5.0
ความคิดเห็น
97K
ชม
38
บท

เลี้ยงต้อย ป๋าคิดยังไงว่าเขาชอบ อเล็กซิสมองร่างอ้วนติดในทางเตี๊ยอย่างสมเพช ไม่เคยคิดแต่งงาน พอโดนจับคลุมถุงชน หน้าตา รูปร่างเจ้าสาวทำเอาเขาสะอึกอึ้ง....

บทที่ 1 1

ปลูกขวัญนั่งพักบนเก้าอี้หรูตรงมุมแจกันใบใหญ่หลังจากทำความสะอาดโถงทางเดินยาวจนเลยขึ้นไปสู่บันไดทรงโค้งราวสีทอง ซึ่งมีโคมไประย้าสวยงามห้อยอยู่ คฤหาสน์หลังใหญ่โตนี้เป็นทรงต่างประเทศ โคมไฟก็ชื่อเรียกยากเธอจำไม่ได้ แม้เธอเคยได้ยินแม่พูดก็ตาม สาวน้อยยกมือเช็ดเหงื่อ สักพักมือถือในกระโปรงสีฟ้าแม่บ้านสั่นไหวสาวน้อยอายุสิบแปดสะดุ้ง

หรือว่าเป็นเขา!

ไม่มีใครโทรหาหรอก เธอไม่มีเพื่อน เบอร์เธอมีเพียงเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ สาวน้อยมองมือถือเห็นเป็นเจ้าของคฤหาสน์จริงก็มือสั่น เรียกหาเราทำไมกันนะ เขาดูน่าเกรงขามในสายตาเธอ แม้มีใบหน้าหล่อเหลายังกับหนุ่มมาเฟียในหนังสือนิยายที่ชอบอ่านและบทบรรยายที่นักเขียนบอกก็ตาม แต่เห็นกี่ครั้งก็ทำหัวใจสั่นชอบกล

เสียงยังดังไม่หยุดปลูกขวัญกระวนกระวายคิดไปว่าเขาจะขับไล่เธอออกจากบ้าน คิดไปต่างๆ นาๆ นึกได้ไม่ใช่เวลาให้คิดก็ลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดสะอาดหรูหราช้าๆ ด้วยความหวาดหวั่น

สายตาไม่กล้ามองบอดี้การ์ดตัวโตๆ ที่ยืนอยู่หลายคนเกือบทุกมุมภายในบ้านหลังใหญ่

การ์ดหน้าห้องไม่มองหน้าเธอเคาะประตูรายงานเจ้านายถึงการมา ปลูกขวัญเดินเข้าห้องช้าๆ ภายในห้องทำงานหรูของ นทีธัชช์ อเล็กซิส ปราการกิจ หนุ่มลูกครึ่งผสมหลายเชื้อชาติเจ้าของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วโลก และยังเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของสายการบินชื่อดังที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษทางมารดากว่าสี่รุ่น ปลูกขวัญรู้เพียงแค่นั้น ซึ่งแค่นั้นก็ทำเธอเกรงกลัว เกรงใจเขามากมาย

เด็กผู้หญิงต่ำต้อยอย่างเธอไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าได้มาเห็น มาอยู่ในบ้านที่มีห้องสวยงามแบบนี้ ห้องทำงานชายหนุ่มมันกว้างขว้างตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบแต่หรู มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น

ส่วนนทีธัชช์ที่คนในบ้านเรียกว่าคุณอเล็กเป็นส่วนใหญ่ชายหนุ่มไม่ยี่หระกับการมาของคนที่เรียกหานัก แต่จำเป็นต้องคุย เพราะตนนั้นไม่คิดจะมาเสียเวลาอยู่ที่คฤหาสน์ขนาดเล็กที่เมืองไทยนานนัก ตอนนี้กิจการที่นี่น้องสาวดูแลอยู่ แต่คราวนี้เพื่อความต้องการของคนที่รักทำให้เขาก้าวขาออกจากเมืองไทยไม่ได้เสียที

“จะทิ้งน้องให้ปวดหัวคนเดียวอีกนานแค่ไหน น้องอยู่คอนโดนะไม่ค่อยกลับไปที่นั่น พี่กลับมาจัดการซะที” ปลายหมอกหรือซาร่าตัดพ้อจนเขาทนนิ่งดูดายไม่ได้ต้องบินด่วยมาเมืองไทย

ทว่ามาถึงก็เจอเรื่องไม่คาดคิด พินัยกรรมบ้าบอเขาไม่มีวันยอมรับ ป๋าต้องการให้เขาแต่งงานกับเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ป๋านะป๋าคิดว่าเขานิยมเลี้ยงต้อยกินเด็กหรือไง มันน่าเบื่อแบบนี้ไม่รู้หรือไง ชายหนุ่มหน้าคมแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งมองเมืองกรุงเทพฯ ที่มาน้อยครั้ง นานครั้งจะกลับมาเยี่ยมน้องสาว แต่น้องสาวตัวดีไม่ได้อยู่ให้เห็นหน้ามากนัก อย่างครั้งนี้พอตนมาถึงปลายหมอกก็บินไปญี่ปุ่นทันที

“ซาร่าใช่เจ้าสาวที่ไหน ทำไมต้องอยู่” น้องสาวว่าแค่นั้นนทีธัชช์ก็ไม่คิดถามเรื่องใดอีก

ยามพลบค่ำผ่านหน้าต่างกว้างที่เปิดรับสายลมร้อนอบอ้าวทิวทัศน์ที่ดูห่างไกลมากเพราะเนื้อที่ของคฤหาสน์ที่ป๋าก่อสร้างเพิ่มเติมทิ้งไว้นั้นช่างกว้างขว้างและร่มรื่นด้วยต้นไม้มากจนเกินไป ไฟสว่างจากยอดตึกใหญ่ๆ ของเมืองจึงกลายเป็นเพียงดวงดาวเล็กๆ ไม่เด่นชัดนัก

“ขวัญมาแล้วค่ะ” เสียงใสๆ ทำให้เลิกมองทิวทัศน์ จำใจหันมาหา ร่างเล็กๆ ป้อมๆ… เตี้ยที่สุดเท่าที่เคยเห็น หล่อนกำลังยืนตัวตรง อเล็กซิสคิ้วย่นเข้าหากันมองหล่อนเขม็ง นี่ล่ะตัวปัญหาของเขา!

“คุณ…นทีธัชช์ อเล็กซิส”

“คิดหรือยังจะเอายังไง จะเอาอะไร จะอยู่อีกกี่วัน”

ชายหนุ่มปล่อยคำถามรัวๆ ปลูกขวัญที่คิดไม่ตกกับชีวิตตกใจถึงกับก้มหน้า คิดไว้แล้วต้องเป็นเรื่องนี้ แต่จะตอบอย่างไรดี สาวน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ กำลังจะตอบก็โดนต่อว่าเสียก่อนสาวน้อยก็ใจแป้ว

“ฉันไม่ได้เรียกเธอมาด่า มาต่อว่า มองหน้าฉันเวลาฉันพูดและตอบมา” ชายหนุ่มใช้สะโพกสอบพิงโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ดวงตาคมสีฟ้าเข้มจ้องเขม็ง ปลูกขวัญกลืนน้ำลาย “ขวัญ…ขวัญยังไม่คิด”

“อะไรนะ ไม่หูฝาดไปใช่ไหม ฉันคิดว่าเวลาที่ให้ไปมันมากเกินไปด้วยซ้ำ” ใบหน้าเข้มตาสีฟ้าขุ่นข้นร่างยักษ์เดินใกล้ร่างต่ำเตี้ยแค่อกตน สาวน้อยถอยห่างก็ยิ่งตาม เขาให้เวลามาเกือบอาทิตย์หลังจากเปิดพินัยกรรม ทำไมยายเด็กคนนี้ยังไม่คิดอีก สมองมีหรือปล่าวะเนี่ย หรือที่จริงหล่อนต้องการทำตามความต้องการของป๋า คิดเช่นนั้นอเล็กซิสก็รุกถามไถ่ให้รู้แน่ หวังสูง ตาโตกับสมบัติแล้วอายุแค่นี้ถ้าเป็นอย่างนั้นได้โดนดีแน่ ยายเด็กเตี้ยเอ้ย

“ไม่คิดหรือ จะให้ฉันเชื่อหรือ บอกมาตรงๆ ดีกว่าเธอคิดจะมาเป็นเมียฉันตามที่คุณพ่อเขียนไว้ในพินัยกรรม บอกมา”

ตัวแค่นี้หวังสูงเกินตัวเหมือนแม่ไม่มีผิด

ใบหน้าที่ยังมีเหงื่อเพราะการทำงานส่ายไปมาจนผมหน้าม้าสั้นแค้ต้นคอรุ่ยร่ายมาปิดใบหน้า “ขวัญเปล่านะคุณ ไม่ได้คิดอย่างนั้นค่ะ”

อเล็กซิสจ้องเขม็งถามย้ำ

“แน่นะ อย่างนั้นก็ดีฉันเคยบอกไปแล้ว คำว่า ‘เมีย’ สำหรับฉันมันกว้าง…เธออาจเสียใจที่ต้องการแบบนั้น เธอยังเด็กเอาเงินไปเถอะ หรือเอาบ้านหลังนี้ไป” เขาหยั่งเชิงสาวเตี้ย

สาวน้อยคิดถึงอาณาเขตกว้างใหญ่ “ขวัญจะดูแลที่นี่ได้ยังไงคะมันใหญ่เกินไป ขวัญไม่มีใคร ถ้าเอาเงินไปขวัญไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนอยู่ดี” เสียงอ่อยสารภาพ อเล็กซิสกอดอกมองอยู่อย่างนั้น

โง่ขนาดใช้เงินไม่เป็นหรือนี่ ไม่เอาที่นี่ หรือแกล้งโง่ให้ตนน่าสงสาร อายุสิบแปดแล้วนะ

ดวงตากลมโตกำลังบอกว่าไม่ได้โกหก ชายหนุ่มอายุสามสิบห้าสำรวจสาวน้อยตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน เตี๊ยติดไปในทางอ้วนแต่ผิวพรรณสวยมาก ใบหน้าก็พอมองได้

ปลูกขวัญจมกับความคิดตนเองไม่ได้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังประเมินเธออยู่ด้วยความคิดสมเพช

เธอเป็นเพียงลูกสาวของเมียคนล่าสุดของบิดาผู้ชายหล่อเหลาเครางามตรงหน้า แม่อยู่กินกับท่านโดมินิกได้ไม่นานก็ประสบอุบัติเหตุด้วยกันทั้งคู่ ปลูกขวัญเพิ่งออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อแม่กลับมาเมืองไทยครั้งล่าสุดจึงคล้ายคนโลกแคบไม่รู้จักอะไรเลย ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ตอนแรกเธอไม่ชอบอยู่ว่างๆ ก็ช่วยคนในบ้านทำงานจนเด็กรับใช้ตกอกตกใจ แม่รู้โดนต่อว่าแต่เธอก็ยังแอบทำโน่นนี่อยู่เรื่อย ชอบที่สุดก็ไปรดน้ำต้นไม้ในสวนดอกไม้เพราะไม่ค่อยมีใครเห็น

ความห่างเหินของเธอกับแม่ทำเธอไกลห่างแม่เสมอ แม่อยู่ตรงไหนเธอจะไม่อยู่ตรงนั้น หากวันนี้เสียใจเหลือเกินเมื่อทิฐิทำให้ไม่มีโอกาสเจอแม่อีก กอดแม่สักครั้งไม่เคยได้ทำ คิดถึงตอนนี้ปลูกขวัญก็น้ำตาคลอ

“อะไรกันเรียกมาคุยดีๆ ไม่ทันต่อว่าอะไรทำไมร้องไห้” เจ้าของบ้านไม่ชอบน้ำตาเสียงดัง ปลูกขวัญสะดุ้งกระพริบไล่น้ำตา “ขวัญขอโทษ แค่คิดถึงแม่เท่านั้นค่ะ”

“ถ้าเธอตัดสินใจอะไรไม่ได้ฉันจะคิดเองแล้วนะ มันเสียเวลาฉัน ฉันไม่ได้เกิดมานั่งๆ นอนๆ รอเรื่องไร้สาระแบบนี้”

เบื่อน้ำตาผู้หญิงชิบ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ลิขิตนางฟ้า

ข้อมูลเพิ่มเติม
รักเพียงใดก็ไร้สถานะ

รักเพียงใดก็ไร้สถานะ

โรแมนติก

5.0

อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ

ร้ายไม่เคยรัก

ร้ายไม่เคยรัก

โรแมนติก

5.0

เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ

ความผูกพันที่ไร้ค่า

ความผูกพันที่ไร้ค่า

โรแมนติก

5.0

เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง

ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว

ซ่อนรักซ่อนรอยร้าว

โรแมนติก

5.0

เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ย้อนเวลามายุค80พร้อมระบบทำฟาร์มแสนห่วย

ย้อนเวลามายุค80พร้อมระบบทำฟาร์มแสนห่วย

หลิ่งฟาง//พิมพ์สีทอง
5.0

จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -

ความจำเสื่อม ชีวิตใหม่

ความจำเสื่อม ชีวิตใหม่

Psithurist
5.0

หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”

มาเฟียคลั่งรัก.

มาเฟียคลั่งรัก.

จินต์พิชา
5.0

“คุณรักฉันยอมรับมาเถอะ” “เปล่าเลย มิรันดา ผมไม่เคยรักคุณเลยสักนิด ที่ผ่านมามันก็แค่เรื่องเซ็กซ์ ให้ยืนยันอีกกี่ครั้งผมก็พูดเหมือนเดิม ผมไม่ได้รักคุณผมรักแค่เซ็กซ์ของคุณ” ************************* เพราะเสียคนรักจากการลอบทำร้ายของคู่อริเมื่อห้าปีก่อน มาร์คัสจึงไม่คิดจะรักใครอีก แต่เหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งเมื่อมาเจอกับมิรันดาสาวน้อยที่เขาใช้เงินซื้อมาเพื่อให้เธอเลิกยุ่งกับน้องเขยของตนเอง ชายหนุ่มทั้งทั้งหลง แต่ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบเดิมเกิดขึ้นอีก เขาจึงคิดจะวางมือและถอนตัวจากธุรกิจสีเทา แต่การจะลงจากหลังเสือนั้นมันยากกว่าที่คิดไว้ ในเมื่อมีคนที่จ้องจะกำจัดเขาให้สิ้นซาก

ทางใหม่ เริ่มใหม่

ทางใหม่ เริ่มใหม่

Beckett Grey
5.0

ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ