รวมเรื่องสั้น
ความน่ากลัวของจักรวาล
พลังงานมืดคือพลังงานที่ไม่รู้จักมีคนเสนอว่ามันคือค่าคงที่ของจักรวาลหรือความหนาแน่นของพลังงานคงที่สสารมืดเป็นสสารในสมมุติฐานซึ่งมองไม่เห็นด้วยสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมดแต่สสารส่วนใหญ่ในเอกภพไม่สามารถมองเห็นได้สสารมืดไม่ปล่อยหรือดูดกลืนแสงหรือรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าใดๆ สสารทั่วไปมีสี่สถานะ ของแข็ง/ของเหลว/แก๊ส/พลาสม่า สสารประกอบด้วยอนุภาคมูลฐานสองประเภท ควาร์กและเลปตอน สสารธรรมดาในเอกภพส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นเนื่องจากดาวฤกษ์และก๊าซที่มองเห็นได้ภายในกาแล็กซีและกระจุกดาวมีสัดส่วนน้อยกว่า10%ของสสารธรรมดาที่ก่อให้เกิดความหนาแน่นของมวล-พลังงานของเอกภพ สสารธรรมดาและแรงที่กระทำต่อกันสามารถอธิบายได้ในรูปของอนุภาคมูลฐานไม่มีใครรู้โครงสร้างพื้นฐานของมันและไม่ทราบว่ามันประกอบด้วยอนุภาคมูลฐานที่เล็กกว่าหรือไม่อนุภาคมูลฐานอธิบายได้ดีที่สุดด้วยกลศาสตร์ควอนตัม โฟตอนคือควอนตัมของแสงและรูปแบบอื่นๆของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นพาหะของแรงแม่เหล็กไฟฟ้าโฟตอนมีมวลนิ่งเป็น0
นี่ไม่ใช่เอกสารทางวิชาการแต่อย่างใดแต่มันก็เกือบๆแหละ ผมกำลังเขียนวิทยานิพนธ์ไว้จบปริญญาโดยเลือกจักรวาลมาเป็นหัวข้อผมกะจะคิดค้นทฤษฎีใหม่ไว้ในวิทยานิพนธ์นี้ด้วยอธิบายเรื่องที่ทฤษฎีฟิสิกส์ทั้งหมดอธิบายไม่ได้ ฟิสิกส์นี่โคตรจะซับซ้อนเลยแฮะ ไม่ใช่แค่สัมพัทธภาพแล้วยังมีทฤษฎีสตริงทฤษฎีควอนตัมกับทฤษฎีอื่นอีกมีเรื่องของอวกาศสามมิติมารวมกับเวลาหนึ่งมิติกลายเป็นแนวคิดกาลอวกาศอีก เพื่อที่คิดทฤษฎีผมออกมานอนบนพื้นหญ้าโล่งๆที่ไม่มีต้นไม้เลยในตอนกลางคืน มองท้องฟ้ายามค่ำคืนผมชอบท้องฟ้าที่ดวงดาวเต็มทั้งท้องฟ้าผมชอบเห็นทางช้างเผือกและกาแล็กซีผมชอบแสงเหนือหรือออโรร่าแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปดู สมองผมแล่นตลอดเวลาอยู่แล้วสมองผมไม่เคยหยุดพักจริงๆจะพูดงั้นผมก็ไม่รู้ว่าถูกไหมแต่ถ้าผมบอกว่าสมองผมไม่เคยหยุดคิดผมมั่นใจว่าถูกแน่ และกำลังคิดทฤษฎีใหม่ที่จะทำให้ทุกทฤษฎีสมเหตุสมผลโดยที่ไม่ต้องมีอะไรมาอธิบายเพิ่มอีก ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดอีก เราสามารถสังเกตุเอกภพได้ในขอบเขตที่จำกัดไม่มีใครรู้ว่าเอกภพมีขอบเขตจำกัดหรือว่าไม่มีที่สิ้นสุดรวมไปถึงเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่สังเกตุได้ถูกจำกัดไว้ที่ค่าที่แคบมากเท่านั้นหากค่าต่างกันเพียงเล็กน้อยจะไม่มีสิ่งมีชีวิตซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือไม่
ถ้าเราค้นหาความจริงเรื่องพวกนี้หรืออธิบายเรื่องพวกนี้ได้ก็จะสามารถคิดทฤษฎีที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ ตอนที่ผมมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยผมเห็นว่าทุกอย่างมันก็ยังปกติแน่นอนมันควรทำให้ผมคิดทฤษฎีออก แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ทฤษฎีสัมพัทธภาพบอกไว้ว่าผู้สังเกตุการณ์สองคนในสภาพที่ต่างกัน(คน1นิ่งอีกคนเคลื่อนที่)จะมองเห็นเหตุการณ์เดียวกันต่างกัน นั่นหมายความว่าตอนนี้ผมที่อยู่นิ่งๆก็ควรจะสังเกตุเห็นท้องฟ้าแบบเดียวกันกับที่คนนิ่งๆควรจะเห็น แต่ดูเหมือนว่าผมสามารถมองเห็นเหตุการณ์เดียวกันที่แตกต่างกันสองรูปแบบในเวลาเดียวกันได้มันไม่น่าเป็นไปได้เลยในทางทฤษฎีสัมพัทธภาพ ทฤษฎีสัมพัทธภาพเกี่ยวกับแสงกับสนามความโน้มถ่วงโดยมีเวลาเป็นจุดสังเกตุนี่เป็นเรื่องหลักๆของทฤษฎีสัมพัทธภาพ ดังนั้นในเวลาที่แตกต่างกันก็ควรจะมองเห็นเหตุการณ์ที่ต่างกันด้วย แต่ดูเหมือนเวลาทุกเวลามันจะมารวมกันที่จุดเดียวกันหมด ที่ผม เพราะผมสามารถมองเห็นเหตุการณ์เดียวกันที่แตกต่างกันทุกรูปแบบได้ในเวลาเดียวกันพร้อมๆกัน ผมเห็นแสงแปลกประหลาดบนท้องฟ้าและบนพื้นโลกด้วยผมมองเห็นวัตถุดำๆแปลกประหลาดบนท้องฟ้าด้วย จากนั้นเทหวัตถุทั้งหมดก็เคลื่อนที่ออกห่างจากกันแต่ไม่ได้หมายความว่าพื้นที่ว่างบนท้องฟ้าจะเพิ่มขึ้นมีเทหวัตถุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นจำนวนมากในพื้นที่ว่างเหล่านั้น ทั้งๆที่ไม่มีอะไรแต่ผมสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างชนกับตัวผมผมมองไม่เห็นอะไรเลยถ้าอะไรในทางวิทยาศาสตร์ที่มองไม่เห็นแล้วล่ะก็มันน่าจะเป็นพลังงานมืดไม่ก็สสารมืดทั้งสองอย่างนี้มันมองไม่เห็นสังเกตุเห็นได้ไม่ชัดมีลำแสงประหลาดพุ่งใส่ผมแล้วมันก็ผลักผมลากดึงผมระยะหนึ่งโฟตอนมันมวลเป็น0มันมีปฏิสัมพันธ์พื้นฐานในระยะไกลได้แต่ผมไม่มั่นใจว่าโฟตอนทำแบบนี้ได้จากนั้นผมก็เห็นจุดเล็กๆแปลกประหลาดจำนวนมากบนท้องฟ้า แล้วก็มีสิ่งมีชีวิตประหลาดโพล่มาบนท้องฟ้าทำให้ผมพร้อมที่จะวิ่งหนีหาที่ซ่อน สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอวัยวะมีแต่หนวดเท่านั้น แล้วผมก็ค้นพบ สิ่งมีชีวิตหนวดนั่นสามารถควบคุมคุณสมบัติทั้งหมดของจักรวาลทั้งจักรวาลได้และทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็นสิ่งที่ยังไม่ค้นพบอย่างเช่นแทคิออนและสิ่งที่อยู่ในสมมติฐานในทฤษฎีฟิสิกส์ทุกทฤษฎีได้ทำให้ผมมองเห็นเวลาจนมองเห็นทั้งกาลอวกาศได้รวมไปถึงควาร์กและเลปตอนได้
สิ่งมีชีวิตหนวดนั่นเหมือนจะมีความสามารถมากกว่าที่ผมคิดไว้ ท้องฟ้าเริ่มบิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาดดวงดาวเหมือนจะระเบิดหลอมละลายและหลอมรวมใหม่ลำแสงแปลกประหลาดพุ่งออกมาจากสิ่งมีชีวิตหนวดนั่นคุณสมบัติของโฟตอนของลำแสงของสิ่งมีชีวิตหนวดรุนแรงกว่าที่โฟตอนในทฤษฎีฟิสิกส์อธิบายไว้ในทางทฤษฎีเราสามารถมองเห็นคุณสมบัติของโฟตอนได้ในระดับจุลทรรศน์แต่นี่ผมเห็นคุณสมบัติของโฟตอนทั้งหมดได้ด้วยตาเปล่า มันปล่อยวัตถุแปลกประหลาดออกมาจากตัวมันในทั้งสี่สถานะของแข็งของเหลวและพลาสม่า พลังงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างได้และไม่สามารถทำลายได้มันมีของมันเองอยู่แล้ว แต่สิ่งมีชีวิตหนวดนั่นสามารถสร้างพลังงานได้สามารถสร้างพลังงานมืดได้สามารถสร้างควาร์กและเลปตอนได้จนสามารถสร้างสสารธรรมดาสามารถสร้างโฟตอนรวมไปถึงรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าได้ทุกชนิด มันสามารถควบคุมบิดเบือนสร้างและทำลายแรงทุกแรงตั้งแต่แรงมหภาคไปจนถึงแรงที่อธิบายในรูปของอนุภาคมูลฐานได้ควบคุมสร้างและทำลายโฟตอนรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานพลังงานมืดสสารธรรมดาควาร์กเลปตอนได้สัตว์ประหลาดตัวนั้นสามารถปล่อยพลังงานมืดสสารมืดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากตัวมันได้ ขยายหรือลดขนาดและควบคุมอวกาศได้ ย้อนเวลาไปอนาคตได้ทำให้เวลาเดินช้าลงหรือเดินเร็วขึ้นได้ทำให้เวลาเดินถอยหลังก็ได้ มันควบคุมกาลอวกาศทั้งหมดได้ และควบคุมแรงโน้มถ่วง แรงนิวเคลียร์ แรงแม่เหล็กไฟฟ้าได้ รู้สึกต้นไม้แต่ละต้นมันจะสูงเกินความสูงเฉลี่ยของมันยังกับมันโตไวเท่าต้นไผ่แน่ะ น้ำจากก๊อกก็รู้สึกว่ามันจะไหลแรงขึ้นกว่าปกติทุกวันทุกวัน ไม่มีใครมากวาดถนนเลยหรือไงนะ?รู้สึกว่าใบไม้มันจะรกถนนขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอีก ดินเริ่มแปลกต้นไม้เริ่มแปลกพวกสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงก็ดูเริ่มแปลกไป คุณว่าแปลกผิดปกติไหม? แล้วลมแรงมากๆก็เริ่มพัดจนทุกอย่างสั่นไหวไปหมด แสงดูจะแปลกประหลาดเหมือนแสงสะท้อนจากเพชร ทุกอย่างดูสว่างสุกใสแต่ก็มืดครึ้มในเวลาเดียวกัน "เงา"มัน"มืดกว่าปกติจนมองด้วยตาเปล่าก็รู้เลยว่ามันผิดปกติ เหมือนว่าเวลาเวฟของมันก็ดูจะยาวนานกว่าวิ่งมาราธอนอีก นาฬิกาของทุกคนในที่นั้นก็ดูจะไม่ตรงกันเลย และผมรู้สึกว่าเหมือนพื้นที่มันจะขยายตัวออกไปไร้ที่สิ้นสุดซะอีก ผมตัดสินใจวิ่งกลับเข้าบ้านแต่อย่างที่บอกรู้สึกว่าเหมือนพื้นที่มันจะขยายตัวออกไปไร้ที่สิ้นสุดซะอีก การวิ่งภายใต้ความมืดนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นการหนีจากอะไรบางอย่างจากสิ่งที่เราไม่มีวันวิ่งหนีพ้น เหมือนกับการวิ่งหนีจากตัวเอง เหมือนกับการวิ่งหนีจากจักรวาล รู้สึกรอบๆตัวมันบิดเบี้ยวมากขึ้น พื้นดินเริ่มไม่สม่ำเสมอ ต้นไม้รูปร่างไม่สมส่วน ภูเขา ผืนน้ำ ใบไม้ พื้นดิน เริ่มมีสันฐานที่อสมมาตร ยิ่งวิ่งยิ่งรู้สึกว่าทางมันยาวขึ้น ผมหันหลังกลับไปมองไปบนท้องฟ้า สิ่งมีชีวิตหนวดนั่นยังอยู่บนท้องฟ้า ผมวิ่ง ทางยิ่งยาวขึ้น สัตว์ประหลาดหนวดยังอยู่ที่เดิม มันเหมือนกับว่าทั้งผมและสัตว์ประหลาดหนวดนั่นยังอยู่ที่เดิม
ผมวิ่งมาถึงรถยนต์คันหนึ่ง ผมขับรถยนต์ออกไปไกลแสนไกล เห็นแต่เพียงท้องฟ้ายามค่ำคืน
ผมแหงนขึ้นไปมองท้องฟ้ารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลดาวกว้างใหญ่ไพศาล พร้อมๆกับเหตุการณ์จากความสามารถของสัตว์ประหลาดหนวดตัวนั้น
ผมไม่มีเข็มทิศ ผมไม่มีแผนที่ ผมไม่มีโทรศัพท์ และก็ไม่มีวิทยุ
ผมเรียกใครมาช่วยไม่ได้
ขับรถยนต์ตรงไปเรื่อยๆเร่งความเร็วขึ้น
ผมนึกได้ว่าผมใส่นาฬิกาข้อมือไว้ที่แขนซ้าย ผมดูนาฬิกาของผม สี่ทุ่มตรง
มองเห็นเพียงแต่ทะเลดาว ไม่มีผู้คน
มันมืด มืดจนแทบมองนาฬิกาไม่เห็น
ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปต่อตรงไหน โทรหาใครไม่ได้ เรียกใครมาช่วยไม่ได้
มีกองทัพแมลงสาบยักษ์ยาวซักหนึ่งเมตรสูงห้าสิบเซนติเมตรวิ่งมาหาตรงเข้าหาผมประหนึ่งขบวนรถติดยาวในยามที่รถติดที่สุดและแสนแน่นขนัดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอย่างน้อยๆก็สมัยที่ผมเห็นตอนอนุบาล
ผมขับรถทับแมลงสาบที่แสนใหญ่โตเหล่านั้น
เหล่าแมลงสาบที่โดนรถทับจนแบนเหล่านั้นหนวดของมันขยับดูเหมือนกับว่ามันยังไม่ตาย หนวดของมันดิ้นอย่างรุนแรง
บรรดาแมลงสาบยักษ์เหล่านั้น ตอนนี้อวัยวะภายในของมันทะลักออกมาเกลื่อนเต็มพื้น
ผมขับรถทับพวกแมลงสาบยักษ์ไปดรื่อยๆ ทับมันอีก ทับมันอีก อวัยวะภายในของแมลงสาบเหล่านั้นกระจุยกระจาย
ตอนนี้บนพื้นมีเพียงอวัยวะที่แยกออกจากกันของบรรดาแมลงสาบเหล่านั้น
คุณตัดสินใจกัดส่วนหัวของมันทั้งหมดโดยเว้นหนวดของมันไว้ หนวดของมันก็ดิ้นอย่างแรง
ยังมีฝูงแมลงสาบนับพันฝูงวิ่งตรงเข้ามาเรื่อยราวกับว่าแมลงสาบพวกนี้มันแยกร่างได้นับพันร่าง
ทุกครั้งที่ผมขับรถทับพวกมัน เครื่องในของพวกมันจะทะลัก
และอวัยวะของพวกมันก็จะย้อมเต็มพื้นดินเหมือนกับกระดาษวาดรูปที่เปื้อนโคลนสีน้ำตาล
ผมไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรต่อ
ท้องฟ้าไม่มีแสงจันทร์ มีแต่ดวงดาวเต็มทั้งท้องฟ้า
อยู่ๆรถก็ดูเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรง
ฝูงแมงมุมตัวใหญ่สีน้ำตาลขายาว ตัวของมันใหญ่กว่าเด็ก ขายาวเท่าคนที่สูงร้อยแปดสิบเซนติเมตร
ผมมองไปรอบๆแล้วเห็นว่านอกจากฝูงแมงมุมยักษ์แล้วยังมีตะขาบยักษ์ ถ้าถนนสายไหนที่ยาวซักร้อยเมตรบรรดาตะขาบยักษ์เหล่านี้ก็ยาวเท่านั้นแหละ ตะขาบยักษ์ยาวร้อยเมตร
ผมเร่งความเร็วของรถยนต์ให้เร็วขึ้นมากไปกว่าเดิม ขับรถทับบรรดาแมงมุมและตะขาบยักษ์เหล่านั้น ฝ่าพวกมันไปให้เร็วยิ่งกว่าตอนขับรถฝ่ากองทัพแมลงสาบยักษ์
มีควันลอยมาเต็มพื้นที่ ผมมองไม่เห็นต้นไม้แล้ว.ผมมองไม่เห็นดวงดาว คุณมองไม่เห็นอะไรเลย ผมเห็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือควัน
ผมไปไหนไม่ได้เพราะผมมองทางไม่เห็นเพราะควัน
คุณเหม็น คุณแสบตา คุณระคายเคืองคอ คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้
สักพักหนึ่ง ควันเริ่มจางลง จากนั้นควันก็หายไปทั้งหมด
ผมมองเห็นต้นไม้ทุกต้น มันยังคงอยู่ในรูปทรงเดิมของมันแต่มันกลายเป็นถ่านสีดำทุกต้น
ต้นไม้ทุกต้นยังคงเป็นต้นแต่มันกลายเป็นถ่านทั้งหมด
ต้นไม้ใหญ่ทุกต้นกลายเป็นถ่านสีดำที่ตั้งตระหง่าน
แม้แต่หญ้าบนพื้นก็ยังเป็นสีดำและเหี่ยวแห้ง
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย ไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว
ผมขับรถไปที่แม่น้ำซึ่งมีสะพานข้าม ส่วนน้ำในแม่น้ำนั้นก็เป็นน้ำเน่า ที่นี่บ้านคนตั้งริมน้ำตั้งอยู่เรียงรายกันไปทั้งสองฟากแม่น้ำ
ผมขับรถขึ้นสะพาน
แล้วคุณก็เห็นบ้านริมน้ำที่อยู่ต่อหน้าคุณถล่มลงน้ำเน่าทีละหลังทีละหลังเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ
ผมหันหลัง
ผมเห็นบ้านริมน้ำถล่มลงไปในน้ำเน่าเรียงไปทีละหลังเหมือนกัน
บ้านทุกหลังริมสองฝั่งแม่น้ำถล่มลงไปในน้ำเน่าหมดแล้วทุกหลัง รวมถึงผู้คนด้วย
ผู้คนที่อยู่ในแม่น้ำเน่าพยายามว่ายน้ำขึ้นฝั่งแต่พวกเขาขึ้นฝั่งไม่ได้ พวกเขาทุกคนในน้ำเน่าเหมือนถูกอะไรบางอย่างฉุดลงไปใต้น้ำ แล้วพวกเขาทุกคนก็จมลงไปในน้ำอย่างสมบูรณ์
ผมมองน้ำเน่า
ผมตัดสินใจจะขับรถข้ามสะพานนั้นต่อไปยังอีกฝั่ง
ผมรู้สึกบางอย่าง
ผมหันหลังไป
สะพานไม้ด้านหลังผมกำลังถล่มลงไปในน้ำเน่า
ผมขับรถด้วยความเร็วสูงสุด
ผมขับรถข้ามสะพานมาจนถึงอีกฝั่ง ผมหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง
สะพานค่อยๆถล่มลงไปในน้ำเน่า จนตอนนี้สะพานก็ถล่มลงน้ำเน่าทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
ผมขับรถต่อไป จนตอนนี้ผมผ่านลานทิ้งขยะขนาดใหญ่พร้อมด้วยกองขยะขนาดใหญ่ ผมขับรถผ่านมันไป
เกิดเสียงระเบิดขึ้น
ผมหันหลังกลับไปมอง เปลวไฟมาจากกองขยะ
เปลวไฟลุกไหม้กองขยะ คนกลุ่มหนึ่งอยู่ในกองขยะ เขาพยายามจะเดินออกมาแต่เขากลับจมลงไปในกองขยะเรื่อยๆ
ตอนนี้มีแค่หัวของพวกเขาโผล่ออกมาจากกองขยะ พวกเขาพยายามเรียกให้ช่วยแต่พวกเขาก็จมหายลงไปในกองขยะทั้งตัวแม้แต่ส่วนหัว
แล้วกองขยะด้านบนก็ไถลถล่มลงมาทับพวกเขาซ้ำ
ผมอยู่บนถนนซึ่งขยะเกลื่อนกลาดทั้งสองข้างทาง
จู่ๆก็มีแสงฟ้าแลบเกิดขึ้น ผมมองไปที่นาฬิกา สี่ทุ่มครึ่ง
ผมมองไปที่ท้องฟ้า หนวดของสัตว์ประหลาดตัวที่อยู่บนท้องฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรง
จากนั้นผืนดิน ภูเขา ต้นไม้ ใบไม้ ต้นหญ้า ดวงดาว และท้องฟ้าก็บิดเบี้ยว จากนั้นทั้งจักรวาลก็บิดเบี้ยว มีแสงวาบประหลาดเกิดขึ้น แล้วทุกอย่างก็ระเบิดพินาศ
จบ
บทที่ 1 ความน่ากลัวของจักรวาล
09/08/2024
บทที่ 2 เมืองเป้าหมาย
10/08/2024
บทที่ 3 ปะทะกับสายลับ
10/08/2024
บทที่ 4 ปี ค.ศ.5000
10/08/2024
บทที่ 5 นครอวกาศ
10/08/2024
บทที่ 6 [โซดิแอคคิลเลอร์คนที่ 2]
10/08/2024
บทที่ 7 ฟูนันล่มสลาย
10/08/2024
บทที่ 8 จอห์นนี่ล้างแค้น
10/08/2024
บทที่ 9 เรื่องของจอห์นนี่ ดาร์กเนส
10/08/2024
บทที่ 10 เรื่องของจอห์นนี่ ดาร์กเนส(2)
10/08/2024
หนังสืออื่นๆ ของ Patipat Pinrat
ข้อมูลเพิ่มเติม