจะมองออก เธอเลยก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของเขา
พอเห็นท่าทางน่าสงสารของไป๋เสี่ยวโหรวแล้ว ยู่ชางเหิงก็ถอนหายใจออกมา
“วันนั้นฉันเมามาก จำไม่ได้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเด็กเกิดมาแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอก เธอพักผ่อนเถอะ”
พอพูดจบ ยู่ชางเหิงก็ดึงแขนของเขาออกจากมือเธอ ก่อนจะหันกลับและออกจากห้องไป