Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
2.4K
ชม
15
บท

#Yaoi ชีวิตเขาตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับไอ้นักโทษแหกคุกในวันนั้นเมื่อห้าปีก่อน ก็เหมือนกับยืนอยู่บนเส้นทางสายกลาง ระหว่างความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกับความต้องการของหัวใจ จะรักก็ไม่ได้...จะเกลียดก็ไม่ลง ใช่...มังกรไม่ใช่คนดี เขาเป็นคนเลว เป็นนักโทษ เป็นฆาตกร ซึ่งแน่นอนคนดีๆ กับโจรย่อมอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องกักเก็บความรักที่เขามีต่อมังกรเอาไว้ภายใน โดยที่เขาไม่สามารถจะแสดงอะไรออกมาให้มังกรเห็นได้เลย รักของเขากับมังกรมันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าจะทำหรือใช้วิธีไหนก็ตาม !

บทที่ 1 นักโทษแหกคุก

“รายงานข่าวด่วนจากเรือนจำพิเศษกลาง มีนักโทษวัยฉกรรจ์หลบหนีออกจากทัณฑสถานโดยใช้วิธีอย่างอุกอาจ ฆ่าเจ้าหน้าที่ตายไปสิบศพ ก่อนจะปีนรั้วกำแพงออกมาทางด้านหลังเรือนจำ ทราบชื่อภายหลังว่า นายมังกร หงส์สารามัญ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งออกตามล่า ลั่นขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ”

พิฟ พัชระ...ดูข่าวแหกคุกผ่านทางจอทีวีอย่างไม่ค่อยจะสนใจ ดูใบหน้าของนายมังกรอะไรนั่นผ่านๆ ก่อนจะก้มลงไปอ่านหนังสือเรียนต่ออย่างตั้งใจเพราะอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงเทศกาลสอบมหาโหดแล้ว ทว่าจู่ๆ ประตูบ้านไม้หลังเล็กที่เขาอาศัยอยู่แถวๆ ชานเมืองนั้นก็มีเสียงเคาะเรียกดังขึ้น พิฟละสายตาจากหนังสือแล้วเดินเมียงๆ ไปที่ประตูแล้วเปิดออก คิดว่าคงเป็นเพื่อนบ้านเลยเปิดให้โดยไม่ตรึกตรอง

แต่ทันทีที่เปิดใบหน้าคมคายไว้หนวดเคราของชายคนหนึ่งก็ปรากฏต่อสายตาของพิฟ ชายหนุ่มผู้มาเยือนจ้องเขม็งพลางเอ่ย

“ขอข้าวกูแดกหน่อย !” เสียงห้าวติดกระชากพูดขึ้นแล้วถือวิสาสะแทรกตัวเข้ามาในบ้านโดยไม่ได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของบ้าน ฝ่ายเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีที่กำลังยืนอึ้งอยู่นั้นกลับยืนแข็งทื่อเป็นหิน “ไม่ได้ยินรึไง ขอข้าวกูแดกหน่อย !”

มังกร...ตะคอกพลางล้วงมือเข้าไปหยิบอาวุธมาข่มขู่ผู้เคราะห์ร้าย

“ถ้ามึงยังยืนเป็นหินแบบนี้ กูจะยิงให้ไส้แตกเลยนะ กูจะนับหนึ่งถึงสาม !!”

“หนึ่ง”

“…”

“สอง”

“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยด้วยครับ !!” พิฟพุ่งไปที่ประตูหมายจะออกไปขอความช่วยเหลือแต่ก็ช้าเกินกว่าชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่นที่พุ่งเข้ามาจับตัวไว้แน่นแล้วเอาปืนจ่อไว้ที่ขมับของอีกฝ่ายจนพิฟกลัวจนตัวสั่น “ยะ...อย่ายิงผมนะ ผะ...ผมกลัวแล้ว !!”

“ถ้ายังไม่อยากตาย ก็ไปหาข้าวมาให้กูแดกเร็วๆ อย่าตุกติกนะมึง ไม่งั้นกูยิงไส้แตก !” มังกรตวาดลั่น

พิฟผงกหัวอย่างลนลานรีบเข้าไปในครัวจัดการตามที่ไอ้นักโทษนั่นสั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะนำจานข้าวที่มีแกงเขียวหวานราดข้าวมาให้มังกรด้วยมืออันสั่นเทา

“นั่งลงแล้วอยู่เฉยๆ อย่าขยับไปไหน” เขาสั่งเสียงห้วน พิฟทำตามอย่างว่าง่ายขณะที่เขาเองก็นั่งลงกับพื้นแล้วรีบกินข้าว ระหว่างที่กินข้าวไปสายตาก็จ้องไปที่พิฟซึ่งก้มหน้างุดเมื่อเขาหันไปมอง

ชายหนุ่มพินิจคนตัวสั่นตรงหน้ากับกองหนังสือมโหฬารบนโต๊ะเขียนหนังสือเตี้ยๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นนักศึกษาอยู่แถมเป็นเด็กเรียนซะด้วย ไม่น่าจะมีพิษภัยอะไร

เวลาผ่านไปไม่นานจานข้าวก็ว่างเปล่าแล้วเสียงห้าวห้วนก็เอ่ยขึ้นจนพิฟอดสะดุ้งไม่ได้

“กูขอยืมโทรศัพท์หน่อย”

พิฟพยักหน้าเป็นการตอบแล้วยื่นมือถือเครื่องจิ๋วให้ชายหนุ่มโดยไม่กล้ามองหน้า มังกรรับมาแล้วกดหมายเลขปลายทาง

“พ่อ...ผมนะมังกร ผมปลอดภัยแล้ว แต่คงต้องอยู่ที่นี่สักพัก กลัวไอ้พวกตำรวจมันจะตามไปที่บ้าน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะติดต่อไปหา อะไรนะ อ๋อ ผมอยู่แถวๆ…”

พิฟแอบฟังไอ้นักโทษนั่งคุยกับคนในสายแล้วก็ต้องแอบร้องไห้อยู่ในใจ อยู่ที่นี่สักพัก ? หมายความว่าไอ้ฆาตกรนี่มันจะอยู่ในบ้านเขางั้นเหรอ ?

“ขอบใจ” มังกรส่งโทรศัพท์คืน “เลิกตัวสั่นได้แล้วมึงน่ะ เห็นแล้วรำคาญว่ะ เดี๋ยวก็ยิงไส้แตกหรอกไอ้ห่านี่ กูไม่ฆ่ามึงหรอก เออ กูขอพักอยู่บ้านมึงก่อนนะ ถ้ามึงไปแจ้งตำรวจบอกได้คำเดียว...ศพมึงไม่สวยแน่ไอ้หน้าอ่อน !”

“มะ...ไม่ได้ คะ...คุณจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ !” พิฟรวบรวมความกล้าบอกคนถือวิสาสะ

“มึงว่าอะไรนะ จะไม่ให้กูพักอยู่ที่นี่ ?” มังกรเลิกคิ้ว จ้องเด็กหนุ่มหน้าหวานนั่นอย่างเอาเรื่อง

“ชะ...ใช่”

“จะไม่ให้กูอยู่ใช่มั้ย ?” ชายหนุ่มถามอีกครั้งพร้อมลูบปืนไปมาเหมือนบอกให้รู้ว่า ‘ถ้าไม่ให้ละก็กูยิงแน่’ แล้วใครมั่งล่ะที่จะกล้าปฏิเสธถ้าเห็นมันทำแบบนั้น

“กะ...ก็ได้ครับ” พิฟยอมจำนนโดยดุษณี

“ดี แล้วกูจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ที่มึงช่วยชีวิ...” มังกรชะงักคำพูดไปเมื่อได้เห็นพิฟร้องไห้ออกมา ความรู้สึกประหลาดเอ่อล้นในหัวใจ

พิฟเดินตัวสั่นไปด้านในแล้วก็ไม่ออกมาให้เขาได้เห็นใบหน้าหวานจับใจนั้นอีกเลยในคืนนั้น...

พิฟเยี่ยมหน้าออกมาหน่อยหนึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อดูว่านักโทษแหกคุกคนนั้นตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็เห็นว่ามังกรนอนอ้าซ่าอยู่ตรงที่เดิมที่เขานั่งเมื่อคืน ไม่ได้ขยับไปไหน

เด็กหนุ่มหน้าหวานเดินย่องไปที่ประตูเพื่อจะออกไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัย แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“จะไปไหน ?”

“ปะ...ไปเรียน” พิฟอกสั่นขวัญแขวนกับน้ำเสียงอันน่าเกรงขาม

“อย่าตุกติก ห้ามบอกใครทั้งนั้นเรื่องที่กูอยู่ที่นี่” มังกรพูดโดยไม่ลืมตา

“ครับ” พิฟขานรับ กำลังจะเดินออกไป แต่ชายหนุ่มก็พูดขึ้นต่อ

“ทีหลังอย่าร้องไห้ให้กูเห็นอีก ผู้ชายอกสามศอกเขาไม่ร้องไห้ให้เห็นกันหรอก ยกเว้นเสียแต่มึงจะเป็นแต๋ว !”

“…”

พิฟมาเรียนหนังสือด้วยอาการจิตไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใครจะไปคิด...ว่าไอ้นักโทษแหกคุกนั่นจะมาขออาศัยอยู่ในบ้านเขาซึ่งๆ หน้า บ้านคนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะแล้วทำไมมันจะต้องโผล่มาที่บ้านเขาด้วย

มิหนำซ้ำยังออกปากว่าจะฆ่าจะแกงกันอยู่ตลอดเวลา แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาสติเสียได้ยังไงกันเล่า จะไปปรึกษาใครก็ไม่ได้ พ่อกับแม่ก็อยู่ต่างจังหวัด โอ๊ย ให้ตายสิ ไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้วะเนี่ย !

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ แพลงก์ตอน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ดวงใจในไอรัก (Yaoi)

ดวงใจในไอรัก (Yaoi)

โรแมนติก

5.0

ดวงใจในไอรัก...เป็นเรื่องราวของ ‘บรูซ’ และ ‘คิมซอนมิน’ สองศิลปินชื่อดังจากทางฝั่งฮอลลีวู้ดและเกาหลีใต้ พวกเขาเจอกันเพราะงานภาพยนตร์ที่มีโอกาสได้เล่นร่วมกัน วินาทีแรกที่สองหนุ่มสบตาทั้งคู่ก็รู้เลยว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ พวกเขาตกหลุมรักกัน ซึ่งมันเป็นความรักต้องห้ามที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้ ทั้งสองจะทำอย่างไรในเมื่อหัวใจได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซ้ำยังปัญหาร้อยแปดประการที่โถมใส่พวกเขาจนยากที่จะหาทางออก มาร่วมกันค้นหาบทสรุปของบรูซและคิมซอนมินกันนะครับ “ผะ...ผมทำให้ชีวิตคุณ ขะ...เขวหรือเปล่า” “ทะ...ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?” ซอนมินตกใจ หันขวับมาจ้อง “อะ...อนาคตคุณกำลังจะไปได้สวย ตะ...แต่พอเราเจอกันทุกอย่างก็วูบดับลง” “บะ...บรูซ !!!” “...” “คะ...คุณอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ผมไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนี้เลย !” “ฮะ...ฮึก...” บรูซสะอึกสะอื้น “คุณเองก็ยังยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผมเหมือนกัน มะ...ไม่ใช่เหรอ ?” “ชะ...ใช่ครับ ตะ...แต่มันต่างกัน ผะ...ผมอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่สามขวบ ผิดกับคุณ...ที่เพิ่งจะสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาได้ไม่กี่ปี คะ...คุณไม่เสียดายหรือไง !” ซอนมินจอดรถตรงข้างทาง ตะโกนก้องด้วยความเจ็บช้ำ “ทะ...ทำไมคุณถึงดูถูกความรู้สึกผมขนาดนี้ !!!” “ฮือออออ...” ที่สุดแล้วนักแสดงหนุ่มก็ร้องไห้โฮ ละล่ำละลักอย่างหมดอาย “ผะ...ผมกลัว กะ...กลัวจะเสียคุณไปไง !”

หัวใจร้ายวิ่งราวรัก

หัวใจร้ายวิ่งราวรัก

โรแมนติก

5.0

เป็นเรื่องราวดราม่าในครัวเรือน เน้นความรักความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างพี่น้องทั้ง 5 คน แต่ยังมีกลิ่นอายความรักของหนุ่มสาวที่เป็นพระเอกนางเอกของเรื่องไว้ด้วย ตามสไตล์หนังฝรั่ง --- ฟาร่า เตฮะราน นักร้องสาวสวยชื่อดัง เชื้อสายเบรย์เมนพลอสที่ไปโด่งดังในฮอลลีวู้ด กลับมาบ้านเกิดปีนี้มี ‘บางอย่าง’ กำลังจะเปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งเธอเคยทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงกับอดีตคนรักเก่าเพื่อแลกกับการเดินตามความฝัน... วันนี้...เธอจึงกลับมาแก้ไขเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นไร...เธอจะยอมรับมันให้ได้ ดีกว่ามานั่งเสียใจที่ไม่คิดทำอะไรเลย “ยะ...อย่าหลบหน้ากันอีกเลยนะคะ ---” “…” “ฉะ...ฉันกลับมาเพื่อขอโทษคุณ และฉันมา...เพื่อขอโอกาส จะ...จากคุณอีกครั้ง” เธอกลืนลมหายใจสะท้าน รอคอยคำตอบจากเขาแม้เพียงสักนิด “...” ทว่าเขาก็ยังเงียบสนิท ไม่ปริปากใดๆ “คะ...คุณจะให้อภัยฉันได้ไหม ?” “ฮึ ! ไม่มีประโยชน์หรอก คุณกลับไปเสียเถอะ” เสียงทุ้มเย็นชากล่าวขึ้นในท้ายที่สุด “กลับไป...แล้วต่างคนต่างอยู่เหมือนที่เคยทำมาตลอด” “ฉะ...ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น กะ...กว่าฉันจะตามหาคุณเจอต้องใช้เวลาเกือบสองปี !” ดัรวีชทำสีหน้าเจ็บปวด “คะ...คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร นะ...ในเมื่อตัวคุณเองไม่ใช่เหรอ ทะ...ที่ทิ้งผมไว้ข้างหลัง ยะ...อย่างไม่ไยดี ละ...แล้วตอนนี้คุณจะมาเอาอะไรอีกไม่ทราบ ฮะ คุณนักร้องฮอลลีวู้ด ?!!!” ฉันเหมือนโดนมีดกรีดแล่ไปในเนื้อหัวใจ ปวดร้าวทุรนทุราย “ฉะ...ฉันขอโทษ ฉะ...ฉันผิดไปแล้ว ฉะ...ฉัน ฉันรู้สึกผิดและละอายแก่ใจจริงๆ กะ...กับทุกสิ่งที่ทำกับคุณเอาไว้ คะ...คุณ จะยกโทษให้ฉันได้ไหม” เธอร้องไห้ระงม ระบายสิ่งที่อัดอั้นในอกออกมา “เฮอะ ! ช่างน่าขันสิ้นดี คุณทำกับผมเอาไว้เจ็บแสบมาก...คุณฟาร่า แล้วอยู่ๆ คุณคิดเหรอว่ากับการที่คุณแค่มาขอโทษผมง่ายๆ แบบนี้มันจะทำให้ผมยกโทษให้คุณได้ ตลกนัก...ฮะๆ” เขาหัวเราะหยัน “ความรู้สึกคนนะครับไม่ใช่แผ่นกระดาษที่หน้าขาดแล้วคุณจะใช้สกอตเทปแปะติดคืนกลับไปใหม่ได้ !!!” “…” “มันสายไปแล้วละครับ ทุกอย่าง...มันสูญสิ้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับที่ไอ้เด็กผู้ชายใสซื่อคนนั้นที่คิดว่าความรักสวยงามก็ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วเช่นกัน !” “…” “อย่ามายุ่งกับผมอีก เราต่างคนต่างใช้ชีวิต ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่า...ผมเกลียดคุณ --- คุณฟาร่า เตฮะราน !!!” เรื่องราวของพวกเขาสองคนจะเป็นยังไงต่อไป จะดำเนินไปในทิศทางไหน อุปสรรคและปัญหาที่มาในรูปแบบต่างๆ กันก็ถาโถมโจมตีมาทดสอบไม่จบสิ้น ฟาร่าจะหาทางออกได้ไหม แล้วจะเอาชนะใจ ‘ดัรวีช’ ได้หรือเปล่า ต้องติดตามได้ในเล่มครับ ###

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลงสวาท boss คลั่งรัก ซีรีย์หลงสวาท

หลงสวาท boss คลั่งรัก ซีรีย์หลงสวาท

โรแมนติก

5.0

มันควรเป็นOne night stand แต่เขากลับไม่ยอมให้จบลงแค่นั้น “ก็บอกแล้วไง ถ้าอยากกัดก็กัดผมนี่ อื้ม” ไรอันพูดเสียงพร่าเร่งขยับเอวสอบถี่รัว ร่องรักคับแน่นดูดรัดลำเอ็นจนทำให้เขาอดกลั้นไม่ไหว กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักในกายสาวพร้อมแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม อยากจะบ้า! ไรอันอดสถบไม่ได้ ยัยพนักงานเวอร์จิ้นทำเขาเสียผู้เสียคนจริงๆ จากที่เคยตั้งกฎให้ตัวเองจะไม่ยุ่งกับพนักงาน ไม่มีเซ็กส์ในที่ทำงาน. 4เรื่องสั้น แนวPWP > >หลงสวาท boss คลั่งรัก / คลั่งรัก น้องเมียแสนหวาน/ เมียเด็กของคุณป๋า / เล่นกับไฟ

นางเอกสุดโหด

นางเอกสุดโหด

โรแมนติก

5.0

เธอเป็นหมอเก่งๆ ระดับสากล เป็นประธานของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีอันดับหนึ่ง... ไม่นานมานี้ เจี่ยนอู่ ผู้มีความสามารถแข็งแกร่งกลับปกปิดตัวตนของนางและแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนคนหนึ่ง โดยไม่คาดคิดก่อนวันแต่งงาน คู่หมั้นของเธอกลายเป็นนายน้อยที่หายไปจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่เพียงเสียใจกับการหมั้นหมายเท่านั้น แต่ยังปราบปรามและทำให้เธออับอายด้วยทุกวิถีทางอีกด้วย เมื่อความจริงถูกเปิดเผย อดีตคู่หมั้นของเธอตกตะลึง และขอร้องให้กลับมาคืนดีกัน ผู้คนใหญ่โตที่ร่ำรวยและน่านับถือคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเจี่ยนอู่ "นี่คือภรรยาของผม ใครกล้าหวังกับเธอ"

วิวาห์ฟ้าแลบ

วิวาห์ฟ้าแลบ

โรแมนติก

5.0

[แสนหวาน + วิวาห์ฟ้าแล่บ + แต่งงานก่อน แล้วรักทีหลัง] แฟนที่หลู่ชิงชิงเลี้ยงดูมาหลายปีกลับนอกใจเธอ แอบไปคบกับเพื่อนสนิทของเธอ? เธอทนต่อกับเรื่องนี้ไม่ได้ และไปสมัครขอแต่งงานโดยตรง และแต่งงานกับชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากการแต่งงานแล้ว ชายคนนั้นคำหนึ่งก็ว่าเขาจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครอบครัวสองคำก็ว่าจะเลี้ยงดูเธอ หลู่ชิงชิงเยาะเย้ยคิดว่ามันเป็นกลอุบายและคำโกหกของผู้ชายอีกแล้ว โดยไม่คาดคิดว่าชายคนนี้กลับกลายเป็นคนให้ความสำคัญกับภรรยาตัวเองจริงๆ ทั้งสนับสนุนอาชีพการงานของเธอและยังช่วยเธอทำงานบ้านด้วย และให้เธอตกแต่งบ้านตามใจชอบ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือทุกครั้งที่เธอประสบปัญหา เขาก็สามารถแก้ปัญหาให้เธอได้ตลอด ทุกครั้งที่เธอถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขามักจะหัวเราะและเปลี่ยนเรื่องอย่างฉลาดโดยชมเธอว่าเป็นคนมีความสามารถ ทำงานเก่ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ภายใต้การเลี้ยงดูจากสามีของเธออย่างต่อเนื่อง เธอก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน จากนั้นเธอถึงพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งในนิตยสารการเงินระดับโลกที่ดูเหมือนสามีของเธอทุกประการ...

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ