Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
145
ชม
4
บท

หญิงสาวที่ได้พบกับชายหนุ่มที่ผับเกิดปิ๊งเป็นความรักขึ้นมา แต่เมื่อเค้ามารู้ที่หลังว่าชายหนุ่มคนนั้นกลับเป็นบอสใหม่ของเค้า แล้วเค้าจะทำยังไง รักครั้งนี้จะลงเอ่ยหรือไม่โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 1 เจอกันครั้งแรก

"คืนนี้ออกล่าป่ะ"

"เอาดิเบื่อ ๆอยู่พอดี"

"งั้นเลิกงานเจอกันนะ"

สวัสดีค่ะฉันชื่อนับและบทสนทนาเมื่อกี้เป็นฉันได้คุยโทรศัพท์กับกี้เพื่อนสนิทฉันเอง มันชอบโทรมาชวนฉันออกแรดแทบจะทุกวัน.

เราสองคนไปไหนด้วยไปกัน มีเพื่อนค่อยข้างน้อยเพราะฉันสองคนเป็นเด็กต่างจังหวัดพึ่งจะอยู่เมืองหลวงได้ไม่กี่ปี

กี้ทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหารในห้าง ส่วนฉันทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งฉันเลือกที่จะคบเพื่อนน้อยเพราะมันมีใจให้กัน100% กว่ามีเยอะ

ตกเย็นวันนั้นฉันก็ได้ออกไปแรดกับกี้ที่ร้านประจำของฉันสองคน

ร้านนี้ฉันสนิทกับพนักงานดี เพราะพวกฉันมากันอาทิตย์หนึ่งไม่ต่ำกว่า4-5วัน ไม่แปลกที่พนักงานทุกคนจะรู้จักและสนิทกับพวกฉันสองคนมาก

"วันนี้เหมือนเดิมนะลิน" ลินคือพนักงานที่นี่ที่ฉันรู้จักและเป็นเพื่อนสนิทของพวกฉันสองคนด้วยและเขายังคงเป็นภรรยาของเจ้าของที่นี่

"ได้เลย วันนี้มาเร็วเชียวนะ" นั้นฉันถือว่าเป็นคำทักทายสำหรับเขาก็แล้วกัน

"วันนี้เครียดเรื่องงานนิดหน่อย"

"จัดไป วันนี้ไม่เมาไม่กลับใช่ไหม ฮ่าๆ"

"ฮ่าๆ คงงั้น"

"งั้นรอแป๊บนะเดี๋ยวจัดการให้"

ลินก็ทำการจัดเหล้าโปร์ใหญ่มาให้ฉันสองคน

แน่นอน ว่าฉันสองคนคงไม่รอช้า เมื่อเห็นเหล้าแล้วฉันสองคนก็ได้ทำการสาดเหล้าลงคอเป็นที่เรียบร้อยแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะชนแก้วกันก่อนดื่มเสมอ

"กี้วันนี้ลากฉันกลับด้วย" นี่คือคำที่ฉันเอ่ยปากขึ้นกับเพื่อนเพราะรู้ตัวดีว่าวันนี้ยังไงฉันคงดื่มหนักเหมือนเช่นเคย

"แกนั้นแหละลากฉันกลับ"

"ไม่! แกแหละลากฉันกลับ"

"แกนั้นแหละ!"

ฉันสองคนถกเถียงกันไปมาเพื่อหาคนที่ลากกลับแต่ก็ยังไม่ลงรอยกันสักทีจนมีผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี สูงขาวดั่งเทพบุตรหลุดมาจากนิยายได้เดินตรงเข้ามาให้พวกฉันสองคน

"โทษนะครับ ขอชนแก้วหน่อยจะได้ไหมครับ"

ในระหว่างที่ฉันยังตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะลากใครกลับอยู่นั้น ก็มีผู้ชายเดินเข้ามาขอชนแก้ว

โอ้ว!! หล่อจัง ผู้ชายอะไรขาวออร่าซะขนาดนี้..

ปากชมพูน่าจูบเชียว นี่ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าเขามาขอชนแก้วกับคนอย่างพวกฉัน ฉันได้แต่มองผู้ชายคนนั้นตาค้างจนกี้เพื่อนรักของฉันสะกิด

"นับเขาของชนแก้วด้วย"

"อ่อ ค่ะๆ " ฉันรีบดึงสติตัวกลับมาอย่างไว

ก่อนที่ฉันชนแก้วกับผู้ชายคนนั้นแล้วฉีกยิ้มให้เขาไปทีหนึ่ง เค้าก็ยังคงส่งยิ้มกลับมาให้ฉันเช่นเดียวกัน รอยยิ้มเขามันช่างดึงดูดกระชากใจฉันยิ่งหนัก

"ชื่ออะไรกันหรอครับ" ฉันไม่ทันจะเอ่ยปากพูดกี้เพื่อนรักของฉันก็พูดขึ้นซะก่อน

"ชื่อกี้นะคะ ส่วนอินี่มันชื่นนับ ยังไม่มีแฟน โสดสนิท แถมยังแดกเหล้าเก่งด้วยค่ะ"

สาบานนั้นคือเพื่อนฉันกำลังโปรโมทขายฉันออกอยู่ใช่ไหม

"อิกี้" ฉันตีมันไปหนึ่งทีเพราะคำพูดคำจามันหน้าตีล้วนๆ

"ก็มันจริงนี่นา"

ผู้ชายคนนั้นยิ้มเหมือนจะหัวเราะในสิ่งที่กี้พูดไปเมื่อกี้ด้วยซ้ำ

"ผมชื่อไฟล์นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ" ฉันสองคนเอ่ยคำยินดีรับพร้อมกัน

"ว่าแต่คุณไฟล์มาคนเดียวหรอคะ"

"ครับ พอดีผมพึ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่กี่วันเอง อยากลองเที่ยวผับที่ไทยดูบ้าง"

"อ่อ เด็กนอกนี่เอง นี่เลยค่ะถ้าสายเที่ยวกลางคืนต้องให้เพื่อนกี้เป็นไกด์เลยค่ะ อินี่มันตัวแม่แห่งการดื่ม"

ไฟล์ชายหนุ่มรูปงามยิ้มอ่อนๆก่อนที่จะมองไปทางนับ

ฉันอยากจะตบปากเพื่อนตัวดีของฉันซะจริงๆเลย

จะพูดให้ฉันดูดีบ้างซะหน่อยไม่ได้หรือยังไง

"ชอบสายนี้หรอครับ"

"ไม่ขนาดนั้นค่ะ เพื่อนนับมันพูดเวอร์ไปงั้นแหละค่ะ แต่ถ้าคุณอยากเที่ยวจริงๆ นับแนะนำให้ได้ค่ะ"

"ไม่ต้องพูดห่างเหินขนาดนั้นก็ได้ครับ เรียกผมพี่ไฟล์ก็ได้ดูท่าทางแล้วผมหน้าจะเป็นแก่กว่าพวกคุณหลายปี"

"ได้เลยค่ะพี่ไฟล์ว่าแต่พี่มีแฟนยังคะ"

"อิกี้!" ฉันเรียกเพื่อเตือนสติเพื่อนของฉันว่าไม่ให้เข้าไปก้าวล้ำในเขตพื้นที่ส่วนตัวของเค้าจนมากเกินไป

"เอ้ากูก็ถามพี่เค้าเฉย ๆไง เพื่อพี่เค้ามีแฟนแล้วเกิดมาตบพวกเราทำไง" ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆก่อนที่จะหันหน้ามาทางฉัน

"ยังไม่มีครับ"

ทำไมต้องหันมาตอบแล้วยิ้มให้ฉันด้วยล่ะ ฉันไม่ได้เป็นคนถามคำถานนี้ซะหน่อย

"อุ๋ย! แกเดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ"

"ฉันไปด้วย"

"แกคุยกับพี่เขารอไปก่อน ฉันชชปวดท้อง"

กี้มันพูดจบมันก็เดินไปเลย ทิ้งฉันไว้กับพี่ไฟล์สองคน

เราสองคนก็ต่างคนต่างเงียบ ฉันก็กระดกเหล้าอย่างเดียวไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา และไม่กล้าแม้ที่จะหันไปสบตาเขาเพราะสายตาเขามันช่างดึงดูดซะจริง ๆ

'นับอายุเท่าไหร่หรอ"

"26ค่ะ พี่ละคะ"

"พี่ให้ทาย"

"ไม่เกิน29แน่นอน"

"ฮ่า ๆ พี่30แล้วครับ"

"หืม... จริงดิ ยังดูดีอยู่เลยนะคะ"

"แล้วนับล่ะไม่มีแฟนจริงๆ เหรอหื้ม..."

"พึ่งเลิกไปได้ไม่นานค่ะ ตอนนี้เลยอยากพักใจยาวๆซะมากกว่า"

ฉันยิ้มแห้งทันทีเมื่อตอบคำถามนั้นไป

"แล้วไม่คิดจะเปิดใจให้ใครอีกบ้างหรอ"

"ไม่ค่ะ ขอพักใจอีกซะนิด"

ในระหว่างที่ฉันนั่งคุยกับเขาก็ยกแก้วขึ้นชนกันอยู่เรื่อย จนตอนนี้ฉันเริ่มเมาหนักมากแล้ว

เมื่อกี้เดินกลับมาฉันก็ได้ทำการชวนกี้กลับห้องกันเพราะพรุ่งนี้มีงานเช้าอีก แต่พี่ไฟล์ก็อาสาที่จะไปส่งฉันสองคนจนถึงที่พัก

ฉันสองคนนั่งเบาะหลังกันทั้งคู่ แต่ถึงฉันจะเมาฉันก็ยังสังเกตเห็นว่าเค้ามองฉันผ่านกระจกเป็นระยะ ๆตลอดหรือทว่าฉันคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปหรือป่าว

ตื่นเช้ามาฉันก็ไปทำงานตามปกติ แต่วันนี้แฮงค์สุด ๆ กินได้แต่กาแฟดำ ข้าวปลาก็กินไม่ลงแถมวันนี้ทั้งวันยังทำงานผิดๆถูกๆอีกตั้งหากอีกทั้งยังคงโดนผู้จัดสุดโหดดุทั้งวันอีกด้วย! เห้อ!! ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเดินทางกลับมาถึงห้องซะทีฉันทิ้งตัวลงเตียงนอนทันทีเพราะความเหนื่อยล่า

กริ๊ง!! 📲📲นั่นเป็นเสียงโทรศัพท์ของฉันที่มีสายเรียกเข้าแต่เอ๊ะ... นี่เบอร์ใครกันไม่เห็นจะคุ้นเลยสักนิด

ฉันจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจรับสายคนที่โทรมา

"ฮัลโหลค่ะ "

"ฮัลโหลครับ" เอ๊ะ ใครกันนะทำไมเสียงหล่อเช่นนี้...

"นั้นใครคะ"

"พี่เองครับ"

"ค่ารู้ ว่าแต่ใครคะ! " ฉันใช้เสียงกระแทกไปนิดหน่อยเพราะหงุดหงิดมาจากที่ทำงาน วันนี้โดนดุทั้งวันอารมณ์เลยไม่ค่อยจะดีซะเท่าไหร่

"พี่ไฟล์ครับ"

"อ่อค่ะ ว่าแต่ได้เบอร์นับมาจากไหนหรอคะ"

ฉันรีบเปลี่ยนโทนเสียงแทบไม่ทัน ฮ่าๆสำหรับผู้ชายแล้วฉันต้องใช้เสียงสองเท่านั้น

"กี้ให้มาเมื่อคืนนี้ครับ" นี่ยัยกี้อีกแล้วสินะ

"อิกี้นะอิกี้"ฉันพูดเบาๆแล้วบ่นให้เพื่อนรักฉัน

"อะไรนะครับ"

"อ่อป่าวค่ะ ว่าแต่มีอะไรหรือป่าวคะ"

"พอดี พี่ว่าจะชวนไปทานข้าวครับ"

"เอ่อคือ ..." ฉันตอบยึกยักสำหรับฉันมันเร็วไป เพราะเราพึ่งจะรู้จักกันไปเอง

"ชวนกี้ไปด้วยก็ได้ พี่ไม่ซีเรียส"

*ค่ะ แล้วเจอกันที่ไหนดีคะ" เมื่อฉันได้ยินสิ่งที่เค้าพูดฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย

"งั้นเดี๋ยวพวกหนูแต่งตัวอะไรเสร็จพี่ไปรับเองครับ"

หนู! เมื่อกี้เค้าเรียกฉันว่าหนูใช่ไหม กรี๊ด!! โอ้ยหัวใจอินับพ่องโตขึ้นทันใด

"ได้ค่ะ"

พอฉันคุยกับเขาจบฉันก็นอนกลิ้งบนที่นอนไปมาเพราะรู้สึกเขินคำที่เค้าใช้กับฉันเมื่อกี้

มันเป็นคำธรรมดาแต่ทำไมมันทำให้ฉันรู้สึกเขินได้ขนาดนี้กันนะ

ไม่ได้ ๆวันนี้ฉันจะต้องสวย จากที่ทำงานเหนื่อยมาพอได้ยินผู้ชายพูดคำเดียวเท่านั้น ฉันรู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมาทันทีฉันรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวหรอให้กี้มาแล้วรอไปพร้อมกัน

แต่พอกี้มาถึงมันก็บอกว่าปวดท้องไม่สามารถไปกับฉันได้ทำให้ฉันรู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที

สรุปฉันต้องไปกับเขาสองคนจริง ๆหรอเนี้ย

พึ่งรู้จักกันแค่วันเดียวเอง อีกอย่างฉันยังไม่รู้จักนิสัยใจคอเขาเลยแม้แต่นิด แต่ถ้าฉันจะโทรไปบอกเขาว่าไม่ไปแล้วมันก็จะเสียมารยาทมาก เพราะแกติฉันเป็นคนรักษาคำพูดของตัวเองมาก

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ห้ามหย่า

ห้ามหย่า

Bronson Heiss
5.0

ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

ความลับของท่านประธาน

ความลับของท่านประธาน

ปีศาจชอนซา
5.0

นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ซีไซต์
5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ