First ไดอารี(ที่)รัก

First ไดอารี(ที่)รัก

เมอร์รี่เมล

5.0
ความคิดเห็น
56
ชม
14
บท

"เอาแบบนี้นะ ถ้าตัวเล็กหยุดร้อง พี่สัญญาว่าครั้งหน้าถ้าเราได้เจอกัน หากหนูเจ็บหรือเสียใจพี่จะคอยอยู่ข้าง ๆ จนกว่าจะหายดี จากนั้นเราสองคนค่อยไปหาของอร่อยกินกัน ดีมั้ย^^" "ดีค่ะ พี่สัญญากับหนูแล้วนะ ห้ามผิดคำพูดนะคะ" "อื้ม สัญญาครับ" เราทั้งคู่เกี่ยวก้อยทำสัญญาด้วยรอยยิ้ม แต่คนให้คำมั่นหายไปไม่หวนกลับ นั่นเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่เราได้เจอกัน เขาจะลืมฉันไปหรือยัง? เขาจะจำคำสัญญาของเราได้หรือเปล่า? เขาจะรู้บ้างไหมความอบอุ่นที่เขามอบให้ มันหยั่งลึกฝั่งแน่นในความทรงจำของเด็กคนนี้ ฉันยังหวัง... หวังว่าสักวัน เราจะได้พบกันอีกสักครั้ง

บทที่ 1 Diary 1: จุดเริ่มต้น

"คุณยังจำความรู้สึกใจเต้นแรง ตอนมองใครบางคนได้ไหม?"

"คุณเชื่อในเรื่องโชคชะตา ฟ้าลิขิตหรือเปล่า?"

"ส่วนฉันจำมันได้ดี และเชื่อมั่นจึงเฝ้ารอ"

"ให้ความรู้สึกนั้น เกิดขึ้นอีกครั้ง"

ท่ามกลางอากาศปลอดโปร่งโล่งสบายของช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ชูช่อผลิดอกออกใบงดงาม สายลมของช่วงตะวันใกล้ลาลับขอบฟ้าให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายยามพัดผ่านผิวกาย แต่นั่นกลับไม่ช่วยให้ความร้อนรนภายในใจ ลดน้อยลงได้เลย...

“พี่ชา! รอด้วย~” หนูร้องเรียกพี่ชายเสียงดัง ขณะกำลังปั่นจักรยานสีหวาน ไล่ตามเขาอยู่บนถนนของสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ติดกับทะเล

คนถูกเรียกหันมายิ้มเยาะเมื่อเห็นว่าไม่สามารถตามเขาทัน นั่นทำให้ควันแทบออกหู เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นด้วยกำลังทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน มันกลับเหมือนยิ่งไกลออกไปทุกที

ให้ตายสิ! ไม่คิดรอกันเลยสินะ

บางทีก็รู้สึกขัดใจกับขาสั้น ๆ ของตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่พี่ชายขายาวขนาดนั้น แต่ตัวเองกลับมีเพียงเท่านี้

พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรม!

ตอนนี้พวกเราอยู่ในประเทศหนึ่งของแถบซีกโลกเหนือ ครอบครัวเราเดินทางมาถึงเมืองนี้ร่วมสองอาทิตย์แล้ว แม้จะเดินทางระหว่างประเทศบ่อยครั้ง แต่สถานที่นี้หนูเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก

เราไม่ได้มาเที่ยว แดดดี้บอกว่ามาเพื่อเจรจาธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ หนูไม่รู้หรอกนะว่าธุรกิจที่ว่าคืออะไร แต่มันคงจะสำคัญมาก เพราะตั้งแต่มาถึงท่านทั้งสองก็ยุ่งหัวหมุน จนไม่มีเวลาพาเราสองพี่น้องออกไปไหน หนูจึงต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพี่ชายขี้แกล้งกันสองคน เหมือนอย่างในตอนนี้

ไม่ยอมแพ้คนแบบนั้นหรอก!

หนูตั้งหน้าตั้งตาออกแรงผ่านขาเล็ก ๆ ทั้งสองข้าง ความสนใจทั้งหมดถูกทุ่มให้คนตัวสูงที่เห็นหลังอยู่ไกล ๆ แต่สิ่งไม่คาดฝันดันเกิดขึ้น

“กรี๊ดดด” ดวงตาเบิกกว้าง กรีดร้องออกมาสุดเสียง มือกำเบรกแน่นด้วยความตระหนก ความเร็วทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ตามตั้งใจ

โครม!

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งคนทั้งรถแหกโค้งพุ่งลงบนพื้นหญ้าสีเขียวข้างทาง ความแรงทำให้ร่างกลิ้งไถลออกจากตัวรถมาไกลพอควร

หนูพยายามตั้งสติดันตัวลุกขึ้นนั่ง

“ฮึก แง~” พยายามจะไม่ร้องแล้วนะ แต่ความเจ็บที่ได้รับทำให้ไม่สามารถห้ามตัวเองได้ เสียงร้องนั้นดังจนคนมากมายที่อยู่รายล้อมหันมามองด้วยความตกอกตกใจ มีคนมองแต่ไม่มีใครเข้ามาช่วยสักคน

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าหนักวิ่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า นั่นทำให้หนูต้องแหงนหน้าขึ้นมองว่าเป็นใคร แต่เมื่อได้คำตอบยิ่งทำให้ต้องเบะปากคว่ำมากกว่าเดิม

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปทำอีท่าไหนสภาพถึงเป็นแบบนี้ โคตรตลกเลยว่ะพริก”นึกว่าจะรีบเข้ามาช่วย ที่ไหนได้ ‘พี่ชานนท์’ กลับหยิบเศษดินเศษหญ้าจากเส้นผมขึ้นมาทำหน้าตาล้อเลียน แถมหัวเราะอย่างสะใจจนต้องยกมือขึ้นกุมหน้าท้อง ทั้งที่อายุห่างกันตั้งหลายปี แต่คนเป็นพี่กลับไม่เคยอ่อนโยนกับน้องคนนี้เลย!

หนูเลิกให้ค่าคนตรงหน้า หันมากวาดสายตาสำรวจร่องรอยบนร่างกาย “แสบจังเลย เจ็บด้วย” ไม่มีเลือดไหลก็จริง แต่บนหัวเข่าและข้อศอกด้านซ้าย มีรอยถลอกขนาดใหญ่นั่นทำให้รู้สึกเป็นกังวล มันจะมีแผลเป็นไหม? จะหมดสวยหรือเปล่า? แล้วจะเป็นนางแบบได้อยู่หรือไม่?

หนูได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาภายในหัว

“ฮือ~” ไม่ว่าจะคิดมากแค่ไหนก็ไร้คำตอบ ทำให้น้ำตาที่เกือบเหือดแห้งไหลอาบแก้มอีกครั้ง

บ้าชะมัด เพราะไอ้พี่บ้าคนเดียวเลย!

ตึก ตึก ตึก

มีเสียงฝีเท้าวิ่งใกล้เข้ามาอีกครั้ง แต่รอบนี้มาจากทางด้านหลัง หนูยกมือปาดน้ำตาทิ้ง หันกลับไปมองตามทิศทางของเสียง คนที่วิ่งตรงเข้ามาหาเป็นผู้ชายท่าทางใจดี เขามีสีผมดำสนิท ผิวเข้มกว่าหนูเล็กน้อยแต่ทว่าสูงกว่ามาก

เขาวิ่งมาหยุดยืนอยู่ข้างกาย แล้วคุกเข่าลงข้าง ๆ

เราไม่รู้จักกัน แต่การกระทำคนมาใหม่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก สายตา ‘เขา’ ดูเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าพี่ชายในไส้ของหนูเองเสียอีก

“เจ็บมากมั้ยตัวเล็ก” คำพูดของเขาทำเอารู้สึกอุ่นวาบไปทั่วอก หนูสบตาเจ้าของเสียงอ่อนโยนโดยไร้การตอบกลับ

พี่ชายใจดีเปลี่ยนเป็นนั่งลงเต็มตัว “ไหนดูหน่อยสิ” เขายกขาเปรอะเปื้อนขึ้นพาดบนตักอย่างไม่รังเกียจ

อายจังเลย วันนี้ใส่กระโปรงมาด้วยสิ

“แสบมากมั้ย” พี่เขาละสายตาจากบาดแผล มาจ้องหน้าหาคำตอบด้วยรอยยิ้ม

“...” หนูไม่พูดได้แต่พยักหน้า

พี่ชายหน้าหล่อแถมใจดี หยิบผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้มออกมาจากกระเป๋ากางเกง เทน้ำจากขวดในมือใส่จนเปียกชุ่มแล้วบิดจนหมาด

“ทนหน่อยนะ แค่แป๊บเดียว” เขาบรรจงเช็ดบริเวณหัวเข่าและข้อศอกให้อย่างเบามือจนสะอาด หยิบปลาสเตอร์ยาลายการ์ตูนที่ไม่รู้มาจากไหนแปะให้อย่างดี

“เสร็จแล้ว^^” รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า ทำให้ไม่สามารถละสายตาไปมองอะไรได้อีกนอกจากเขา เหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งจนเผลอกลั้นลมหายใจ มือกำชายกระโปรงแน่นด้วยความประหม่า

มันช่างสว่างไสวเหมือนมีสปอร์ตไลท์ฉายใส่หน้า

“ไม่เจ็บนะเดี๋ยวก็หาย เพี้ยง” เขาเป่าลมใส่ร่องรอยแผลที่ปกปิดไว้เรียบร้อยแล้ว ลมอุ่น ๆ ทำให้ผิวกายรู้สึกร้อนวูบวาบ และลมนั่นมันคงจะแรงมากไปหน่อย เพราะความร้อนมันลามขึ้นมาถึงใบหน้าเชียวล่ะ

“หนูจะเป็นแผลเป็นมั้ยคะ?” หนูกัดปากช้อนสายตาเอ่อน้ำขึ้นมอง กลั้นใจถามสิ่งค้างคาใจเสียงสั่น น้ำตาพานจะไหลทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

คนตรงหน้าส่งยิ้มจางๆ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะที่ถูกถักเปียไว้สองข้างแล้วลูบเบา ๆ

รู้สึกดีจัง~

“ไม่เป็นหรอก แค่รอยถลอกเองไม่กี่วันก็หายเป็นปกติแล้วล่ะ”

“จริงเหรอคะ พี่ไม่ได้โกหกหนูใช่มั้ย?”

“จริงสิ พี่จะโกหกหนูทำไม”

“แล้วทำไมมันถึงเจ็บจังล่ะคะ ฮึก~” น้ำตาจะไหลอีกแล้ว

“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ” พี่เขาพูดปลอบพร้อมเป่าลมร้อนลงมาอีกหลายครั้ง มือยังวางที่เดิมไม่ได้ขยับหนีไปไหน

หนูรู้สึกดีมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งพี่เขาทำแบบนี้ มันกลับอยากร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม สงสัยที่พี่ชานนท์ชอบล้อว่าขี้แยคงจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้วสิ

“เอาแบบนี้นะ ถ้าตัวเล็กหยุดร้อง พี่สัญญาว่าครั้งหน้าถ้าเราได้เจอกัน หากหนูเจ็บหรือเสียใจพี่จะคอยอยู่ข้าง ๆ จนกว่าจะหายดี จากนั้นเราสองคนค่อยไปหาของอร่อยกินกัน ดีมั้ย^^”

“ดีค่ะ พี่สัญญากับหนูแล้วนะ ห้ามผิดคำพูดนะคะ” ตอนนี้ชักอยากได้พี่เขามาอยู่ด้วย แทนคนที่เอาแต่ยืนมองด้วยสายตาประหลาดเสียแล้วสิ

“อื้ม สัญญาครับ” เราสองคนเกี่ยวก้อยทำสัญญา ส่งยิ้มหวานจนตาหยีให้กันและกัน

“แต่ตอนนี้หนูก็เจ็บนะคะ”

“ฮ่า~ พี่ก็อยู่ข้าง ๆ นี่ไงครับ” เสียงหัวเราะเบา ๆ รอยยิ้มบาง ๆ ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามผิดจังหวะ มันแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอกจนต้องยกมือขึ้นมากุม

ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน...

“พอ! แยก ๆ มึงอย่ามาโปรยเสน่ห์ใส่น้องกู น้องกูเพิ่งจะเก้าขวบ”

พี่ชานนท์คนใจดำเดินมาแยกพวกเราออกจากกันแต่เมื่อกี้เขาเรียกพี่ชายใจดีว่ามึงเหรอ? ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันใช่มั้ย? ถ้าเป็นอย่างนั้นปีนี้พี่เขาก็อายุสิบเจ็ดแล้วน่ะสิ

ว้าว~ ถึงว่าทำไมตัวสูงจัง

“โปรยเสน่ห์ห่าอะไรของมึง กูมาช่วย! ไม่เห็นเหรอว่าน้องบาดเจ็บ แทนที่มึงจะรีบเข้ามาดู กลับเอาแต่ยืนมองแล้วหัวเราะ มีน้องผู้หญิงแทนที่จะดูแลปกป้องให้ดี มีพี่แบบนี้กูว่าไม่มียังดีกว่า” คนฝั่งขวาพูดยาวเหยียด แม้น้ำเสียงติดไม่พอใจแต่กลับน่าฟังไม่เบื่อ หนูอยากให้พี่เขาพูดอีก และพูดอีก

“อยากได้?”

“ให้กูก็เอา บ้านกูอยากมีลูกสาวมึงก็รู้”

“ไม่ให้โว้ย!” พี่ชายใจดีจับข้อมือหนูดึงเข้าหาตัว พี่ชานนท์เองก็ไม่ยอมแพ้ดึงอีกฝั่งกลับด้วยสีหน้าบึ้งตึง

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปนะ ต่างกันซะขนาดนี้

“ถ้าไปอยู่กับมึงคงไร้ภูมิคุ้มกันตายห่า แค่ล้มบนหญ้าจะอะไรนักหนา โตมามีเรื่องให้เจ็บมากกว่านี้อีกเยอะ” ส่วนคนนี้หนูอยากให้หยุดพูดไปซะ! แต่ละคำน่าฟังที่ไหน

ขอเปลี่ยนพี่ชายตอนนี้เลยได้ไหม?

“แต่ตอนนี้ตัวเล็กยังเด็กเกินไป”

“ตัวเล็ก? น้องกูชื่อ ‘พริกแกง’ ไม่ใช่ตัวเล็กเรียกให้มันถูก”

“กูพอใจจะเรียกแบบนี้” เท่านั้นแหละทั้งสองเปิดศึกข้ามหัวหนูไปมา ทั้งเตี้ยทั้งขาสั้นเสียเปรียบชะมัด หัวเปียกหมดแล้วมั้งเถียงกันหนักขนาดนี้ เรื่องแค่นี้ไม่รู้จะเถียงกันทำไม โตไปต้องเป็นแบบนี้ไหมเนี่ย?

เถียงกันอยู่สักพักพี่ชานนท์เป็นฝ่ายยอมแพ้ขอแยกตัวออกไป เขายกโทรศัพท์กดหาใครสักคน ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นแดดดี้หรือไม่ก็แม่ที่กำลังคุยงานอยู่ร้านอาหารไม่ห่างจากจุดนี้

วางสายไม่ถึงยี่สิบนาทีผู้ชายร่างใหญ่สวมชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเดินตรงมาทางเราสามคนด้วยความเร่งรีบ

“น้าทอย” หนูวิ่งแจ้นไปหาคนหน้าดุ ทว่าสุดแสนจะใจดีที่เห็นมาตั้งแต่เกิด

“เป็นอะไรมากมั้ยครับคุณหนู” น้าทอยคุกเข่าลงตรงหน้า จับไหล่ทั้งสองข้างแล้วหมุนไปหมุนมาหลายรอบเพื่อสำรวจความเสียหาย เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรมากกว่าร่องรอยที่เห็น น้าทอยถึงยืนขึ้นแล้วหันไปคุยกับพี่ชานนท์อย่างนอบน้อม

“คุณชาครับ ผมพาคุณหนูกลับไปรอที่โรงแรมก่อนนะครับ”

“อืม” คนขี้เก๊กเต๊ะท่าตอบ

ช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย น้าทอยอายุห่างกับเขาตั้งเกือบยี่สิบปี แต่พี่ชายตัวดีกลับตอบเสียงห้วนสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไร

กับลูกน้องคนสนิทของพ่อยังทำเฉยชาขนาดนี้ กับคนอื่นไม่ต้องพูดถึง นอกจากหนูก็เพิ่งจะเห็นมีเพื่อนคนนี้นี่แหละที่พี่พูดคุยด้วยท่าทีสนิทสนม

น้าทอยก้มหัวให้ทั้งสองคนเล็กน้อย ก่อนจะจูงมือหนูเดินออกมา

จากมาเพียงไม่กี่ก้าว หนูนึกขึ้นได้ว่าลืมสิ่งสำคัญ จึงหันกลับไปหาคนทั้งสอง

แต่ไม่ทัน...

ทั้งคู่เดินห่างไปไกลแล้ว มัวแต่ตกใจจนลืมถามชื่อ และขอบคุณพี่ชายคนนั้นเลย จะไปถามพี่ชานนท์คนแบบเขาไม่มีทางบอกหรอก เฮ้อ...

พอถึงโรงแรม หนูรีบวิ่งเข้าห้องส่วนตัวเพื่อมาทำสิ่งสำคัญ

ไดอารี่เล่มใหม่เอี่ยมที่แวะซื้อระหว่างทางกลับถูกวางลงบนโต๊ะ ทุกเหตุการณ์ ทุกประโยคถูกบรรจงเขียนลงในสมุดเล่มหนาสีเดียวกับผ้าผืนนั้นอย่างละเอียด ด้วยความตั้งอกตั้งใจ

หนูเงยหน้าขึ้นมองวิวทิวทัศน์ยามท้องฟ้าทอสีส้มทอง ผ่านหน้าต่างบานใส ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก จึงก้มลงเขียนต่อ

Puppy Love ของหนู

หนูจะไม่มีวันลืมเรื่องราวระหว่างเราเด็ดขาด ต่อไปนี้หนูจะเขียนเหตุการณ์ในชีวิตลงบันทึกทุก ๆ วัน จะเขียนไปจนกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง หนูอยากให้พี่รู้ว่ากว่าเราจะเจอกัน ระหว่างทางมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หรือถ้าหากไม่มีโอกาสนั้น หนูก็จะเขียนไปจนกว่าจะได้เจอคนที่เหมือนกับพี่ใจดีในวันนี้

****************************************************

หนูอยากแต่งงานกับผู้ชายที่เหมือนกับพี่ค่ะ >///<

Phikkaeng

29 มีนาคม 20XX

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ เมอร์รี่เมล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

Charlton Buccafusco
5.0

ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"

หวนคืนมิลืมรัก

หวนคืนมิลืมรัก

ต้ายวี่
5.0

นางเคยมอบความรัก ความภักดี ให้เขาด้วยความจริงใจ แต่เขากลับตอบแทนนางด้วยการทรยศ หักหลัง สกุลของนางต้องล่มสลาย ยามที่สวรรค์มอบโอกาสให้นางได้หวนคืนชะตา นางจึงตั้งมั่นไม่ขอหวนกลับไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเขาอีก เพียงแต่นางพยายามหลีกหนี คนหน้าหนากลับพยายามไล่ตาม ใช้ความเจ้าเล่ห์ทั้งหลอกล่อบีบคั้นจนนางไร้หนทางหลีกหนี ในเมื่อมิอาจหลีกหนีเช่นนั้นครั้งนี้นางก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า สตรีสกุลหลิวจะไม่ยอมโง่เขลาเป็นครั้งที่สอง "กู่เหว่ยหยวน ตลอดชีวิตของข้า สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุด คือมอบใจให้บุรุษชั่วช้าเช่นเจ้า หากสวรรค์มีจริง ไม่ว่าจะกี่ภพชาติอย่าได้พบกันอีกเลย"

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

Crimson Syntax
5.0

ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

เกาะครีต
4.9

วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

ฮูหยินของข้า แซ่บไม่เบา

Burke Gee
5.0

ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ