“ระหว่างกูกับความถูกต้อง มึงจะเลือกอะไร” “ผมเลือกความถูกต้อง และก็จะเอาคุณด้วย”
กาลครั้งหนึ่งมีราชสีห์เจ้าป่าที่พลาดท่าติดบ่วงของนายพราน
ทว่ากลับมีเจ้าหนูแสนดีบังเอิญมาพบเลยช่วยปลดปล่อยราชสีห์จากพันธนาการ
เเต่! แต่! เเต่!
เจ้าหนูตัวนี้คงไม่เคยได้ยินสำนวนที่ว่า อย่าปล่อยเสือเข้าป่า มิเช่นนั้นมันจะนำพาหายนะมาให้
.
.
.
.
.
.
“ฮ่าๆ มึงนี่มันโคตรโง่เลยวะ ไม่ยอมอ่านสัญญาเอง แล้วยังมีหน้ามาว่ากูเอาเปรียบ กูให้เวลาอีกสองวันถ้ามึงไม่ย้ายออก มึงจะได้เป็นผีเฝ้าที่ตรงนั้นแหละ ไอ้โง่เอ้ย!”เสียงชายหน้าคมเข้มคุยโทรศัพท์ดังลั่นห้องทำงานใหญ่ กลางชุดสูทดำที่ถูกเปิดโล่งเพื่อความสะดวก เผยให้เห็นกล้ามอกอันหนักแน่นที่ถูกประดับประดาสวยงามด้วยรอยสักคำว่า“GREEDY”(ความโลภ) เป็นคำที่มีความหมายตรงตัวและเหมาะสมกับเขาเป็นที่สุด
“ท่านเมธีคะ”หญิงสาวผมบลอนด์ในชุดเดรสแดงพร้อมปากสีแดงจัดเป็นเงา เดินเข้ามาสู่สายตาหน้ากลัวของชายหนุ่ม
“มีอะไรเจนิเฟอร์!”นักธุรกิจหนุ่มขมวดคิ้วทำท่าทีไม่สบอารมณ์ใส่หญิงสาวตรงหน้า ต่างกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแสนน่ากลัวเมื่อสักครู่
“ดิฉัน อยากจะ ขอลาพักร้อนนะคะ”หญิงสาวพูดร้องขอด้วยท่าทางตะกุกตะกัก ไม่กล้าสู้สายตาสีมรกตที่กำลังก้าวเดินเข้าหาเธอ ทุกก้าวที่ย่างกราย ทำเอาหัวใจของหญิงสาวสั่นไหวราวกับจะถูกอีกฝ่ายควักออกไปทั้งเป็น
“คำขอของเธอขึ้นอยู่กับว่าเธอจะทำให้ฉันสนุกได้มากแค่ไหน คืนนี้ไปเจอฉันที่ห้อง”มือหนาสากลูบไล้ใบหน้าแสนสวยของหญิงสาว แล้วบีบเข้าไปยังแก้มสีอิฐอ่อน ก่อนจะเอื้อมหน้าเข้าใกล้อย่างสนใจในร่างกายของเธอ สิ้นกิริยาชวนขนลุก เขาก็ติดกระดุมจนครบทุกเม็ดแล้วเดินออกไปจากห้องกว้าง หลงเหลือแค่ใบหน้าถอดสีกับร่างเรียวบางที่ตอนนี้กำลังวิตกกังวลและครุ่นคิดเป็นอย่างหนักว่าจะยอมรับเงื่อนไขของปีศาจตนนี้ดีไหม เพราะเธอเองก็รู้ดีว่าถ้าหากทำให้อีกฝ่ายเพลิดเพลินไม่ได้ จะมีจุดจบยังไง
ขณะเดียวกันนั้น ที่บริษัทใหญ่ชั้นล่างของชายนักธุรกิจ
กรึบ! ประตูเลื่อนอัตโนมัติเริ่มทำงาน แผ่นกระจกใสสองบานเบิกกว้าง เปิดเส้นทางให้เด็กหนุ่มร่างสูงสัญจรผ่านไป เขาก้าวเดินต่ออย่างไม่ลดละ ผ่านพ้นผู้คนมากมาย จนมาถึงแผนกบุคคลซึ่งเป็นเป้าหมาย ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าพนักงานผู้ดูแล
“ผมมาสมัครงานครับ”หนุ่มน้อยหน้าตายในชุดสูทขาเขิน แม้เขาจะไม่ชอบใส่เสื้อผ้าที่เป็นพิธีแต่ก็ต้องฝืนทนเพื่องานพิเศษที่อยากทำ เด็กหนุ่มยื่นใบสมัครพร้อมประวัติส่วนตัวให้พนักงานสาว หลังจากนั้นก็ค่อยๆฉีกยิ้มกว้างส่งไปหาเธอ ซึ่งภายในใจของเขาไม่เชื่อว่าวิธีการยิ้มที่พี่ชายแนะนำมานี้มันจะได้ผล แต่ลองดูสักหน่อยก็คงไม่มีอะไรเสียหาย...อย่างมากก็แค่เสียหน้า
“เอ่อ...เป็นอะไรหรือเปล่าคะสีหน้าคุณดูไม่ดี...”
“ป่าวครับ ผมสบายดี”เด็กหนุ่มหุบยิ้มทันทีโดยไม่รีรอให้หญิงสาวพูดจบ ดูเหมือนว่าวิธีที่พี่ชายแนะนำมาจะใช้ไม่ได้ผลตามที่เขาคาดไว้
พนักงานสาวพยักหน้าน้อมรับแม้จะไม่เข้าใจ แต่ด้วยหน้าที่ เธอจึงรีบดูใบสมัครสลับกับประวัติส่วนตัวของอีกฝ่าย พิจารณาสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสนทนากับเขา
“คุณปานตะวันใช่ไหมคะ ประวัติคุณดีมากเลยนะคะ ไอคิวคุณสูงมาก! สูงถึง250 เกรดการเรียนก็4.00ตลอด สมรรถนะร่างกายก็ดีเยี่ยม ไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด” ประโยคคำชมที่บ่งบอกถึงข้อดีมากมายของเด็กหนุ่ม ซึ่งถ้าไม่รับเขาเข้าทำงาน บริษัทนี้คงอดได้คนเก่งมากความสามารถไป ประกายแห่งความหวังได้เริ่มจุดขึ้นในหัวใจของปานตะวัน
“แต่ขอโทษนะคะคุณปานตะวัน ทางบริษัทของเราไม่รับพนักงานที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีค่ะ” แม้ตะวันจะครบเครื่องในทุกด้านและเป็นการยากที่ใครจะปฏิเสธ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านวัยวุฒิ ทำให้นายตะวันต้องอดได้งานนี้ไปตามระเบียบ
“แต่ผมพร้อมทำงานแล้วนะครับ ผมทำได้ทุกอย่างเลย!”ตะวันแสดงความมุ่งมั่นเป็นครั้งสุดท้าย ถึงมันจะดูออกไปทางดื้อด้านซะมากกว่า เขาอยากได้งานนี้มาก แต่ถึงจะมากขนาดไหน มันก็ไม่อาจทำให้พนักงานเปลี่ยนกฎของบริษัทเพื่อรับเขาเข้าทำงานได้อยู่ดี ประกายแสงสว่างแห่งความหวังค่อยๆดับลงภายใต้ใบหน้าที่เยือกเย็นของเด็กหนุ่ม
“เชิญค่ะ”พนักงานผายมือไปทางเดิมที่ตะวันผ่านมา มืออีกข้างของเธอก็ขยำใบสมัครแล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี ก่อนจะใช้หางตาชำเลืองมองไปยังตะวัน ทำตัวราวกับอยู่กันคนละชั้นกับเด็กหนุ่ม เธอเดินไปคุยโทรศัพท์ต่อ ไม่สนใจอีกฝ่ายที่นั่งมองการกระทำทั้งหมด
ตะวันเดินคอตกเข้าไปเก็บประวัติของเขาที่ถูกโยนทิ้งอย่างไร้ค่าขึ้นมา สุดท้ายแม้จะถูกกระทำราวกับอากาศธาตุ เขาก็เลือกที่จะกลับไปนั่งรอพนักงานคนนั้นดังเดิม
“อ้าว! นี่คุณยังไม่ไปอีกเหรอ ก็บอกไปแล้วไงว่าเราไม่รับ จะไปไหนก็ไป”พนักงานสาวพูดไล่ทันทีที่คุยโทรศัพท์เสร็จ ทางตะวันก็ยังคงนั่งจ้องหน้าไม่ไปไหน ก่อนจะเอ่ยความลับที่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับต้องสั่นกลัว
ตึกตักตึกตักตึกตัก!(เสียงหัวใจของพนักงานสาว)
“คุณช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม ว่าผมต้องนอนกับใครถึงจะได้เข้ามาทำงานที่นี่ ใช่คุณxxxคนที่คุยด้วยเมื่อกี้หรือเปล่า”สิ้นคำพูดของเด็กหนุ่ม เขาก็ลุกขึ้นพร้อมใช้หางตาชำเลืองมองกลับไปยังพนักงานสาวเหมือนกับที่เขาถูกกระทำ อีกหนึ่งความสามารถของนายปานตะวันที่เขาไม่ได้กรอกใส่ใบสมัคร คือเขามีหูที่ดีกว่าคนทั่วไปหลายล้านเท่า จึงได้ยินทุกการสนทนาหรือแม้แต่เสียงหัวใจที่เปลี่ยนไปของพนักงานคนนั้น ถึงจะเป็นการเสียมารยาท แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมีมารยาทกับคนที่ไม่มีมารยาทกับเราก่อน การมาสมัครงานในครั้งนี้ ทำให้ตะวันตระหนักได้ทันทีว่า การจะได้ในสิ่งที่ต้องการมานั้น ใช้แค่ความสามารถและวิธีการที่ถูกต้อง...มันคงไม่พอ
กรึบ! เสียงประตูอัตโนมัติเปิดให้ตะวันผ่านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นและประกายเพลิงแห่งความหวังมันได้ดับสูญไปจากจิตใจของเขาเป็นที่เรียบร้อย
“บ้าเอ้ย!”ตะวันสบถดังลั่นหน้าบริษัท พร้อมกับขย้ำประวัติของตนที่อุตส่าห์เก็บมาจนยับยู่ยี่แทบจะขาดเป็นชิ้นๆ ก่อนจะขว้างมันทิ้งไป ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นมาทั้งหมด ทว่ามันดันไปโดนรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลเข้าอย่างไม่ได้เจตนา
ตี๊ด! ตี๊ด! ในทันใดนั้นเสียงรถหรูสีดำคันนั้นก็ดังขึ้น
“ซวยแล้วไง! วันนี้เป็นวันเชี้ยอะไรวะ!”ตะวันสบถคำหยาบออกจากปาก ซึ่งปกติมันเป็นพฤติกรรมที่หาได้ยากจากชายคนนี้ คงเพราะความเกรี้ยวกราดทะยานสูงจนทะลุเพดานความอดทน ทำให้ตะวันเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่ค่อยอยู่
ตี๊ด! ตี๊ด!
ถึงอย่างนั้นเสียงที่ดังมาก็ไม่หยุดสักที
ตี๊ด! ตี๊ด!
มันดังเป็นจังหวะที่แปลกไปจากรถทั่วไป
ตี๊ด! ตี๊ด!
เสียงแบบนี้มันไม่ใช่เสียงสัญญาณกันขโมยของตัวรถแน่นอน เพราะถ้าเทียบกันจริงๆแล้ว เสียงมันเบาผิดปกติ ซึ่งน่าจะมีแค่ตะวันเท่านั้นที่จะได้ยิน
ตะวันจ้องเขม็งรถคันนั้นด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปดูเพราะไม่รู้ว่ารถคันนั้นเป็นของใคร แล้วทำไมมันถึงส่งเสียงแบบนั้น เด็กหนุ่มทำได้แค่ยืนมองรถคันนั้นไม่ทิ้งห่างไปไหน ทำให้เขาไม่ทันระว...
“เกะกะ!” ชายหนุ่มร่างใหญ่เดินชนไหล่ผ่านตะวันไป เขาหมายมุ่งจะขึ้นรถคันนั้นด้วยความเร่งรีบ โดยไม่ดูลู่ดูทางเเละไม่แม้จะหันกลับมาขอโทษเลยสักคำ
“เดี๋ยวก่อนครับ!”ตะวันรีบคว้าแขนอีกฝ่ายห้ามไม่ให้ไปจากเขาทันทีที่เขาได้ยินเสียงรถที่เริ่มแปลกไป
ตูม!
แรงระเบิดอัดกระเเทกชายทั้งสองให้ล้มลงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ประจวบเหมาะกับเสี้ยววินาทีที่ตะวันดึงอีกฝ่ายเข้ามาประชั้นชิด ทำให้ตอนนี้ตะวันถูกชายคนนั้นนอนซบอยู่กลางอกพร้อมกับแขนที่โอบล้อมตามสัญชาตญาณ เป็นการปกป้องไม่ให้อีกฝ่ายได้รับอันตราย
ช่วงเวลาหลังจากรถคันนั้นระเบิดได้ไม่นานนัก เด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งฟื้นคืนสติกลับมาก่อนเป็นคนแรก ตะวันรีบหันกลับมาดูคนในอ้อมกอดทันที เขาพบว่าชายผู้ไร้มารยาทยังคงนอนหายใจอยู่บนตัวเขา กลิ่นน้ำหอมเบาบางล่องลอยกระทบจมูกของเด็กหนุ่ม สอดแทรกเสียงหัวใจและไอเย็นจากร่างหนาของอีกฝ่าย ใบหน้าแสนคมเข้มที่ยากจะละทิ้งการจ้องมองนั้น มันทำให้ปานตะวันจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกของความรู้สึกอันยากเกินกว่าจะพรรณนา
ทันใดนั้น ฉากโรแมนติกดั่งละครหลังข่าวในพระราชสำนักก็ได้จบลง เมื่อดวงตาสีมรกตสุดน่ากลัวเบิกกว้าง ฉุดกระชากปานตะวันให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ ณ ห้วงเวลาที่เชื่องช้าประดุจถูกหยุดไว้ ข้อมูลมากมายของอีกฝ่ายก็เริ่มหลั่งไหลย้อนเข้ามาในหัว ตะวันรู้ได้ทันทีว่า ชายคนนี้เเหละคือเป้าหมายของเขา
เมื่อชายผู้ไร้มารยาทฟื้นคืนสติ เขาเริ่มพยายามดิ้นรนให้พ้นพันธนาการจากวงแขน รีบลุกขึ้นปัดตัวพรางหันไปมองยังกองเพลิง ไม่สนใจชายที่นอนอยู่เบื้องล่างเลยสักนิด
“คุณเป็นอะไรไหม”ตะวันไตร่ถามทันทีที่ลุกขึ้นมาได้ ก่อนจะหันกลับมาตรวจสอบร่างกายตนเอง
“ไม่”
“เห้อ! โชคดีไป”ตะวันถอนหายใจดัง เพราะเขาคงต้องเสียใจมากแน่ๆ หากช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ไม่ได้
“ล้านหนึ่ง เเล้วทำเป็นว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น”ชายหนุ่มหันมายื่นข้อเสนอ สีหน้าและคำพูดของเขาช่างเย็นชาไม่แยแสเเม้กระทั้งคนที่พึ่งจะช่วยชีวิตตัวเองไว้
“อะไรนะ!?”คิ้วสองข้างของตะวันพุ่งเข้าจรดกันแล้วรีบหันหน้ามองมายังอีกฝ่ายทันที
“หูหนวกหรือไงวะ”
“เเค่พูดว่าขอบคุณมันยากนักเหรอครับ หรือคุณกลัวจะมีเหรียญออกมาจากปากแดงแดงนั่น”
“ก็จะจ่ายแทนคำขอบคุณอยู่นี่ไง ไอ้เด็กสี่ตาสีผมประหลาด”
ต่างฝ่ายต่างต่อล้อต่อเถียงกันไม่ลดละ จากสีหน้าเฉยเมยของบุรุษทั้งสอง แปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจจนเห็นได้ชัด อารมณ์ที่รุนแรงผ่านดวงตาสีขจีเข้ม เข้าปะทะกับดวงตาสีพิลึกอันอยู่เหนือกว่า
“หรือจะเอาเป็นอย่างอื่น ตำแหน่งเหรอ? ที่ดินไหม? หรืออะไรดี อะไรที่ชาตินี้คนอย่างมึงไม่มีวันหามาได้ กูจะเอามันมากองอยู่ตรงหน้าให้ แค่อย่าเสนอหน้าเสร่อๆมาให้กูเห็นอีกตลอดชีวิต”ชายหนุ่มก้าวเดินเข้าหาตะวันด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว พร้อมกับคำพูดเย้ายวนชวนบาทา ให้มาประทับอยู่บนหน้าซะเหลือเกิน
“ผมไม่สนใจข้อเสนอ ของไอ้ปีศาจโลภมากอย่างคุณหรอกครับ คุณเมธี!”ตะวันกดความโกรธไว้ใต้รองเท้า ก่อนจะเดินเข้าประจันหน้ากับอีกฝ่าย แม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะมีร่างกายแข็งแรงกำยำกว่าเขา แต่เรื่องส่วนสูงทางตะวันกลับกินขาด
“ก็ดี อย่ามาทวงบุญคุณทีหลังแล้วกัน” เมธีเดินกระแทกไหล่ผ่านตะวันไปอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน คงเพราะเขาเองก็พยายามระงับโทสะไว้เช่นเดียวกัน ขณะนั้น ดวงตาสีมรกตดุร้ายของเมธีก็ได้หันกลับไปสบตาตะวันชั่วระยะ ก่อนที่ทั้งสองจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ด้วยความไม่สบอารมณ์ทั้งคู่
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะปล่อยให้คุณตายซะ”คำพูดอันโหดร้ายจากปากของเด็กหนุ่ม ที่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยคิดจะพูดมันใส่ใคร คำพูดนั้นทำให้ชายนักธุรกิจต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับมาสนทนาด้วยเป็นครั้งสุดท้าย
“มึงทำพลาดเองนะไอ้หนู”
เมธีหันมาชำเลืองมองด้วยหางตาเป็นนัยยะ ทิ้งรอยยิ้มมุมปากแสนชั่วร้าย ฝังมันลึกเข้าไปยังความทรงจำของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเดินจากไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับปานตะวัน...
“ไม่ได้ยินเสียงหัวใจ...สงสัยคงจะเป็นปีศาจจริงๆสินะ”ตะวันพูดถึงอีกฝ่ายเพียงลำพัง
ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิด หรือเขาไม่ได้คิดอะไรเลยกันแน่ ถึงได้ไปช่วยชีวิตชายที่คนทั้งโลกต่างหวาดกลัว การกระทำของเขาในครั้งนี้ มันจะทำให้เขาต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เฉกเช่นเจ้าหนูน่าโง่ในนิทาน...
กระผม:คนประหลาด
ขอขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านนิยายของผมนะครับ
ขอขอบพระคุณจากใจจริง
ป.ล.หากกระผมเขียนผิด เขียนไม่ดี สามารถชี้แนะ สามารถแนะนำได้นะครับ
เพราะนักอ่านคืออาจารย์ของผม
ขอบพระคุณครับ
(ก้มกราบ🙇♂️)
บทที่ 1 ตอนที่1 ราชสีห์กับหนู
05/01/2024