เรื่องลับเจ้าของผับหื่น

เรื่องลับเจ้าของผับหื่น

เล้าโลมLaoLome

5.0
ความคิดเห็น
9.5K
ชม
16
บท

เรื่องคืนนั้น..มันไม่ควรเป็นแบบนี้ !! ถ้าไม่คิดอะไร..อย่าจับหัวได้ปะ

บทที่ 1 เรื่องคืนนั้น

ร่างสวยผิวละเอียดเนียนขาว ชุดเดรสรัดรูปสีแดงตัวสั้น ถลกขึ้นโชว์เรียวขาอ่อน ไม่พอแค่นั้นยังขยับชันขาขึ้น เผยให้เห็นแพนตี้สีขาวที่อยู่ข้างใน

-แปลกจริงเธอพวกนี้ถึงไม่ใส่ซับในเซฟตี้ไว้หน่อย-

​​​​​พยายามหักห้ามใจเบือนหน้าออก ขณะกำลังจะลุกขึ้นนั้น..ในใจท่อง นะโม นะโม หลายครั้ง คือ ครั้งแล้ว กับครั้งเล่า ใจเต้นเร็วรัวยิ่งกว่าเครื่องยนต์

เธอดิ้นไปดิ้นมายิ่งปลุกเร้าอารมณ์ไปกันใหญ่ ถ้าผมจุดติด ก็จะคิดไม่ซื่อทันทีนะจะบอกให้ เป็นไงเป็นกันแค่เด็กในสังกัดวะ

" ขอโทษนะสาวน้อย อดใจไม่ไหวแล้วโว้ย " ผมก้มลงกระซิบข้างใบหูเล็กของเหมย เธอขาวสวย หมวย เอ็กซ์ขนาดนี้ ปล่อยไปฟรี ๆ ก็บ้าแล้ว ปะ ผมไม่ใช่พ่อพระคนดีขนาดนั้น

ผมลุกขึ้นยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น ขณะที่สายตาคู่คม จ้องมองเรือนร่างอันขาวผ่อง ไม่นานชุดหล่อเท่ก็ไปกองอยู่ที่พื้น

ผมจัดการขึ้นคร่อมร่าง เธอถอดชุดเดรสที่เกะกะออกให้หมด นั่นยิ่งทำให้ผมอดไจไม่ได้อารมณ์ชายกระเจิดกระเจิงไปกันใหญ่ เนื้อเนินอกอิ่มขาวเนียน จุดบอบบางช่างน่าพิสมัยเสียจริง

ผมโน้มตัวก้มต่ำจัดการเรือนร่างหญิงสาวไปทีละจุด จนมาหยุดที่น้องสาวของเธอ สอดนิ้วแกร่งเข้า ๆ ออก ๆ จนตรงนั้นเริ่มมีน้ำเจลใส ๆ มือหนาเอื้อมหยิบถุงยางในกระเป๋า

อยากจะขอบคุณตัวเอง ที่เดชะบุญเอามันไว้ใกล้ตัวหยิบง่ายหน่อย

เมื่อพร้อมแล้ว จัดการส่งน้องชายเข้าไปสำรวจในกายของเธอก่อน ช้า ๆ

"อ๊ะ" เธอสะดุ้งเริ่มรู้สึกตัว เมื่อโดนสัมผัสที่จุดของรักของหวง มือน้อยปัดป่ายให้เอาออก แต่ผมเริ่มขยับเร็วขึ้น พร้อมกับมือหนานวดคลึงจุดเสียวกระตุ้นถี่ขึ้น ถี่ขึ้น รัว ๆ ไม่เป็นจังหวะ ทำให้สติเธอหลุดไปอีกครั้ง...

ร่างเปลือยเปล่าเหมือนจักขัดขืน แต่พลันอ่อนนิ่มลง เอ๊ะ เชี่ยละ !!นั่นมัน เลือด!! นี่เธอมาทำงานแบบนี้ แต่อย่าบอกนะว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่ แต่..ตัวผมเอง มาขนาดนี้แล้วผมก็หยุดไม่ได้เช่นกัน

เธอคับแน่นจน ความรู้สึกสยิวซ่าน ปั่นป่วนขนลุกทั่วทั้งร่างกาย อารมณ์ปรารถนาล่องลอยไปในห้วงฝัน แรงยั่วสวาทนี้เกินจะต้านไหว ผมใส่ไปเต็มแรงเพื่อส่งตัวเองไปถึงฝั่งฝัน น้ำรักพวยพุ่งอัดแน่นเต็มถุงยางไซด์ใหญ่

" ขอโทษทีนะเหมย " หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจผมเช็ดเนื้อตัวที่เลอะเปื้อน พร้อมกับสวมเสื้อผ้ากลับไปให้เธอเช่นเดิม แล้วปล่อยให้เธอนอนพักผ่อน เธอนอนนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไร

" เชี่ย!! ตายหรือเปล่าวะ "

ผมก้มลงไปที่อกข้างซ้ายเพื่อฟังเสียงหัวใจของเธอ และส่งนิ้วชี้ไปจับชีพจร กลิ่นลมหายใจที่พ่นออกมีกลิ่นเหล้า นั้นแสดงว่าเธอยังมีชีวิตอยู่

จากนั้นหยิบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่มให้กับเธอ ส่วนตัวผมเนียนไปนอนที่โซฟา เผื่อเธอตื่นมาแล้วโวยวาย

เช้าวันต่อมา

เหมย Talk

ฉันตื่นลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกที่ปวดหัวอย่างหนัก ผนังห้องสีเทาแดง รูปภาพ นี่มันไม่ใช่ห้องฉันนี่นา " โอ๊ย ปวดหัว "

ฉันปรับโฟกัสสายตาที่มัวให้เป็นปรกติ แล้วมองไปยังอีกมุมหนึ่งของห้อง เจอร่างของคุณดีแลนนอนอยู่ นี่ฉันมานอนที่ห้องเขาได้ยังไง

เกิดอะไรขึ้น?ในหัวมีแต่เครื่องหมายคำถาม ฉันพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ ล่าสุดคือไปคุยธุระเรื่องที่ลาออก เขาทำอะไรฉันหรือเปล่านะ ทำไมเจ็บท้องน้อยหน่วง ๆ

ฉันดึงชุดที่ถกขึ้นสูงให้ปิดลง ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนร่างลงจากเตียงนุ่ม จะปลุกเขาดีมั้ยนะ หรือจะปล่อยให้เขานอน สงสัยฉันน็อคแล้วเขาพาขึ้นมานอนบนห้องเขาแน่ ๆ แต่บอกเขาหน่อยดีกว่าเผื่อจะได้ขอบคุณเขา

" คุณดีแลนคะ"เขาสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้น

" อ้าวเหมย ตื่นแล้วเหรอ " ผมสังเกตท่าทีเธอก่อนว่าเธอจะจำเรื่องราวเมื่อคืนที่ผมทำไม่ดีกับเธอได้หรือไม่

" เหมยจะกลับแล้วขอบคุณนะคะ "

" อ่อ เดี๋ยวผมไปส่ง " ดูท่าทางเธอคงจำไม่ได้หรือว่าจำได้ แต่เธอเนียนว่าไม่มีอะไรหรือเปล่านะ ผมทำเธอขนาดนั้นก็อดเป็นห่วงอยากที่จะไปส่ง

" ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเหมยนั่งแท็กซี่กลับเองได้ "

ฉันอายที่จะให้ใครเป็นเจอสภาพห้องเช่าแบบนั้น ขอกลับเองดีกว่า เดี๋ยวเขาจะสมเพชฉันเหมือนเจฟฟี่อีก

" ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ ชุดคุณโป๊ แบบนี้เดี๋ยวแท็กซี่ก็ลากไปทำมิดีมิร้ายหรอก "

-ทำไมเธอกลับปฏิเสธผมเสียงแข็งล่ะ นั่นยิ่งทำให้ผมเป็นกังวล -

"งั้นเหมยขอยืมเสื้อคลุมคุณดีแลนหน่อยได้มั้ยคะ เหมยกลับเองดีกว่าค่ะ "

" เอางั้นเหรอ ได้สิ " เธอไม่ยอมให้ไปส่งจนผมต้องยอมปล่อยเธอไป แต่มองหน้าเธอทีไรทำไมผมรู้สึกสงสาร ที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอ

สิ้นประโยคสนทนา ฉันหยิบเสื้อคลุมร่างเดินออกจากห้องโดยที่มีเขาเดินตาม ลงมาส่งทำไมวันนี้ เจ้านายฉันดูแปลกจังปรกติไม่เคยเดินลงมันส่ง

" รถมาแล้ว ไปนะคะ "

หลังจากที่เธอกลับไป ผมกลับขึ้นมาบนห้องเพื่อนอนต่อ แต่เมื่อเห็นรอยเลือดที่เปื้อนที่นอนทำให้รู้สึกผิดขึ้นมาทันที

โปรดติดตามตอนตอนไป..

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ เล้าโลมLaoLome

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พลาดรักท่านประธาน

พลาดรักท่านประธาน

ฮิวโก้
5.0

จากแฟนเก่าสุดรักครั้งวัยเด็ก ที่เคยเลิกรากันไปนานถึงห้าปี แต่พรหมลิขิตชักพาให้เขาสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานะท่านประธานกับเลขา ________________________ “นายเลิกยุ่งกับฉันได้ไหม ขอร้องละ” ริสาหดลำคอถอยหนีด้วยความกลัว เมื่อก่อนเคยโมโหร้ายยังไง ตอนนี้เขายังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน “แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้น!?” “....” หญิงสาวน้ำตาคลอเมื่อคนตรงหน้าไม่มีท่าทีว่าจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ “เมียเก่าของฉันดูน่าสงสารจังเลยนะ” “เลิกแกล้งฉันสักทีได้ไหม จะทำร้ายความรู้สึกฉันไปถึงเมื่อไหร่กัน?” “พอโดนฉันเอาคืนแค่นี้ ถึงกลับทนไม่ได้เลยเหรอ?” “แล้วต้องให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันชดใช้ยังไงก็บอกมาสิ” “มันชดใช้แทนกันไม่ได้หรอก เพราะฉันเจ็บปวดกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ” “ฉันก็เจ็บปวดไม่แพ้นายนั่นแหละ” “ถ้าเจ็บปวดแล้วทำไมไม่กลับมา ทำไมต้องทิ้งฉันไปแบบนั้น!” “....”

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

เกาะครีต
4.9

วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม

ความจำเสื่อม ชีวิตใหม่

ความจำเสื่อม ชีวิตใหม่

Psithurist
5.0

หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”

หลังจากแต่งงานแล้ว ฉันจึงรู้ว่าฉันคือแสงจันทร์สีขาวของเจ้านาย

หลังจากแต่งงานแล้ว ฉันจึงรู้ว่าฉันคือแสงจันทร์สีขาวของเจ้านาย

Luna
5.0

แปดปีก่อน วินเซียนเล่อเป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยที่ไม่เคยต้องทำงานบ้าน หยิ่งยโสและเอาแต่ใจ; ส่วนซางซือซวี่เป็นหนุ่มจากครอบครัวยากจนที่ถูกคุณหนูเลี้ยงดู ชีวิตลำบากแต่มีความเย็นชาและสง่างาม แปดปีต่อมา วินเซียนเล่อกลับกลายเป็นคุณหนูที่สูญเสียทุกสิ่ง ชีวิตถูกคนอื่นควบคุมและต้องทนทุกข์อย่างโดดเดี่ยว; ในขณะที่ซางซือซวี่กลายเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เมื่อได้พบกันอีกครั้ง เขามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธที่ข้างหูของเธอ พูดด้วยความโกรธว่า "เพราะความเกลียดชังที่มีต่อคุณวินเท่านั้นที่ทำให้มีซางซือซวี่ในวันนี้" เธออดกลั้นน้ำตาและยิ้มอย่างไม่หวั่นไหว "ถ้าเช่นนั้นฉันก็คงเป็นผู้ที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จ คุณจะตอบแทนฉันอย่างไรดี ?" ในคืนฝนตกต่อมา เขากลับมาดันเธอที่ประตูห้องน้ำด้วยความโกรธและโมโห "วินเซียนเล่อ คุณห้ามแต่งงานและมีลูกกับคนอื่น! คุณเป็นของฉันคนเดียว!"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ