Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
นิยายเจ็ดบาป | ปฏิปักษ์รัก

นิยายเจ็ดบาป | ปฏิปักษ์รัก

คนประหลาด

5.0
ความคิดเห็น
24
ชม
1
บท

“ระหว่างกูกับความถูกต้อง มึงจะเลือกอะไร” “ผมเลือกความถูกต้อง และก็จะเอาคุณด้วย”

บทที่ 1 ตอนที่1 ราชสีห์กับหนู

กาลครั้งหนึ่งมีราชสีห์เจ้าป่าที่พลาดท่าติดบ่วงของนายพราน

ทว่ากลับมีเจ้าหนูแสนดีบังเอิญมาพบเลยช่วยปลดปล่อยราชสีห์จากพันธนาการ

เเต่! แต่! เเต่!

เจ้าหนูตัวนี้คงไม่เคยได้ยินสำนวนที่ว่า อย่าปล่อยเสือเข้าป่า มิเช่นนั้นมันจะนำพาหายนะมาให้

.

.

.

.

.

.

“ฮ่าๆ มึงนี่มันโคตรโง่เลยวะ ไม่ยอมอ่านสัญญาเอง แล้วยังมีหน้ามาว่ากูเอาเปรียบ กูให้เวลาอีกสองวันถ้ามึงไม่ย้ายออก มึงจะได้เป็นผีเฝ้าที่ตรงนั้นแหละ ไอ้โง่เอ้ย!”เสียงชายหน้าคมเข้มคุยโทรศัพท์ดังลั่นห้องทำงานใหญ่ กลางชุดสูทดำที่ถูกเปิดโล่งเพื่อความสะดวก เผยให้เห็นกล้ามอกอันหนักแน่นที่ถูกประดับประดาสวยงามด้วยรอยสักคำว่า“GREEDY”(ความโลภ) เป็นคำที่มีความหมายตรงตัวและเหมาะสมกับเขาเป็นที่สุด

“ท่านเมธีคะ”หญิงสาวผมบลอนด์ในชุดเดรสแดงพร้อมปากสีแดงจัดเป็นเงา เดินเข้ามาสู่สายตาหน้ากลัวของชายหนุ่ม

“มีอะไรเจนิเฟอร์!”นักธุรกิจหนุ่มขมวดคิ้วทำท่าทีไม่สบอารมณ์ใส่หญิงสาวตรงหน้า ต่างกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแสนน่ากลัวเมื่อสักครู่

“ดิฉัน อยากจะ ขอลาพักร้อนนะคะ”หญิงสาวพูดร้องขอด้วยท่าทางตะกุกตะกัก ไม่กล้าสู้สายตาสีมรกตที่กำลังก้าวเดินเข้าหาเธอ ทุกก้าวที่ย่างกราย ทำเอาหัวใจของหญิงสาวสั่นไหวราวกับจะถูกอีกฝ่ายควักออกไปทั้งเป็น

“คำขอของเธอขึ้นอยู่กับว่าเธอจะทำให้ฉันสนุกได้มากแค่ไหน คืนนี้ไปเจอฉันที่ห้อง”มือหนาสากลูบไล้ใบหน้าแสนสวยของหญิงสาว แล้วบีบเข้าไปยังแก้มสีอิฐอ่อน ก่อนจะเอื้อมหน้าเข้าใกล้อย่างสนใจในร่างกายของเธอ สิ้นกิริยาชวนขนลุก เขาก็ติดกระดุมจนครบทุกเม็ดแล้วเดินออกไปจากห้องกว้าง หลงเหลือแค่ใบหน้าถอดสีกับร่างเรียวบางที่ตอนนี้กำลังวิตกกังวลและครุ่นคิดเป็นอย่างหนักว่าจะยอมรับเงื่อนไขของปีศาจตนนี้ดีไหม เพราะเธอเองก็รู้ดีว่าถ้าหากทำให้อีกฝ่ายเพลิดเพลินไม่ได้ จะมีจุดจบยังไง

ขณะเดียวกันนั้น ที่บริษัทใหญ่ชั้นล่างของชายนักธุรกิจ

กรึบ! ประตูเลื่อนอัตโนมัติเริ่มทำงาน แผ่นกระจกใสสองบานเบิกกว้าง เปิดเส้นทางให้เด็กหนุ่มร่างสูงสัญจรผ่านไป เขาก้าวเดินต่ออย่างไม่ลดละ ผ่านพ้นผู้คนมากมาย จนมาถึงแผนกบุคคลซึ่งเป็นเป้าหมาย ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าพนักงานผู้ดูแล

“ผมมาสมัครงานครับ”หนุ่มน้อยหน้าตายในชุดสูทขาเขิน แม้เขาจะไม่ชอบใส่เสื้อผ้าที่เป็นพิธีแต่ก็ต้องฝืนทนเพื่องานพิเศษที่อยากทำ เด็กหนุ่มยื่นใบสมัครพร้อมประวัติส่วนตัวให้พนักงานสาว หลังจากนั้นก็ค่อยๆฉีกยิ้มกว้างส่งไปหาเธอ ซึ่งภายในใจของเขาไม่เชื่อว่าวิธีการยิ้มที่พี่ชายแนะนำมานี้มันจะได้ผล แต่ลองดูสักหน่อยก็คงไม่มีอะไรเสียหาย...อย่างมากก็แค่เสียหน้า

“เอ่อ...เป็นอะไรหรือเปล่าคะสีหน้าคุณดูไม่ดี...”

“ป่าวครับ ผมสบายดี”เด็กหนุ่มหุบยิ้มทันทีโดยไม่รีรอให้หญิงสาวพูดจบ ดูเหมือนว่าวิธีที่พี่ชายแนะนำมาจะใช้ไม่ได้ผลตามที่เขาคาดไว้

พนักงานสาวพยักหน้าน้อมรับแม้จะไม่เข้าใจ แต่ด้วยหน้าที่ เธอจึงรีบดูใบสมัครสลับกับประวัติส่วนตัวของอีกฝ่าย พิจารณาสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสนทนากับเขา

“คุณปานตะวันใช่ไหมคะ ประวัติคุณดีมากเลยนะคะ ไอคิวคุณสูงมาก! สูงถึง250 เกรดการเรียนก็4.00ตลอด สมรรถนะร่างกายก็ดีเยี่ยม ไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด” ประโยคคำชมที่บ่งบอกถึงข้อดีมากมายของเด็กหนุ่ม ซึ่งถ้าไม่รับเขาเข้าทำงาน บริษัทนี้คงอดได้คนเก่งมากความสามารถไป ประกายแห่งความหวังได้เริ่มจุดขึ้นในหัวใจของปานตะวัน

“แต่ขอโทษนะคะคุณปานตะวัน ทางบริษัทของเราไม่รับพนักงานที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีค่ะ” แม้ตะวันจะครบเครื่องในทุกด้านและเป็นการยากที่ใครจะปฏิเสธ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านวัยวุฒิ ทำให้นายตะวันต้องอดได้งานนี้ไปตามระเบียบ

“แต่ผมพร้อมทำงานแล้วนะครับ ผมทำได้ทุกอย่างเลย!”ตะวันแสดงความมุ่งมั่นเป็นครั้งสุดท้าย ถึงมันจะดูออกไปทางดื้อด้านซะมากกว่า เขาอยากได้งานนี้มาก แต่ถึงจะมากขนาดไหน มันก็ไม่อาจทำให้พนักงานเปลี่ยนกฎของบริษัทเพื่อรับเขาเข้าทำงานได้อยู่ดี ประกายแสงสว่างแห่งความหวังค่อยๆดับลงภายใต้ใบหน้าที่เยือกเย็นของเด็กหนุ่ม

“เชิญค่ะ”พนักงานผายมือไปทางเดิมที่ตะวันผ่านมา มืออีกข้างของเธอก็ขยำใบสมัครแล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี ก่อนจะใช้หางตาชำเลืองมองไปยังตะวัน ทำตัวราวกับอยู่กันคนละชั้นกับเด็กหนุ่ม เธอเดินไปคุยโทรศัพท์ต่อ ไม่สนใจอีกฝ่ายที่นั่งมองการกระทำทั้งหมด

ตะวันเดินคอตกเข้าไปเก็บประวัติของเขาที่ถูกโยนทิ้งอย่างไร้ค่าขึ้นมา สุดท้ายแม้จะถูกกระทำราวกับอากาศธาตุ เขาก็เลือกที่จะกลับไปนั่งรอพนักงานคนนั้นดังเดิม

“อ้าว! นี่คุณยังไม่ไปอีกเหรอ ก็บอกไปแล้วไงว่าเราไม่รับ จะไปไหนก็ไป”พนักงานสาวพูดไล่ทันทีที่คุยโทรศัพท์เสร็จ ทางตะวันก็ยังคงนั่งจ้องหน้าไม่ไปไหน ก่อนจะเอ่ยความลับที่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับต้องสั่นกลัว

ตึกตักตึกตักตึกตัก!(เสียงหัวใจของพนักงานสาว)

“คุณช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม ว่าผมต้องนอนกับใครถึงจะได้เข้ามาทำงานที่นี่ ใช่คุณxxxคนที่คุยด้วยเมื่อกี้หรือเปล่า”สิ้นคำพูดของเด็กหนุ่ม เขาก็ลุกขึ้นพร้อมใช้หางตาชำเลืองมองกลับไปยังพนักงานสาวเหมือนกับที่เขาถูกกระทำ อีกหนึ่งความสามารถของนายปานตะวันที่เขาไม่ได้กรอกใส่ใบสมัคร คือเขามีหูที่ดีกว่าคนทั่วไปหลายล้านเท่า จึงได้ยินทุกการสนทนาหรือแม้แต่เสียงหัวใจที่เปลี่ยนไปของพนักงานคนนั้น ถึงจะเป็นการเสียมารยาท แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมีมารยาทกับคนที่ไม่มีมารยาทกับเราก่อน การมาสมัครงานในครั้งนี้ ทำให้ตะวันตระหนักได้ทันทีว่า การจะได้ในสิ่งที่ต้องการมานั้น ใช้แค่ความสามารถและวิธีการที่ถูกต้อง...มันคงไม่พอ

กรึบ! เสียงประตูอัตโนมัติเปิดให้ตะวันผ่านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นและประกายเพลิงแห่งความหวังมันได้ดับสูญไปจากจิตใจของเขาเป็นที่เรียบร้อย

“บ้าเอ้ย!”ตะวันสบถดังลั่นหน้าบริษัท พร้อมกับขย้ำประวัติของตนที่อุตส่าห์เก็บมาจนยับยู่ยี่แทบจะขาดเป็นชิ้นๆ ก่อนจะขว้างมันทิ้งไป ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นมาทั้งหมด ทว่ามันดันไปโดนรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลเข้าอย่างไม่ได้เจตนา

ตี๊ด! ตี๊ด! ในทันใดนั้นเสียงรถหรูสีดำคันนั้นก็ดังขึ้น

“ซวยแล้วไง! วันนี้เป็นวันเชี้ยอะไรวะ!”ตะวันสบถคำหยาบออกจากปาก ซึ่งปกติมันเป็นพฤติกรรมที่หาได้ยากจากชายคนนี้ คงเพราะความเกรี้ยวกราดทะยานสูงจนทะลุเพดานความอดทน ทำให้ตะวันเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่ค่อยอยู่

ตี๊ด! ตี๊ด!

ถึงอย่างนั้นเสียงที่ดังมาก็ไม่หยุดสักที

ตี๊ด! ตี๊ด!

มันดังเป็นจังหวะที่แปลกไปจากรถทั่วไป

ตี๊ด! ตี๊ด!

เสียงแบบนี้มันไม่ใช่เสียงสัญญาณกันขโมยของตัวรถแน่นอน เพราะถ้าเทียบกันจริงๆแล้ว เสียงมันเบาผิดปกติ ซึ่งน่าจะมีแค่ตะวันเท่านั้นที่จะได้ยิน

ตะวันจ้องเขม็งรถคันนั้นด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปดูเพราะไม่รู้ว่ารถคันนั้นเป็นของใคร แล้วทำไมมันถึงส่งเสียงแบบนั้น เด็กหนุ่มทำได้แค่ยืนมองรถคันนั้นไม่ทิ้งห่างไปไหน ทำให้เขาไม่ทันระว...

“เกะกะ!” ชายหนุ่มร่างใหญ่เดินชนไหล่ผ่านตะวันไป เขาหมายมุ่งจะขึ้นรถคันนั้นด้วยความเร่งรีบ โดยไม่ดูลู่ดูทางเเละไม่แม้จะหันกลับมาขอโทษเลยสักคำ

“เดี๋ยวก่อนครับ!”ตะวันรีบคว้าแขนอีกฝ่ายห้ามไม่ให้ไปจากเขาทันทีที่เขาได้ยินเสียงรถที่เริ่มแปลกไป

ตูม!

แรงระเบิดอัดกระเเทกชายทั้งสองให้ล้มลงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ประจวบเหมาะกับเสี้ยววินาทีที่ตะวันดึงอีกฝ่ายเข้ามาประชั้นชิด ทำให้ตอนนี้ตะวันถูกชายคนนั้นนอนซบอยู่กลางอกพร้อมกับแขนที่โอบล้อมตามสัญชาตญาณ เป็นการปกป้องไม่ให้อีกฝ่ายได้รับอันตราย

ช่วงเวลาหลังจากรถคันนั้นระเบิดได้ไม่นานนัก เด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งฟื้นคืนสติกลับมาก่อนเป็นคนแรก ตะวันรีบหันกลับมาดูคนในอ้อมกอดทันที เขาพบว่าชายผู้ไร้มารยาทยังคงนอนหายใจอยู่บนตัวเขา กลิ่นน้ำหอมเบาบางล่องลอยกระทบจมูกของเด็กหนุ่ม สอดแทรกเสียงหัวใจและไอเย็นจากร่างหนาของอีกฝ่าย ใบหน้าแสนคมเข้มที่ยากจะละทิ้งการจ้องมองนั้น มันทำให้ปานตะวันจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกของความรู้สึกอันยากเกินกว่าจะพรรณนา

ทันใดนั้น ฉากโรแมนติกดั่งละครหลังข่าวในพระราชสำนักก็ได้จบลง เมื่อดวงตาสีมรกตสุดน่ากลัวเบิกกว้าง ฉุดกระชากปานตะวันให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ ณ ห้วงเวลาที่เชื่องช้าประดุจถูกหยุดไว้ ข้อมูลมากมายของอีกฝ่ายก็เริ่มหลั่งไหลย้อนเข้ามาในหัว ตะวันรู้ได้ทันทีว่า ชายคนนี้เเหละคือเป้าหมายของเขา

เมื่อชายผู้ไร้มารยาทฟื้นคืนสติ เขาเริ่มพยายามดิ้นรนให้พ้นพันธนาการจากวงแขน รีบลุกขึ้นปัดตัวพรางหันไปมองยังกองเพลิง ไม่สนใจชายที่นอนอยู่เบื้องล่างเลยสักนิด

“คุณเป็นอะไรไหม”ตะวันไตร่ถามทันทีที่ลุกขึ้นมาได้ ก่อนจะหันกลับมาตรวจสอบร่างกายตนเอง

“ไม่”

“เห้อ! โชคดีไป”ตะวันถอนหายใจดัง เพราะเขาคงต้องเสียใจมากแน่ๆ หากช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ไม่ได้

“ล้านหนึ่ง เเล้วทำเป็นว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น”ชายหนุ่มหันมายื่นข้อเสนอ สีหน้าและคำพูดของเขาช่างเย็นชาไม่แยแสเเม้กระทั้งคนที่พึ่งจะช่วยชีวิตตัวเองไว้

“อะไรนะ!?”คิ้วสองข้างของตะวันพุ่งเข้าจรดกันแล้วรีบหันหน้ามองมายังอีกฝ่ายทันที

“หูหนวกหรือไงวะ”

“เเค่พูดว่าขอบคุณมันยากนักเหรอครับ หรือคุณกลัวจะมีเหรียญออกมาจากปากแดงแดงนั่น”

“ก็จะจ่ายแทนคำขอบคุณอยู่นี่ไง ไอ้เด็กสี่ตาสีผมประหลาด”

ต่างฝ่ายต่างต่อล้อต่อเถียงกันไม่ลดละ จากสีหน้าเฉยเมยของบุรุษทั้งสอง แปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจจนเห็นได้ชัด อารมณ์ที่รุนแรงผ่านดวงตาสีขจีเข้ม เข้าปะทะกับดวงตาสีพิลึกอันอยู่เหนือกว่า

“หรือจะเอาเป็นอย่างอื่น ตำแหน่งเหรอ? ที่ดินไหม? หรืออะไรดี อะไรที่ชาตินี้คนอย่างมึงไม่มีวันหามาได้ กูจะเอามันมากองอยู่ตรงหน้าให้ แค่อย่าเสนอหน้าเสร่อๆมาให้กูเห็นอีกตลอดชีวิต”ชายหนุ่มก้าวเดินเข้าหาตะวันด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว พร้อมกับคำพูดเย้ายวนชวนบาทา ให้มาประทับอยู่บนหน้าซะเหลือเกิน

“ผมไม่สนใจข้อเสนอ ของไอ้ปีศาจโลภมากอย่างคุณหรอกครับ คุณเมธี!”ตะวันกดความโกรธไว้ใต้รองเท้า ก่อนจะเดินเข้าประจันหน้ากับอีกฝ่าย แม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะมีร่างกายแข็งแรงกำยำกว่าเขา แต่เรื่องส่วนสูงทางตะวันกลับกินขาด

“ก็ดี อย่ามาทวงบุญคุณทีหลังแล้วกัน” เมธีเดินกระแทกไหล่ผ่านตะวันไปอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน คงเพราะเขาเองก็พยายามระงับโทสะไว้เช่นเดียวกัน ขณะนั้น ดวงตาสีมรกตดุร้ายของเมธีก็ได้หันกลับไปสบตาตะวันชั่วระยะ ก่อนที่ทั้งสองจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ด้วยความไม่สบอารมณ์ทั้งคู่

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะปล่อยให้คุณตายซะ”คำพูดอันโหดร้ายจากปากของเด็กหนุ่ม ที่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยคิดจะพูดมันใส่ใคร คำพูดนั้นทำให้ชายนักธุรกิจต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับมาสนทนาด้วยเป็นครั้งสุดท้าย

“มึงทำพลาดเองนะไอ้หนู”

เมธีหันมาชำเลืองมองด้วยหางตาเป็นนัยยะ ทิ้งรอยยิ้มมุมปากแสนชั่วร้าย ฝังมันลึกเข้าไปยังความทรงจำของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเดินจากไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับปานตะวัน...

“ไม่ได้ยินเสียงหัวใจ...สงสัยคงจะเป็นปีศาจจริงๆสินะ”ตะวันพูดถึงอีกฝ่ายเพียงลำพัง

ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิด หรือเขาไม่ได้คิดอะไรเลยกันแน่ ถึงได้ไปช่วยชีวิตชายที่คนทั้งโลกต่างหวาดกลัว การกระทำของเขาในครั้งนี้ มันจะทำให้เขาต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เฉกเช่นเจ้าหนูน่าโง่ในนิทาน...

กระผม:คนประหลาด

ขอขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านนิยายของผมนะครับ

ขอขอบพระคุณจากใจจริง

ป.ล.หากกระผมเขียนผิด เขียนไม่ดี สามารถชี้แนะ สามารถแนะนำได้นะครับ

เพราะนักอ่านคืออาจารย์ของผม

ขอบพระคุณครับ

(ก้มกราบ🙇‍♂️)

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ไม่เป็นทาสรักอีกต่อไป

ไม่เป็นทาสรักอีกต่อไป

Frannie Bettuzzi
5.0

คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."

เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ

เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ

Pinkygirl
4.8

ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!

อย่าพูดคำว่าไม่เคย

อย่าพูดคำว่าไม่เคย

Gilbert Soysal
5.0

"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ซีไซต์
5.0

หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

เลขาบนเตียง

เลขาบนเตียง

เนื้อนวล
4.9

เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
นิยายเจ็ดบาป | ปฏิปักษ์รัก
1

บทที่ 1 ตอนที่1 ราชสีห์กับหนู

05/01/2024