5.0
ความคิดเห็น
2.5K
ชม
15
บท

#Yaoi ชีวิตเขาตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับไอ้นักโทษแหกคุกในวันนั้นเมื่อห้าปีก่อน ก็เหมือนกับยืนอยู่บนเส้นทางสายกลาง ระหว่างความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกับความต้องการของหัวใจ จะรักก็ไม่ได้...จะเกลียดก็ไม่ลง ใช่...มังกรไม่ใช่คนดี เขาเป็นคนเลว เป็นนักโทษ เป็นฆาตกร ซึ่งแน่นอนคนดีๆ กับโจรย่อมอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องกักเก็บความรักที่เขามีต่อมังกรเอาไว้ภายใน โดยที่เขาไม่สามารถจะแสดงอะไรออกมาให้มังกรเห็นได้เลย รักของเขากับมังกรมันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าจะทำหรือใช้วิธีไหนก็ตาม !

บทที่ 1 นักโทษแหกคุก

“รายงานข่าวด่วนจากเรือนจำพิเศษกลาง มีนักโทษวัยฉกรรจ์หลบหนีออกจากทัณฑสถานโดยใช้วิธีอย่างอุกอาจ ฆ่าเจ้าหน้าที่ตายไปสิบศพ ก่อนจะปีนรั้วกำแพงออกมาทางด้านหลังเรือนจำ ทราบชื่อภายหลังว่า นายมังกร หงส์สารามัญ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งออกตามล่า ลั่นขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ”

พิฟ พัชระ...ดูข่าวแหกคุกผ่านทางจอทีวีอย่างไม่ค่อยจะสนใจ ดูใบหน้าของนายมังกรอะไรนั่นผ่านๆ ก่อนจะก้มลงไปอ่านหนังสือเรียนต่ออย่างตั้งใจเพราะอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงเทศกาลสอบมหาโหดแล้ว ทว่าจู่ๆ ประตูบ้านไม้หลังเล็กที่เขาอาศัยอยู่แถวๆ ชานเมืองนั้นก็มีเสียงเคาะเรียกดังขึ้น พิฟละสายตาจากหนังสือแล้วเดินเมียงๆ ไปที่ประตูแล้วเปิดออก คิดว่าคงเป็นเพื่อนบ้านเลยเปิดให้โดยไม่ตรึกตรอง

แต่ทันทีที่เปิดใบหน้าคมคายไว้หนวดเคราของชายคนหนึ่งก็ปรากฏต่อสายตาของพิฟ ชายหนุ่มผู้มาเยือนจ้องเขม็งพลางเอ่ย

“ขอข้าวกูแดกหน่อย !” เสียงห้าวติดกระชากพูดขึ้นแล้วถือวิสาสะแทรกตัวเข้ามาในบ้านโดยไม่ได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของบ้าน ฝ่ายเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีที่กำลังยืนอึ้งอยู่นั้นกลับยืนแข็งทื่อเป็นหิน “ไม่ได้ยินรึไง ขอข้าวกูแดกหน่อย !”

มังกร...ตะคอกพลางล้วงมือเข้าไปหยิบอาวุธมาข่มขู่ผู้เคราะห์ร้าย

“ถ้ามึงยังยืนเป็นหินแบบนี้ กูจะยิงให้ไส้แตกเลยนะ กูจะนับหนึ่งถึงสาม !!”

“หนึ่ง”

“…”

“สอง”

“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยด้วยครับ !!” พิฟพุ่งไปที่ประตูหมายจะออกไปขอความช่วยเหลือแต่ก็ช้าเกินกว่าชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่นที่พุ่งเข้ามาจับตัวไว้แน่นแล้วเอาปืนจ่อไว้ที่ขมับของอีกฝ่ายจนพิฟกลัวจนตัวสั่น “ยะ...อย่ายิงผมนะ ผะ...ผมกลัวแล้ว !!”

“ถ้ายังไม่อยากตาย ก็ไปหาข้าวมาให้กูแดกเร็วๆ อย่าตุกติกนะมึง ไม่งั้นกูยิงไส้แตก !” มังกรตวาดลั่น

พิฟผงกหัวอย่างลนลานรีบเข้าไปในครัวจัดการตามที่ไอ้นักโทษนั่นสั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะนำจานข้าวที่มีแกงเขียวหวานราดข้าวมาให้มังกรด้วยมืออันสั่นเทา

“นั่งลงแล้วอยู่เฉยๆ อย่าขยับไปไหน” เขาสั่งเสียงห้วน พิฟทำตามอย่างว่าง่ายขณะที่เขาเองก็นั่งลงกับพื้นแล้วรีบกินข้าว ระหว่างที่กินข้าวไปสายตาก็จ้องไปที่พิฟซึ่งก้มหน้างุดเมื่อเขาหันไปมอง

ชายหนุ่มพินิจคนตัวสั่นตรงหน้ากับกองหนังสือมโหฬารบนโต๊ะเขียนหนังสือเตี้ยๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นนักศึกษาอยู่แถมเป็นเด็กเรียนซะด้วย ไม่น่าจะมีพิษภัยอะไร

เวลาผ่านไปไม่นานจานข้าวก็ว่างเปล่าแล้วเสียงห้าวห้วนก็เอ่ยขึ้นจนพิฟอดสะดุ้งไม่ได้

“กูขอยืมโทรศัพท์หน่อย”

พิฟพยักหน้าเป็นการตอบแล้วยื่นมือถือเครื่องจิ๋วให้ชายหนุ่มโดยไม่กล้ามองหน้า มังกรรับมาแล้วกดหมายเลขปลายทาง

“พ่อ...ผมนะมังกร ผมปลอดภัยแล้ว แต่คงต้องอยู่ที่นี่สักพัก กลัวไอ้พวกตำรวจมันจะตามไปที่บ้าน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะติดต่อไปหา อะไรนะ อ๋อ ผมอยู่แถวๆ…”

พิฟแอบฟังไอ้นักโทษนั่งคุยกับคนในสายแล้วก็ต้องแอบร้องไห้อยู่ในใจ อยู่ที่นี่สักพัก ? หมายความว่าไอ้ฆาตกรนี่มันจะอยู่ในบ้านเขางั้นเหรอ ?

“ขอบใจ” มังกรส่งโทรศัพท์คืน “เลิกตัวสั่นได้แล้วมึงน่ะ เห็นแล้วรำคาญว่ะ เดี๋ยวก็ยิงไส้แตกหรอกไอ้ห่านี่ กูไม่ฆ่ามึงหรอก เออ กูขอพักอยู่บ้านมึงก่อนนะ ถ้ามึงไปแจ้งตำรวจบอกได้คำเดียว...ศพมึงไม่สวยแน่ไอ้หน้าอ่อน !”

“มะ...ไม่ได้ คะ...คุณจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ !” พิฟรวบรวมความกล้าบอกคนถือวิสาสะ

“มึงว่าอะไรนะ จะไม่ให้กูพักอยู่ที่นี่ ?” มังกรเลิกคิ้ว จ้องเด็กหนุ่มหน้าหวานนั่นอย่างเอาเรื่อง

“ชะ...ใช่”

“จะไม่ให้กูอยู่ใช่มั้ย ?” ชายหนุ่มถามอีกครั้งพร้อมลูบปืนไปมาเหมือนบอกให้รู้ว่า ‘ถ้าไม่ให้ละก็กูยิงแน่’ แล้วใครมั่งล่ะที่จะกล้าปฏิเสธถ้าเห็นมันทำแบบนั้น

“กะ...ก็ได้ครับ” พิฟยอมจำนนโดยดุษณี

“ดี แล้วกูจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ที่มึงช่วยชีวิ...” มังกรชะงักคำพูดไปเมื่อได้เห็นพิฟร้องไห้ออกมา ความรู้สึกประหลาดเอ่อล้นในหัวใจ

พิฟเดินตัวสั่นไปด้านในแล้วก็ไม่ออกมาให้เขาได้เห็นใบหน้าหวานจับใจนั้นอีกเลยในคืนนั้น...

พิฟเยี่ยมหน้าออกมาหน่อยหนึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อดูว่านักโทษแหกคุกคนนั้นตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็เห็นว่ามังกรนอนอ้าซ่าอยู่ตรงที่เดิมที่เขานั่งเมื่อคืน ไม่ได้ขยับไปไหน

เด็กหนุ่มหน้าหวานเดินย่องไปที่ประตูเพื่อจะออกไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัย แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“จะไปไหน ?”

“ปะ...ไปเรียน” พิฟอกสั่นขวัญแขวนกับน้ำเสียงอันน่าเกรงขาม

“อย่าตุกติก ห้ามบอกใครทั้งนั้นเรื่องที่กูอยู่ที่นี่” มังกรพูดโดยไม่ลืมตา

“ครับ” พิฟขานรับ กำลังจะเดินออกไป แต่ชายหนุ่มก็พูดขึ้นต่อ

“ทีหลังอย่าร้องไห้ให้กูเห็นอีก ผู้ชายอกสามศอกเขาไม่ร้องไห้ให้เห็นกันหรอก ยกเว้นเสียแต่มึงจะเป็นแต๋ว !”

“…”

พิฟมาเรียนหนังสือด้วยอาการจิตไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใครจะไปคิด...ว่าไอ้นักโทษแหกคุกนั่นจะมาขออาศัยอยู่ในบ้านเขาซึ่งๆ หน้า บ้านคนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะแล้วทำไมมันจะต้องโผล่มาที่บ้านเขาด้วย

มิหนำซ้ำยังออกปากว่าจะฆ่าจะแกงกันอยู่ตลอดเวลา แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาสติเสียได้ยังไงกันเล่า จะไปปรึกษาใครก็ไม่ได้ พ่อกับแม่ก็อยู่ต่างจังหวัด โอ๊ย ให้ตายสิ ไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้วะเนี่ย !

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ แพลงก์ตอน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ดวงใจในไอรัก (Yaoi)

ดวงใจในไอรัก (Yaoi)

โรแมนติก

5.0

ดวงใจในไอรัก...เป็นเรื่องราวของ ‘บรูซ’ และ ‘คิมซอนมิน’ สองศิลปินชื่อดังจากทางฝั่งฮอลลีวู้ดและเกาหลีใต้ พวกเขาเจอกันเพราะงานภาพยนตร์ที่มีโอกาสได้เล่นร่วมกัน วินาทีแรกที่สองหนุ่มสบตาทั้งคู่ก็รู้เลยว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ พวกเขาตกหลุมรักกัน ซึ่งมันเป็นความรักต้องห้ามที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้ ทั้งสองจะทำอย่างไรในเมื่อหัวใจได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซ้ำยังปัญหาร้อยแปดประการที่โถมใส่พวกเขาจนยากที่จะหาทางออก มาร่วมกันค้นหาบทสรุปของบรูซและคิมซอนมินกันนะครับ “ผะ...ผมทำให้ชีวิตคุณ ขะ...เขวหรือเปล่า” “ทะ...ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?” ซอนมินตกใจ หันขวับมาจ้อง “อะ...อนาคตคุณกำลังจะไปได้สวย ตะ...แต่พอเราเจอกันทุกอย่างก็วูบดับลง” “บะ...บรูซ !!!” “...” “คะ...คุณอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ผมไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนี้เลย !” “ฮะ...ฮึก...” บรูซสะอึกสะอื้น “คุณเองก็ยังยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผมเหมือนกัน มะ...ไม่ใช่เหรอ ?” “ชะ...ใช่ครับ ตะ...แต่มันต่างกัน ผะ...ผมอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่สามขวบ ผิดกับคุณ...ที่เพิ่งจะสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาได้ไม่กี่ปี คะ...คุณไม่เสียดายหรือไง !” ซอนมินจอดรถตรงข้างทาง ตะโกนก้องด้วยความเจ็บช้ำ “ทะ...ทำไมคุณถึงดูถูกความรู้สึกผมขนาดนี้ !!!” “ฮือออออ...” ที่สุดแล้วนักแสดงหนุ่มก็ร้องไห้โฮ ละล่ำละลักอย่างหมดอาย “ผะ...ผมกลัว กะ...กลัวจะเสียคุณไปไง !”

หัวใจร้ายวิ่งราวรัก

หัวใจร้ายวิ่งราวรัก

โรแมนติก

5.0

เป็นเรื่องราวดราม่าในครัวเรือน เน้นความรักความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างพี่น้องทั้ง 5 คน แต่ยังมีกลิ่นอายความรักของหนุ่มสาวที่เป็นพระเอกนางเอกของเรื่องไว้ด้วย ตามสไตล์หนังฝรั่ง --- ฟาร่า เตฮะราน นักร้องสาวสวยชื่อดัง เชื้อสายเบรย์เมนพลอสที่ไปโด่งดังในฮอลลีวู้ด กลับมาบ้านเกิดปีนี้มี ‘บางอย่าง’ กำลังจะเปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งเธอเคยทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงกับอดีตคนรักเก่าเพื่อแลกกับการเดินตามความฝัน... วันนี้...เธอจึงกลับมาแก้ไขเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นไร...เธอจะยอมรับมันให้ได้ ดีกว่ามานั่งเสียใจที่ไม่คิดทำอะไรเลย “ยะ...อย่าหลบหน้ากันอีกเลยนะคะ ---” “…” “ฉะ...ฉันกลับมาเพื่อขอโทษคุณ และฉันมา...เพื่อขอโอกาส จะ...จากคุณอีกครั้ง” เธอกลืนลมหายใจสะท้าน รอคอยคำตอบจากเขาแม้เพียงสักนิด “...” ทว่าเขาก็ยังเงียบสนิท ไม่ปริปากใดๆ “คะ...คุณจะให้อภัยฉันได้ไหม ?” “ฮึ ! ไม่มีประโยชน์หรอก คุณกลับไปเสียเถอะ” เสียงทุ้มเย็นชากล่าวขึ้นในท้ายที่สุด “กลับไป...แล้วต่างคนต่างอยู่เหมือนที่เคยทำมาตลอด” “ฉะ...ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น กะ...กว่าฉันจะตามหาคุณเจอต้องใช้เวลาเกือบสองปี !” ดัรวีชทำสีหน้าเจ็บปวด “คะ...คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร นะ...ในเมื่อตัวคุณเองไม่ใช่เหรอ ทะ...ที่ทิ้งผมไว้ข้างหลัง ยะ...อย่างไม่ไยดี ละ...แล้วตอนนี้คุณจะมาเอาอะไรอีกไม่ทราบ ฮะ คุณนักร้องฮอลลีวู้ด ?!!!” ฉันเหมือนโดนมีดกรีดแล่ไปในเนื้อหัวใจ ปวดร้าวทุรนทุราย “ฉะ...ฉันขอโทษ ฉะ...ฉันผิดไปแล้ว ฉะ...ฉัน ฉันรู้สึกผิดและละอายแก่ใจจริงๆ กะ...กับทุกสิ่งที่ทำกับคุณเอาไว้ คะ...คุณ จะยกโทษให้ฉันได้ไหม” เธอร้องไห้ระงม ระบายสิ่งที่อัดอั้นในอกออกมา “เฮอะ ! ช่างน่าขันสิ้นดี คุณทำกับผมเอาไว้เจ็บแสบมาก...คุณฟาร่า แล้วอยู่ๆ คุณคิดเหรอว่ากับการที่คุณแค่มาขอโทษผมง่ายๆ แบบนี้มันจะทำให้ผมยกโทษให้คุณได้ ตลกนัก...ฮะๆ” เขาหัวเราะหยัน “ความรู้สึกคนนะครับไม่ใช่แผ่นกระดาษที่หน้าขาดแล้วคุณจะใช้สกอตเทปแปะติดคืนกลับไปใหม่ได้ !!!” “…” “มันสายไปแล้วละครับ ทุกอย่าง...มันสูญสิ้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับที่ไอ้เด็กผู้ชายใสซื่อคนนั้นที่คิดว่าความรักสวยงามก็ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วเช่นกัน !” “…” “อย่ามายุ่งกับผมอีก เราต่างคนต่างใช้ชีวิต ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่า...ผมเกลียดคุณ --- คุณฟาร่า เตฮะราน !!!” เรื่องราวของพวกเขาสองคนจะเป็นยังไงต่อไป จะดำเนินไปในทิศทางไหน อุปสรรคและปัญหาที่มาในรูปแบบต่างๆ กันก็ถาโถมโจมตีมาทดสอบไม่จบสิ้น ฟาร่าจะหาทางออกได้ไหม แล้วจะเอาชนะใจ ‘ดัรวีช’ ได้หรือเปล่า ต้องติดตามได้ในเล่มครับ ###

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.4

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

จวนร้างแห่งนี้มีสตรีถูกทิ้ง

จวนร้างแห่งนี้มีสตรีถูกทิ้ง

pailinnaka591
5.0

ซ่งจื่อเหยียนถูกน้องสาววางแผนร้าย ในงานวันเกิดองค์หญิงหกกลับพบว่านอนกอดก่ายอยู่กับเว่ยเซียวหยาง แต่เขารังเกียจสตรี แต่งกับนางหรือฝันเฟื่องหรือไง นางจึงถูกไล่ไปอยู่จวนร้างไกลเมืองหลวงถึงห้าสิบลี้ หลี่จื่อเหยียนมาถึงทั้งทีก็สวมบทคุณแม่เลย  ซ่งจื่อเหยียนเจ้าของร่างเดิมจากไปขณะคลอดลูก  แล้วฉันทำไมต้องมาเบ่งแทนวะ ให้ไปแม่น้ำเหลืองเลยไม่ได้หรือไง มันเจ็บนะโว้ย ฮือๆๆๆ สาวใช้ของนางพยายามช่วย ป้าหูอายุห้าสิบแล้ว เป็นชาวบ้านครอบครัวเดียวที่อยู่แถวนั้น "คุณหนูเบ่งอีกนิดเจ้าค่ะ  ฮือๆที่นี่อยู่ไกลนักไม่มีหมอตำแยสักคน" "เอาน่าแม่นางเย่วเล่อ ข้าไม่เคยทำคลอดแต่ข้าก็เคยคลอดลูกแหละน่า นี่ๆอาซ้อซ่งเจ้าเบ่งอีกหน่อย แล้วอย่าสลบไปแบบเมื่อกี้เล่า อดทนหน่อย "อ๊ายย  โอ๊ยเจ็บโอ๊ยเวรกรรมฉิบหายยังไม่ทันมีผัว  ไม่ทันได้รู้รสชาติการป๊าบๆกับผู้ชายเลย  ก็ต้องมาเบ่งลูก  อื้อเจ็บ  อ๊ะ อ๊ายยย" "คุณหนู  ท่านเบ่งอีกนิด  น้ำร้อนเตรียมแล้ว  เย่วหลีกำลังไปเอาเจ้าค่ะ  เหตุใดท่านอ๋องพระทัยร้ายนักฮือๆๆ" "พอแล้ว ไอ้อ๋องสุนัขนั่นสมควรไปตายซะ อ๊าย ข้าเจ็บจะตายเจ้าจะมารำพึงรำพันอะไรเย่วเล่อ  ออกแล้วข้าคลอดแล้ว  อ๊ะ อ๊ายยย" หลี่จื่อเหยียนคลอดบุตรชายของร่างเดิมออกมาหนึ่งคน  จากนั้นนางก็เพลียจนหลับไป

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

Charlton Buccafusco
5.0

ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

อาเขยจอมเถื่อน

อาเขยจอมเถื่อน

มณีน้ำเพชร
5.0

เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ