ฟางหลิ่งหญิงสาววัยสิบเจ็ด ที่ปีหน้าต้องแต่งออกให้กับแม่ทัพผู้ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยม อำมหิต มีใบหน้าน่ากลัวจนต้องสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา ข่าวลือดังมาจนทำให้สาวน้อยหวาดกลัว แผนหอบผ้าหนีวิวาห์จึงเกิดขึ้น แผนการของสาวน้อยร้อยเล่ห์จะหนีรอดหรือไม่โปรดติดตามในเรื่อง ท่านแม่ทัพคู่หมั้นท่านหนีไปอีกแล้ว “บังเอิญจังเจอพี่ชายรูปงามอีกแล้วเจ้าค่ะ” “หลิ่งเอ๋อร์?” “ชู่ว์~~~ เบาหน่อยเจ้าค่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้า” ฟางหลิ่งรีบพุ่งเข้าไปใกล้พร้อมยกมือปิดปากพี่ชายสือโถวเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองรอบกายอย่างหวาดระแวง แล้วลากพี่ชายสือโถวมาหลบบริเวณต้นไม้หนาตา ทว่าเมื่อเงยหน้าสบกับดวงตาคู่คมที่มองมา นางจึงรีบเอามือออกจากปากอีกคนอย่างเก้อเขิน “สองวันที่หายไปเจ้าอยู่ที่จวนตระกูลจาง?” ชุดซีรีส์คุณหนูหนีวิวาห์ ท่านแม่ทัพคู่หมั้นท่านหนีไปอีกแล้ว โดย พิมพ์สีทอง ท่านพ่อบุญธรรมข้าต้องดูตัวอีกแล้วเหรอ โดย ผิงอัง
เทศกาลหยวนเซียวในปีนี้ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และดูครึกครื้นกว่าทุกปี เนื่องจากองค์จักรพรรดิทรงจัดงานเลี้ยง ซึ่งอนุญาตให้ขุนนางน้อยใหญ่พาบุตรหลานมาเข้าร่วมงานด้วย ภายในเขตพระราชวังประดับด้วยโคมไฟสีแดงนับพันดวง สว่างไสวไปทั่วบริเวณสวนเหลียนฮวา ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลหยวนเซียวภายในวังหลวงในค่ำคืนนี้
อีกทั้งในงาน ต่างมีการแสดงความสามารถของบุตรหลานขุนนาง หากการแสดงของใครต้องตาต้องใจองค์จักรพรรดิหรือฮองเฮาก็จะได้รับรางวัลเป็นการตอบแทน ภายในงานนอกจากมีโคมไฟที่งดงามแล้ว ยังมีการจุดดอกไม้ไฟฉลอง และตบท้ายด้วยการปล่อยโคมลอยขึ้นฟ้า ซึ่งโคมลอยมีหลายหลากให้เลือกสรร
บ้างก็เป็นดอกไม้หรือไม่ก็สัตว์เล็ก ๆ น่ารักอย่างเช่นกระต่าย ซึ่งลูกหลานขุนนางจะนิยมปล่อยโคมลอยขึ้นฟ้า ส่วนนอกวังหลวงนั้นก็ครึกครื้นไม่ต่างกัน บ้านเรือนทุกหลังต่างประดับโคมไฟสีแดงยาวเป็นทิวแถว ร้านค้าต่างคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีผู้คนมาจับจ่ายมากกว่าทุกวัน
โดยเฉพาะของกินที่ขายดีเช่น น้ำตาลปั้นที่เด็กเล็กอยากกิน ซึ่งต่างก็เรียกร้องให้ปั้นเป็นสัตว์ที่ตัวเองต้องการ อย่างเช่น จิ้งจอกน้อย กิเลน เต่าและมังกร ซึ่งเป็นสัตว์เทพที่พวกเขาเชื่อถือว่าได้กินแล้วเทพเซียนจะอวยพรให้พวกเขาพบกับความสุข ขนมอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือขนมบัวลอย ซึ่งเป็นขนมมงคลซึ่งสื่อว่าเป็นการรักใคร่กลมเกลียวกันในครอบครัว
ปีนี้ไม่ใช่ปีแรกที่ ‘ฟางหลิ่ง’ เข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ เพราะพี่สาวนางเป็นถึงกุ้ยเฟยขององค์จักรพรรดิ จึงทำให้นางคุ้นเคยกับวังหลวงเป็นอย่างยิ่ง และรู้ดีว่าการจัดงานในครั้งนี้ก็เพื่อให้คนหนุ่มสาวพบปะดูตัวกัน ภายในงานในค่ำคืนนี้มีแสงสีเสียงมากกว่าทุกงาน ทำให้นางตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังต้องระวังกิริยา เพื่อไม่ให้ท่านพ่อต้องอับอาย
ดวงตาเรียวหงส์คู่สวยมองรอบงาน ซึ่งผู้คนต่างประชันความงามมาอย่างเต็มเปี่ยม อาภรณ์งดงามหลากสีสันจนทำให้นางรู้สึกตาลายไปบ้าง อีกทั้งพวกนางต่างก็ประเคนเครื่องประดับทองไปทั้งตัวจนนางรู้สึกหนักแทน แต่จะโทษพวกนางอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะนางเองก็ถูกท่านแม่จับแต่งกายประดับด้วยเครื่องทองจนหนักอึ้งไปทั้งตัวเช่นกัน
“หลิ่งเอ๋อร์” ฟางหลิ่งที่ถูกสะกิดเรียกหันกลับมามอง ดวงตาคู่หงส์เบิกกว้างขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใสเมื่อเห็นว่าใครที่เอ่ยทักทายนาง
“อ้าว เจ้าก็มาด้วยเหรอ?” ฟางหลิ่งเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น เพราะนางไม่เคยเห็นสหายรักออกงานเช่นนี้เลย
“ท่านพ่อบุญธรรมพาข้ามาน่ะ ข้านึกว่าจะไม่เจอคนรู้จักซะแล้ว ดีจริงที่พบเจ้า” ไฉ่หงบอกด้วยน้ำเสียงเริงร่า ซึ่งฟางหลิ่งก็ส่งยิ้มดีใจไปให้ นางเองก็ดีใจที่พบสหายในงานเช่นนี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
“งานเทศกาลหยวนเซียวปีนี้ พวกเราโชคดีมากที่ได้เข้าวัง ข้าชอบโคมไฟพวกนี้จัง”
“ข้าก็ชอบโคมไฟ เพียงแต่ข้าไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงที่คนเยอะ ๆ มารวมกัน” ไฉ่หงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก นั่นยิ่งทำให้นางสงสัย โดยปกติสตรีน้อยใหญ่พวกนั้นต่างก็ชอบที่จะออกงาน
“ทำไมล่ะ?” ฟางหลิ่งอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“เจ้าก็ดูสิ ขุนนางต่างพาลูกหลานมาในงาน นี่มันงานดูตัวชัด ๆ” ไฉ่หงเอามือป้องปากกระซิบพอได้ยินกันสองคน แต่คำพูดของนางก็ทำให้ฟางหลิ่งหัวเราะเบา ๆ ที่สหายพูดมาไม่ผิดนักหรอก นางเองก็เคยผ่านงานมาหลายครั้งแล้วจึงพอจะรับมือกับเรื่องพวกนี้ได้บ้าง
“ไม่ดีหรือไง พวกเราเองก็จะได้เปิดหูเปิดตา” ฟางหลิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส
“อาจจะดีสำหรับเจ้า แต่สำหรับข้าไม่ใช่เลย” เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของสหายรักจึงเอ่ยถามอย่างฉงน
“ทำไมล่ะ?”
“ข้ายังไม่อยากออกเรือน” ไฉ่หงบอกสั้น ๆ ฟางหลิ่งพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะครั้งแรกนางเองก็รู้สึกอึดอัดมากเช่นกัน เพราะท่านพ่อต้องพานางไปแนะนำให้พวกขุนนางน้อยใหญ่ทั้งหลายได้รู้จัก ว่ายังมีบุตรสาวคนรองที่ยังไม่ยอมแต่งงานอยู่อีกหนึ่งคน
“เจ้ากับข้าก็เลยวัยปักปิ่นแล้ว นี่เป็นโอกาสดีได้พบปะผู้คน เจ้าก็น่าจะมองหาคนที่ถูกใจไว้บ้างนะ” เมื่อพิจารณาอายุสหายแล้ว จึงอดที่จะเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีไม่ได้
“บอกแต่ข้า แล้วเจ้าล่ะเจอคนที่ถูกใจบ้างหรือยัง เอ... ข้าเพิ่งได้ข่าวแว่วมาว่าเจ้ากำลังหมั้นหมายกับแม่ทัพจางนี่นา” ไฉ่หงหรี่ตามองสหายรัก ก็เห็นอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาขึ้นมา
“ไม่ต้องล้อข้าเลย เลิกพูดเรื่องนี้แล้วเราไปปล่อยโคมลอยกันเถอะ” ฟางหลิ่งรีบตัดบท เมื่อนึกถึงงานหมั้นหมายที่จะมาถึงโดยที่นางไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย ข่าวลือของแม่ทัพผู้นั้นดั่งกระฉ่อนว่าเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต และยังหน้าตาอัปลักษณ์จนไม่มีใครกล้ามองหน้าด้วยซ้ำไป
“เอาสิ” เมื่อไฉ่หงเห็นด้วย ทั้งคู่จึงเดินไปยังลานกว้าง ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับลอยโคมไฟโดยเฉพาะ
บริเวณนี้สว่างไสวเป็นพิเศษ อีกทั้งมีผู้คนมาปล่อยโคมเป็นจำนวนมาก หลิ่งฟางเลือกโคมจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งก่อนจะเล่นเกมไขปริศนาที่ห้อยไว้กับโคม จากนั้นนางก็อธิษฐานก่อนจะปล่อยโคมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาคู่หงส์มองตามโคมลอยขึ้นฟ้าด้วยความหวัง...
หวังว่าพรที่นางขอจะทำให้นางสมปรารถนา...
“เจ้าขอพรเรื่องอะไรเหรอหงเอ๋อร์” ฟางหลิ่งที่ปล่อยโคมขึ้นฟ้าเรียบร้อยแล้ว จึงหันมาถามสหายรักด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เรื่องเช่นนี้ใครเขาบอกกันเล่า เอาเป็นว่าเรื่องที่ข้าขอเป็นความจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ ข้าจะมาบอกเจ้าก็แล้วกัน”
ไฉ่หงขยิบตาให้นางอย่างมีลับลมคมใน ทำให้ฟางหลิ่งหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพากันเดินดูโคมไฟและไปจุดดอกไม้ไฟ แม้ค่ำคืนนี้พวกนางจะไม่ได้พบปะกับบุรุษเหมือนสตรีบ้านอื่น แต่ก็มีหลายคนที่สนใจพวกนาง ทว่าทั้งคู่กลับไม่ได้สนใจใครเลย เพียงแค่หยอกล้อกัน จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกราและแยกย้ายกลับจวน...
โดยที่ฟางหลิ่งไม่รู้เลยว่า ตนเองตกอยู่ในสายตาของบุรุษที่สวมใส่หน้ากากพยัคฆ์สีดำตลอดเวลา ดวงตาคู่คมมองร่างอรชรด้วยสายตาล้ำลึก ซึ่งบุรุษผู้นี้หาใช่ใครอื่นแต่เป็น ‘แม่ทัพจางเหว่ย’ ว่าที่คู่หมั้นของนางนั่นเอง...
------
เวลาที่ใช้ในเรื่อง เมื่อเทียบกับเวลาสากลแล้ว หนึ่งยาม เท่ากับ สองชั่วโมง และในหนึ่งวันมีสิบสองยาม ดังนี้
ยาม จื่อ เท่ากับเวลา 23.00 น. จนถึง 24.59 น.
ยาม โฉ่ว เท่ากับเวลา 01.00 น. จนถึง 02.59 น.
ยาม อิ๋น เท่ากับเวลา 03.00 น. จนถึง 04.59 น.
ยาม เหม่า เท่ากับเวลา 05.00 น. จนถึง 06.59 น.
ยาม เฉิน เท่ากับเวลา 07.00 น. จนถึง 08.59 น.
ยาม ซื่อ เท่ากับเวลา 09.00 น. จนถึง 10.59 น.
ยาม อู่ เท่ากับเวลา 11.00 น. จนถึง 12.59 น.
ยาม อุ้ย(เว่ย) เท่ากับเวลา 13.00 น. จนถึง 14.59 น.
ยาม เซิน เท่ากับเวลา 15.00 น. จนถึง 16.59 น.
ยาม อิ่ว เท่ากับเวลา 17.00 น. จนถึง 18.59 น.
ยาม ซวี เท่ากับเวลา 19.00 น. จนถึง 20.59 น.
ยาม ไฮ่ เท่ากับเวลา 21.00 น. จนถึง 22.59 น.
บทที่ 0 บทนำ ท่านแม่ทัพคู่หมั้นท่านหนีไปอีกแล้ว
05/03/2025
บทที่ 1 วางแผนหนีวิวาห์
05/03/2025
บทที่ 2 ถูกจับได้
05/03/2025
บทที่ 3 พี่ชายไม่เข้าใจน้อง
05/03/2025
บทที่ 4 หาหนทางหนีวิวาห์อีกครั้ง
05/03/2025
บทที่ 5 พี่ชายผู้สง่างาม ช่วยข้าหนีว่าที่สามีที
05/03/2025
บทที่ 6 หนีไม่พ้นอีกแล้ว
05/03/2025
บทที่ 7 วางแผนใหม่ ไม่ยอมแพ้หรอก
05/03/2025
บทที่ 8 ท่านแม่ทัพคู่หมั้นท่านหนีไปอีกแล้ว!
05/03/2025
บทที่ 9 บังเอิญจังเจอพี่ชายรูปงามอีกแล้ว
05/03/2025
บทที่ 10 ข้าเป็นสาวใช้ในจวนแม่ทัพ
05/03/2025
บทที่ 11 เลื่อนขั้นมาเป็นสาวใช้พี่ชายผู้สง่างาม
05/03/2025
บทที่ 12 ทำไมหัวใจนางเต้นเร็วจัง...
05/03/2025
บทที่ 13 อยู่มาตั้งนานยังไม่เจอว่าที่คู่หมั้นคนนั้น
05/03/2025
บทที่ 14 นางจะถอนหมั้นกับแม่ทัพผู้นั้น
05/03/2025
บทที่ 15 ความจริงเปิดเผยพี่ชายสือโถวคนนั้นคือ...
05/03/2025
บทที่ 16 ไม่หนีวิวาห์อีกแล้ว
05/03/2025
บทที่ 17 บทส่งท้าย ภรรยาของท่านแม่ทัพคือข้าเอง
05/03/2025
บทที่ 18 ตอนพิเศษ พยานรักของแม่ทัพจางเหว่ยกับฮูหยินน้อย
05/03/2025
หนังสืออื่นๆ ของ หลิ่งฟาง//พิมพ์สีทอง
ข้อมูลเพิ่มเติม