ภรรยากระดูกเหล็ก
ผู้เขียน:Kaleb Mugnai
หมวดหมู่โรแมนติก
ภรรยากระดูกเหล็ก
“ฉวี่ชิงเกอ ฉวี่มู่เขามีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ ผ่านไปตั้งหลายปีแล้วแต่คุณก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ คุณมักจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ”
ใบหน้าของฉวี่ชิงเกอดุดันขึ้นในทันใด เธอพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ฟู่หนานจิ่น เราหย่ากันแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตัดสินฉัน ไม่ว่าฉันจะทำอะไร มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลยสักนิด”
หลังจากพูดจบ ฉวี่ชิงเกอก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไปทันที
สายตาของฟู่หนานจิ่นดูเคร่งขรึมขึ้นในทันที เขาจุดบุหรี่ในมือด้วยความหงุดหงิด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉวี่ชิงเกอเมื่อห้าปีก่อน
เธอมีความประพฤติดีและเชื่อฟัง เตรียมกับข้าวไว้รอเขาเสมอหลังเลิกงานเสมอ คอยเอาใจเขาอย่างระมัดระวัง
แต่ฉวี่ชิงเกอในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนละคนแล้ว ใช่ พวกเขาหย่ากันแล้ว แล้วทำไมเขาต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเธอขนาดนั้นด้วย
ตอนแรกฉวี่ชิงเกอคิดว่า หลังจากห้าปีผ่านไป เธอจะต้องเผชิญหน้ากับฟู่หนานจิ่นได้โดยไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่ตอนที่เธอหลังหันกลับมา ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว ในสายตาของเขา เธอเป็นคนที่แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
พอเดินออกจากร้านอาหาร ฉวี่มู่ก็เห็นว่าเธอดูไม่ปกติ เขาจึงถามขึ้นว่า “เป็นอะไรไป?
ฉวี่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะพี่”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว จริงสิ งานเลี้ยงที่จะประกาศตัวตนของเธออยู่ในขั้นตอนที่กำลังดำเนินการอยู่นะ ถ้าต้องการอะไรจำไว้ว่าต้องบอกพี่”
“ได้สิ ขอบคุณนะพี่”
ตระกูลฉวี่ ตระกูลฟู่ และตระกูลฮั่ว เป็นสามตระกูลใหญ่ในเมือง A บุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมชั้นสูงต่างก็รู้ว่าเมื่อห้าก่อนตระกูลฉวี่ได้เจอตัวลูกสาวที่หายไปแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยรู้จักตัวตนของเธอเลย ทุกคนรู้แค่ว่าตัวตนของเธอนั้นมีความลึกลับมาก
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา งานเลี้ยงก็จัดขึ้นตามกำหนด ในโรงแรมระดับห้าดาวที่อยู่ภายใต้เครือของฉวี่ซื่อ กรุป แขกต่างก็ทยอยมาถึงกันเรื่อย ๆ บรรยากาศในงานดูครึกครื้น งานเลี้ยงถูกตกแต่งไว้อย่างอลังการ ทุกที่ล้วนมีกลิ่นอายของเงินทอง ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ตระกูลฉวี่รักและโปรดปรานคุณหนูฉวี่คนนี้มากขนาดไหน
คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงจากตระกูลชั้นสูงมากมาย ทุกคนต่างคอยมาประจบประแจงฉวี่ชิงเกอ และรวมถึงไปเจี่ยนหล่านด้วย
เจี่ยนหล่านไม่ได้รับจดหมายเชิญ แต่บริษัทฟู่ซื่อ กรุปได้รับเชิญ เธอจึงพยายามอ้อนวอนทุกวิถีทางเพื่อขอให้ฟู่หนานจิ่นพาเธอมามางานเลี้ยงด้วย เพราะเธออยากพูดคุยกับลูกสาวของตระกูลฉวี่ เธอจะเอาบทนางเอกละครเรื่อง “ซือฉิงจ้วน” มาให้ได้
เวลานี้ มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามาที่งานเลี้ยงช้า ๆ ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดราตรีสีฟ้าอ่อน แต่งหน้าสวยงดงาม ผมที่เป็นลอนของเธอปล่อยอยู่ด้านหลัง การเคลื่อนไหวของเธอดูสง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้ เธอสวยจนใคร ๆ ต่างก็ต้องหันไปมอง
ทุกคนรู้จักฉวี่มู่ แต่กลับไม่รู้จักผู้หญิงข้าง ๆ เขา พวกเขาต่างก็คาดเดากันในใจว่านี่คงไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลฉวี่ผู้ลึกลับคนนั้นหรอกมั้ง!
ซึ่งแน่นอนว่าเจี่ยนหล่านก็เห็นฉวี่ชิงเกอแล้วเช่นกัน พอเห็นใบหน้าที่สดใสนั้น ความอิจฉาริษยาในตัวเธอก็พลุกพล่านขึ้นมาทันที ทำไมฉวี่ชิงเกอถึงมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงที่นี่ได้ล่ะ ผู้หญิงคนนี้ตามหลอกหลอนเธอไปทุกทีไม่หยุดจริง ๆ
ด้วยความที่เจี่ยนหล่านไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉวี่ชิงเกอจะเป็นลูกสาวของตระกูลฉวี่ สายตาของเธอจึงเริ่มฉายแววความชั่วร้ายออกมา ที่แท้ฉวี่ชิงเกอก็มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉวี่มู่นี่เอง!
เหอะ ฉวี่ชิงเกอ วันนี้ฉันจะทำให้เธอเห็นดีกันแน่
ฟู่หนานจิ่นยืนอยู่ข้างเจี่ยนหล่าน สายตาของเขามองตามคนที่ใส่ชุดสีฟ้าอ่อนนั้นไป แล้วเขาก็ขมวดคิ้วแน่น
แววตาของเขาเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีพายุบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นมา
ฉวี่ชิงเกอ
เขาจ้องมองไปยังแผ่นหลังที่บอบบาง แล้วภาพนับไม่ถ้วนเมื่อห้าปีที่แล้วก็แวบเข้ามาในความคิดของเขา ในตอนนั้นเธอผอมกว่าตอนนี้มาก แล้วเธอก็ไม่ค่อยได้มาเข้าร่วมงานแบบนี้สักเท่าไหร่
เขาเคยพาเธอไปงานเลี้ยงแค่ไม่กี่ที่เท่านั้น เธอมักจะยืนอยู่ข้างเขาเงียบ ๆ ท่าทางยอมแพ้จำทน
เขาเคยเห็นเธอถูกเยาะเย้ยว่าร้าย แต่ในตอนนั้น เขามีแต่ความรู้สึกรังเกียจเธอ จึงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ฉากในอดีตซ้อนทับกับภาพเหตุการณ์ตอนปัจจุบัน แล้วฟู่หนานจิ่นก็พบว่า เขาแทบจะไม่สามารถเชื่อมโยงระหว่างผู้หญิงผู้หยิ่งผยองและดูสูงส่งตรงหน้า กับใบหน้าที่ซูบผอมในอดีตได้เลย
เป็นเพราะฉวี่มู่งั้นเหรอ?
“หนานจิ่น...หนานจิ่น...” เจี่ยนหล่านเรียกเขาอยู่หลายครั้ง แล้วฟู่หนานจิ่นก็ดึงสติกลับมาได้
“ทไมเหรอ?” เขาหันหน้าไปมองเจี่ยนหล่าน ใบหน้าของเขายังคงดูงุนงงอยู่
พวกเขาคบกันมาตั้งหลายปี ทำไมเจี่ยนหล่านจะมองไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดฟุ้งซ่านมากแค่ไหน เธอจึงยิ่งรู้สึกเคียดแค้นฉวี่ชิงเกอมากขึ้น
.......
“ฉวี่ชิงเกอ เดี๋ยวพี่ไปคุยกับลุงกู้ก่อนนะ เธอรอพี่อยู่ตรงนี้ล่ะ”
ฉวี่มู่พอเห็นคนรู้จักที่สนิทสนมกันมานานยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็ตบมือของเธอที่ควงแขนเขาอยู่เบา ๆ และพูดขึ้นมา
ยังมีเวลาอีกสักพักก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ฉวี่ชิงเกอจึงพยักหน้า “ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันรอพี่อยู่ตรงนี้แหละ”
เธอเดินไปข้างหน้าหลายก้าว หาเก้าอี้ตรงโต๊ะอาหารแล้วก็นั่งลง ขณะที่เธอเพิ่งจะหยิบขนมบนโต๊ะขึ้นมาและยังไม่ทันเอาเข้าปาก เธอก็ได้ยินเสียงพูดเย้ยหยันขึ้นมาซะก่อน
“เธอนี่มันไม่เคยผ่านโลกมาก่อนจริง ๆ เลยนะ งานเลี้ยงยังไม่ทันจะเริ่มก็กินก่อนซะแล้ว?”