5.0
ความคิดเห็น
92
ชม
21
บท

ในปี 2534 ต้นและหญิงได้พบกันเป็นครั้งแรกในร้านของต้น จาก “เด็กพิลึก” ที่ต้นเคยรู้สึกกับหญิง กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆในหัวใจ ที่กลายเป็นความรัก ชีวิตในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ยิ่งทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ต้นก็ยังไม่กล้าบอกความในใจ แม้เมื่อหญิงต้องย้ายไปอเมริกา แต่ความห่างไกลนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรค กลับทำให้ความรักมั่นคงยิ่งขึ้น และทั้งคู่รู้ว่า สิ่งที่ต้องการที่สุด คือการได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ความฝันใกล้เป็นความจริง เมื่อต้นได้งานที่อเมริกา แต่เหตุร้ายในไต้หวัน ทำให้ต้นไม่สามารถจำอะไรได้ เขามีเพียงข้อความจากหญิง ที่จะช่วยนำความรักและความทรงจำกลับมา

บทที่ 1 That's how it started

See you soon

From Ton_Tanuphat@hotmail.com

To Yingindesert@hotmail.com

Sept 21 at 1.32

แคนตาลูปลูกน้อยของพ่อ

เรากำลังจะได้เจอกันแล้วนะ หลังจากการรอคอยวีซ่าที่แสนจะยาวนาน ในที่สุด พ่อกำลังจะได้ไปหาลูกแล้ว ถึงจะยังไม่เจอหน้าลูกเลยทันที เพราะลูกจะยังอยู่ในท้องแม่อีกเกือบๆ สองเดือน แต่อย่างน้อย พ่อจะได้ไปดูแลแม่เสียที

เดือนหน้า แม่คงจะยิ่งทำอะไรลำบากขึ้น เพราะจากแคนตาลูปน้อย ลูกจะกลายเป็นแตงโมย่อมๆไป

ตอนนี้พ่อกับแม่รู้แล้ว ว่าลูกเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย และได้ตั้งชื่อไว้ให้ลูกแล้ว หวังว่าลูกจะชอบชื่อนี้ มีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับชื่อของลูก เอาไว้พ่อจะค่อยๆเล่าให้ฟัง

แม่บอกว่าพ่อคุยเก่งข้ึน ตั้งแต่มีลูก ไม่รู้สินะ เวลาอยู่กับแม่ พ่อชอบฟังแม่คุย ชอบฟังเสียงของแม่ ฟังเรื่องที่แม่เล่าให้ฟัง ลูกได้ยินเสียงแม่ทุกวัน คงเห็นตรงกับพ่อ ว่าแม่เสียงเพราะ เล่าเรื่องสนุก เวลาแม่หัวเราะ ฟังแล้วก็อดหัวเราะตามไม่ได้ แต่สำหรับลูก มีเรื่องมากมายที่พ่ออยากจะเล่าให้ฟัง หวังว่าลูกจะไม่เบื่อ

พรุ่งนี้พ่อต้องไปขึ้นเครื่องบินแต่เช้า แต่ทำท่าว่าจะนอนไม่หลับ เพราะตื่นเต้นมาก ที่หน้าตึกมีตู้โทรศัพท์ สำหรับโทรไปต่างประเทศได้ พ่อคิดว่าจะลงไปโทรหาแม่กับลูก นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราต้องคุยกันผ่านโทรศัพท์

รักแม่กับลูกสุดหัวใจ

พ่อ

______________________________________________________________________________________________

1.40 น เวลาท้องถิ่น เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน

ต้นกำลังก้าวเท้าออกจากห้อง แต่ฉุกคิดถึงของรับขวัญที่ป๊ากับแม่ฝากมาให้ลูก เขาตัดสินใจหันกลับไปหยิบตลับสีแดงเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเดินทาง แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตด้านหน้า ในมือถือกุญแจห้อง และบัตรเครดิตที่จะใช้ในการโทรศัพท์ทางไกลไปอเมริกาไว้

เวลากลางดึกเช่นนี้ ไม่ต้องคอยลิฟท์นาน เหมือนช่วงเช้าและเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนที่พักอาศัยในตึกเดินทางออกไปทำงาน และกลับเข้ามา ถึงแม้ต้นจะมาพักที่นี่แค่เพียงสองวัน เพื่อรอขึ้นเครื่องบินต่อไปยังอเมริกา แต่เขาก็พอจะคุ้นเคยกับกิจวัตรของผู้พักอาศัยที่นี่

1.45 น.

ประตูลิฟท์เปิดออก ต้นก้าวเท้าออกจากลิฟท์ เดินผ่านบริเวณล้อบบี้ที่ว่างเปล่า เขากำลังก้าวเท้าออกไปนอกตัวอาคาร เมื่อได้ยินเสียงเหมือนฟ้าร้อง ที่ดังที่สุดที่เขาเคยได้ยินอยู่ทางด้านหลัง

เมื่อหันกลับไปมองเขาเห็นว่า ตัวตึกที่เคยตั้งตระหง่านอยู่กำลังทรุดตัวลง เศษอิฐ เศษปูน รวมถึงวัสดุ และสิ่งของที่ประกอบกันเป็นตัวอาคาร ร่วงหล่นลงมาทุกทาง เสมือนหนึ่งมีมือยักษ์ที่มองไม่เห็น จับฉีกแล้ว โยนออกไปทั่วสารทิศด้วยความโกรธเกรี้ยว

ต้นออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต แต่ก่อนที่เขาจะหนีพ้น จากความหายนะนั้น หนึ่งในส่งที่กำลังตกลงมา ฟาดลงที่ศรีษะของเขาอย่างจัง สิ่งสุดท้ายที่เขาระลึกได้ ก่อนที่สติจะดำดิ่งไปสู่ความมืดมน คือ คำสัญญาในอีเมลฉบับสุดท้าย ว่ากำลังจะได้พบ คนสองคนที่มีความหมายที่สุดในชีวิตของเขา ดูเหมือนว่า เขาจะไม่สามารถรักษาสัญญานั้นไว้ได้เสียแล้ว

กลางดึกของคืนวันที่ 21 กันยายน ปี คศ 1999 ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในประเทศใต้หวัน แรงสั่นสะเทือนอยู่ที่ 7.6 ริกเตอร์ นานถึง 102 วินาที

ผลจากแผ่นดินไหว ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 2,415 ราย บาดเจ็บมากกว่า 11,305 ราย สูญหาย 29 ราย สิ่งปลูกสร้างพังเสียหาย 51,711 แห่ง

ตึก Tunghsing ในเมืองไทเป เป็นตึกที่ถล่มลงมา จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนั้น

________________________________________________________________________

2534

“ต้น มาช่วยป๊าจัดร้านเตรียมรับเปิดเทอมหน่อย”

เสียงป๊าตะโกนมาจากชั้นล่าง ซึ่งเป็นร้านขายของชำร้านใหญ่ที่สุด ในอำเภอเล็กๆ ทางภาคเหนือตอนล่าง

ต้นปิดหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่กำลังอ่านอยู่ แล้วรีบวิ่งลงไปหาป๊าที่ชั้นล่าง เพราะต้นรู้ดีว่า ป๊าเป็นคนใจร้อน เรียก

ปุ๊ปต้องมาปั๊ป ป๊าพูดเร็ว ทำเร็ว ลูกจ้างร้านอยู่ไม่ค่อยยืด เพราะป๊าบอกว่า ทำงานช้าเกินไป ก็เลยตกมาที่ต้น และน้องสองคน ในการช่วยป๊าจัดการกับร้านเป็นส่วนใหญ่

ร้าน “ช. สมบูรณ์” ขายทุกอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบจริงๆ แต่ตอนนี้ป๊ากำลังสาละวน กับการจัดส่วนหนึ่งของร้าน เป็นอุปกรณ์การเรียน เช่น สมุด ดินสอ ปากกา ฯลฯ เพราะใกล้เปิดเทอม ระหว่างที่ป๊าสาละวนกับการสั่งต้น ให้ยกนั่นไว้ตรงนี้ ยกนี่ไว้ตรงนั้น มีชายวัยกลางคนที่ต้นรู้จัก และเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับต้น ที่ไม่คุ้นหน้า ก้าวเข้ามาในร้าน

ต้นไม่เคยเห็นเด็กหญิงคนนี้มาก่อน ในอำเภอเล็กๆที่มีถนนสายหลักแค่สองสาย ไม่มีใครที่ต้นไม่รู้จัก เพราะทุกคนต้องเคยมาซื้อของที่ ช. สมบูรณ์ ไม่มากก็น้อย สิ่งที่สะดุดตาต้น คือ ผมดำขลับ แต่ตัดไว้สั้นแค่ไหล่ และดวงตาโต เงาระยับ ที่มองดูข้าวของในร้านอย่างสนใจ

“สวัสดีครับ หมอพงษ์”

ป๊าส่งเสียงทักทายชายกลางคน คุณพงษ์ทำงานที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ ถึงไม่ใช่นายแพทย์ แต่ทุกคนที่ทำงานโรงพยาบาลก็เป็น “หมอ” ในสายตาของชาวบ้าน

“สวัสดีครับเฮีย”

คุณพงษ์และเด็กหญิง ยกมือไหว้ป๊า

“นี่ลูกสาวครับ ยุดากานต์, หญิง ย้ายมาอยู่กับผม และจะไปโรงเรียนเดียวกับต้นด้วย”

ต้นวางลังสมุดลงบนพื้นแล้วเดินมาไหว้คุณพงษ์

“ต้น กำลังขึ้น ม. 5 ใช่ไหม” คุณชัยถาม

“ครับ”

คุณพงษ์มีท่าทีดีใจเมื่อได้ยินคำตอบ

“หญิงก็เหมือนกัน ไม่รู้จะได้อยู่ห้องเดียวกันรึเปล่านะ ยังไงอาฝากต้นดูหญิงด้วยนะ”

มาถึงตอนนี้ หญิง พูดขึ้นมาค่อยๆ แต่หนักแน่นว่า

“พ่อค่ะ หญิงไม่ได้อยู่อนุบาลนะ ถึงต้องมีพี่เลี้ยง แล้วต้นคงไม่อยากเป็นพี่เลี้ยงเด็กโข่งหรอกค่ะ”

เมื่อเหลือบมองหญิง ก็เห็นแววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความขบขัน ริมฝีปากที่แย้มออกจนเกือบจะเป็นรอยยิ้มนั้น ส่งให้ลักยิ้มบนแก้มชัดยิ่งขึ้น ต้นรู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งใบหน้า ตอนนี้ทั้งหน้าและหูคงจะแดงไปหมด ก็เลยได้แต่ก้มหน้าลงมองเท้า ที่ใส่ร้องเท้าแตะคีบอยู่ พร้อมกับคิดในใจว่า คนพิลึก ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ คงจะยิ้มเขิน ม้วนต้วน แต่นี่ดันมีหน้ามาแซว แถมเกือบๆจะหัวเราะใส่อีก

คุณพงษ์หัวเราะแห้งๆ แล้วบอกให้หญิงไปเลือกอุปกรณ์การเรียนที่ต้องการ

ป๊าชวนคุณพงษ์ไปนั่งที่โต๊ะ ที่ใช้ทำสารพัดอย่าง ทั้งทำบัญชี กินข้าว ทำการบ้าน และตอนนี้เป็นที่รับแขกคุณพงษ์นั่งลงรอหญิง ป๊าเปิดขวดโค้กแช่เย็นให้คุณพงษ์ ป๊าชอบคุณพงษ์ เพราะคุณพงษ์เป็นลูกค้าที่ดี ไม่เคยติดเงิน และสุภาพเรียบร้อย ไม่เบ่งอำนาจ เหมือนข้าราชการคนอื่นๆ

“แม่เค้าย้ายไปอเมริกา กับสามีใหม่ อย่างที่เฮียรู้ เราหย่ากันนานแล้ว หญิงก็อยู่กับแม่เค้ามาตลอด ผมก็แค่ไปเยี่ยมตอนปิดเทอม”

“แม่เค้าอยากให้ไปด้วย แต่หญิงไม่ยอมไป”

คุณชัยนิ่งไป ก่อนจะเล่าต่อว่า

“เค้าบอกว่าไม่ยุติธรรม เพราะแม่ยังมีสามีใหม่ดูแล แต่ผมไม่มีใครเลย ลูกเลยขอมาอยู่กับผม”

“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะหมอพงษ์ เราก็คนกันเอง อย่าเกรงใจ”

นั่นเป็นวันแรกที่ต้นได้รู้จัก หญิง เด็กหญิงพิลึกในความเห็นของต้น

________________________________________________________________________________

วันเปิดเทอมการศึกษา ปี 2534

ในอำเภอเล็กๆที่ต้นอยู่นั้น ถึงแม้จะมีโรงเรียนมัธยม แต่ครอบครัวส่วนใหญ่ ยังนิยมส่งลูกหลานไปเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมในอีกอำเภอ ซึ่งมีขนาดใหญ่ เป็นโรงเรียนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงกว่า การเดินทางไปโรงเรียนก็อาศัยรถเมล์ ที่ขนส่งระหว่างจังหวัดใกล้เคียง รถเมล์เที่ยวเช้าจะเต็มไปด้วยเด็กนักเรียน และในเที่ยวขากลับก็เช่นกัน

ป้ายรถเมล์ในอำเภอ จะมีสองป้าย ป้ายแรกอยู่หน้าซอยทางเข้าโรงพยาบาล ป้ายที่สองเป็นป้ายหน้าตลาด

เมื่อต้นและน้องสาวทั้งสองขึ้นรถเมล์ที่ป้ายหน้าตลาด หญิงนั่งอยู่บนรถ ในที่นั่งใกล้หน้าต่าง หญิงหันมามองกลุ่มเด็กนักเรียนที่เดินขึ้นรถ เธอยิ้มให้เมื่อเห็นต้น แล้วพูดว่า “สวัสดีต้น”พร้อมกับส่งยิ้มเผื่อไปถึง ข้าวตอกและข้าวตูน้องสาวของต้น เด็กทั้งสองทำหน้าทึ่ง ว่าเฮียต้นไปรู้จักพี่สาว ยิ้มสวยคนนี้ได้ยังไง เพราะในวันที่ คุณพงษ์ พาหญิงไปซื้ออุปกรณ์การเรียน เด็กทั้งสองไปเยี่ยมยายกับแม่

“หนูนั่งกับพี่ได้รึเปล่า”

ข้าวตอกถามหญิง และยังไม่ทันรอคำตอบก็เลื่อนตัวเข้าไปนั่งเบาะเดียวกับหญิง และเริ่มชวนคุยอย่างคนมนุษย์สัมพันธ์ดี ส่วนต้นกับข้าวตูนั่งเบาะถัดไปด้านหน้า

ก่อนรถจะออก มีเด็กผู้ชาย 3-4 คน วิ่งกรูขึ้นมาบนรถ ส่งเสียงดังเอะอะ ดูท่าทางเอาเรื่อง(ในทางไม่ดี) แค่เช้าเปิดเทอมวันแรก ชายเสื้อก็ออกมานอกกางเกงซะแล้ว

“หวัดดีคับเฮีย”

ตัวหัวโจกกล่าวทักทายต้น

“หวัดดี”

ต้นตอบรับเรียบๆ พร้อมกับนึกในใจว่า วันนี้จ้อนจะหาเรื่องแซวใคร เพราะคุณสมบัติอย่างหนึ่งของจ้อนคือ “ปากอยู่ไม่สุข” มักจะแซวคนโน้น กระเซ้าคนนี้ หลายๆคนไม่ตลกไปด้วย แต่ถ้ายิ่งต่อปากต่อคำ จ้อนจะยิ่งชอบใจใหญ่ คนส่วนมากก็จะขมุบขมิบคำด่าเบาๆ และทำเป็นไม่สนใจ

แต่จ้อนไม่กล้าแหยมกับต้น เพราะป๊าอนุญาติให้บ้านจ้อน “แปะ” ค่าของ แล้วค่อยไปจ่ายตอนสิ้นเดือน

แต่วันนี้ จ้อนมองเห็นเหยื่อคนใหม่ นั่งคุยอยู่กับข้าวตอก เด็กหญิงคนนั้นใส่ชุดนักเรียน ม.ปลาย หน้าตาไม่คุ้น

“หวัดดีจ้ะน้อง เพิ่งย้ายมาเหรอ”

สายตาจ้องไปที่หญิง ใบหน้ายิ้มกริ่ม มือหนึ่งโหนรถเมล์ อีกมือถือหนังสือ ทั้งๆที่เป้สะพายหลังก็มี แต่เจ้าตัวคิดว่า ถือหนังสือไปแบบนี้ดูเท่ดี

“ใครบอกว่า..”

ข้าวตอกตั้งท่าจะตอบ แต่โดนจ้อนขัดจังหวะ ด้วยการยกนิ้วชี้ ส่ายไปมาหน้าข้าวตอก

“อ๊ะๆๆ ใครพูดกับเธอข้าวตอก .. พูดกะคนข้างเธอต่างหาก”

ต้นได้ยินทั้งหมด กำลังคิดว่าต้องออกโรงช่วยหญิง ก่อนจะโดนจ้อนก้อร่อก้อติก แต่ได้ยินเสียงหญิงพูดขึ้นเรียบๆว่า

“ต้องเรียกเราว่าพี่ เธอเด็กกว่าเรา”

พร้อมกับหันไปมองจ้อนตรงๆ ด้วยนัยน์ตาดำขลับคู่นั้น

“เหรออ รู้ได้ไงจ้ะ”

“ก็ที่ถืออยู่ในมือ เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ของเด็ก ม. 4 รึเปล่าล่ะ”

เน้นคำว่า “เด็ก” เสียงดัง และพูดต่อไปว่า

“เราอยู่ ม. 5 เรียกเราว่า พี่หญิงได้ แล้วน้องชื่ออะไร”

เน้นคำว่า “น้อง” ดังๆ

ตอนนี้เด็กๆในรถเริ่มหัวเราะกันคิกคัก ใครคนหนึ่งตะโกนออกมาดังๆว่า

“น้องจ้อน” และที่เหลือก็ฮากันครืน

ต้นหันไปมองหญิงที่เบาะหลัง หญิงกำลังหัวเราะเห็นฟันขาวซี่เล็กๆเรียงราย ลักยิ้มที่แก้มบุ๋มลงไปอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่สะดุดตาบนใบหน้าของหญิงที่สุดคือ ดวงตาทั้งคู่ ที่ตอนนี้ส่งประกายสนุกระยิบระยับ

จ้อนเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย ร้อยวันพันปี ไม่เคยมีใครต่อปากต่อคำกับจ้อน ในที่สุดก็มาเจอดีจนได้

“จ้อน ครับ แจ้!!”

จ้อนทำท่าวันทยาหัตถ์ให้หญิง แล้วเดินไปนั่งที่เบาะด้านหลังรถ ทั้งๆที่ยังหัวเราะอยู่ ต้นถอนหายใจออกมาเบาๆ บางทีคุณพงษ์ อาจจะไม่ต้องฝากให้เขาดูแลลูกสาวให้ เพราะดูแล้วหญิงเอาตัวรอดเองได้

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

พ่ายเกมสวาท

พ่ายเกมสวาท

พาวิจิตร
5.0

เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!

เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ

เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ

Pinkygirl
4.8

ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!

ลิขิตรักนายสุดหื่น

ลิขิตรักนายสุดหื่น

รินธารา
5.0

เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ทางรักสีกุหลาบ
1

บทที่ 1 That's how it started

24/02/2024

2

บทที่ 2 Come ride with me ~ รถเมล์เป็นเหตุ

25/02/2024

3

บทที่ 3 And they call it puppy love ~ หรือจะเป็นรัก

26/02/2024

4

บทที่ 4 A whole new world ~ โลกใบใหม่

27/02/2024

5

บทที่ 5 Stand by me ~ ขอเพียงเธออยู่ข้างฉัน

28/02/2024

6

บทที่ 6 New home ~ บ้านหลังใหม่ในรั้วเดิม

29/02/2024

7

บทที่ 7 แทนคำนั้น

01/03/2024

8

บทที่ 8 You might love me too..~

02/03/2024

9

บทที่ 9 เกินครึ่งฟ้า

03/03/2024

10

บทที่ 10 มากกว่าคิดถึง

03/03/2024

11

บทที่ 11 Let's try~ โอกาสอยู่ตรงหน้า ต้องลองคว้าไว้

03/03/2024

12

บทที่ 12 Get me a job~ได้งานแล้วจ้า

03/03/2024

13

บทที่ 13 เพลงสุดท้ายหน้าบี

03/03/2024

14

บทที่ 14 Marry me ~แต่งงานกันนะ

03/03/2024

15

บทที่ 15 Happy day~กี่เพ้าสีส้มอมชมพู

03/03/2024

16

บทที่ 16 อยู่นานนานได้ไหม

03/03/2024

17

บทที่ 17 To make you feel my love.

03/03/2024

18

บทที่ 18 ในวันที่โลกไร้เธอ

03/03/2024

19

บทที่ 19 คนไข้ชายนิรนาม

03/03/2024

20

บทที่ 20 สุดฟ้านั้นมีเธอ

03/03/2024

21

บทที่ 21 จูเลียต

03/03/2024